02 มกราคม 2558 Huawei THAI ในกลุ่มดีไวซ์มากขึ้นในปี58 โดยจะเพิ่มงบประมาณเท่าตัวจาก 200 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท แง่ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 เครื่องในปีนี้เป็น 400,000 เครื่องภาย
ประเด็นหลัก
นายโทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีไวซ์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะเพิ่มงบประมาณเท่าตัวจาก 200 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท เพื่อผลักดันการทำตลาดในแง่ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 เครื่องในปีนี้เป็น 400,000 เครื่องภายในปีหน้า และจะโปรโมตแบรนด์มากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า ล่าสุดเลือกดาราวัยรุ่น "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกเพื่อเสริมการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
สำหรับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% และ 5.4-5.9% เป็นอันดับ 3 ในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่หัวเว่ยให้ความสำคัญมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยปีนี้มีสินค้าออกสู่ตลาด 10 รุ่น ราคา 2,990-19,990 บาท มียอดขายรวม 200,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ย 7,000 บาท/เครื่อง สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดสมาร์ทโฟนที่ 6,000 บาท
"ปีหน้าตั้งเป้าสูงขึ้น โดยเพิ่มงบฯทำตลาดในไทยเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท จากงบฯการตลาดในอาเซียนทั้งหมด 600 ล้านบาท ปีหน้าเปิดตัวใหม่ 20 รุ่น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 5% จะมีการเปิดแบรนด์ช็อปที่สยามพารากอนเป็นที่แรกในกรุงเทพฯ หลังจากเปิดไปแล้ว 2 แห่งที่ภาคอีสานและภาคใต้"
_____________________________________________________
"หัวเว่ย" รุกชิงเค้กสมาร์ทดีไวซ์ เท 400 ล.เปิดศึกเพิ่มแชร์ปี58
มังกรจีน "หัวเว่ย" เตรียมสู้ศึกแข่งดุปีหน้า ประกาศควักกระเป๋าอัดฉีดเงินเพิ่มเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท เปิดเกมรุกตลาดต่างจังหวัดเต็มสตรีม ตั้งเป้าดันส่วนแบ่งตลาดขยับจาก 2.5% เป็น 5% โกยยอดขาย 400,000 เครื่อง ขนเครื่องรุ่นใหม่ลงตลาด 20 รุ่น พร้อมปรับราคาลงเพิ่มขีดแข่งขัน
นายโทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีไวซ์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะเพิ่มงบประมาณเท่าตัวจาก 200 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท เพื่อผลักดันการทำตลาดในแง่ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 เครื่องในปีนี้เป็น 400,000 เครื่องภายในปีหน้า และจะโปรโมตแบรนด์มากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า ล่าสุดเลือกดาราวัยรุ่น "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกเพื่อเสริมการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
สำหรับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% และ 5.4-5.9% เป็นอันดับ 3 ในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่หัวเว่ยให้ความสำคัญมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยปีนี้มีสินค้าออกสู่ตลาด 10 รุ่น ราคา 2,990-19,990 บาท มียอดขายรวม 200,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ย 7,000 บาท/เครื่อง สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดสมาร์ทโฟนที่ 6,000 บาท
"ปีหน้าตั้งเป้าสูงขึ้น โดยเพิ่มงบฯทำตลาดในไทยเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท จากงบฯการตลาดในอาเซียนทั้งหมด 600 ล้านบาท ปีหน้าเปิดตัวใหม่ 20 รุ่น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 5% จะมีการเปิดแบรนด์ช็อปที่สยามพารากอนเป็นที่แรกในกรุงเทพฯ หลังจากเปิดไปแล้ว 2 แห่งที่ภาคอีสานและภาคใต้"
บริษัทจะเพิ่มน้ำหนักทำตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น หลังพบว่ายอดขายสมาร์ทโฟนในไทย 60% มาจากต่างจังหวัด และ 40% ในกรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้ทำได้ดีในภาคใต้ และภาคกลาง ส่วนปีหน้าจะพยายามไปยังภาคเหนือและอีสานมากขึ้น รวมถึงขยายช่องทางออนไลน์ จากปัจจุบันมี "ลาซาด้า" เป็นพาร์ตเนอร์รายเดียว มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3%
"เราอาจหาออนไลน์เจ้าอื่นเพิ่มและเสริมช่องทางการจำหน่ายกับร้านค้าปลีก รวมถึงขยายศูนย์บริการจาก 75 สาขา เป็น 125 สาขาทั่วประเทศ"
นายหลิวยอมรับว่า การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนปีหน้าจะทวีความรุนแรงขึ้น จากผู้ขายมากราย ขณะที่ผู้บริโภคมีความรู้ในการเลือกซื้อมากขึ้นแต่มั่นใจว่าหัวเว่ยจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี เพราะไทยยังมีการเข้าถึงสมาร์ทโฟนเพียงแค่ 35% ของประชากรจึงยังมีโอกาสทำตลาดอีกมาก
"เพื่อให้ง่ายต่อการแข่งขันมากขึ้น เราได้มีการปรับราคาสินค้าบางรุ่นให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับราคาขายในต่างประเทศ เพื่อให้แข่งขันได้ดีขึ้น โดยเราจะพยายามทำต้นทุนให้ดีที่สุดเพื่อให้ผู้บริโภคได้สิ่งที่ดีที่สุด"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419761850
นายโทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีไวซ์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะเพิ่มงบประมาณเท่าตัวจาก 200 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท เพื่อผลักดันการทำตลาดในแง่ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 เครื่องในปีนี้เป็น 400,000 เครื่องภายในปีหน้า และจะโปรโมตแบรนด์มากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า ล่าสุดเลือกดาราวัยรุ่น "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกเพื่อเสริมการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
สำหรับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% และ 5.4-5.9% เป็นอันดับ 3 ในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่หัวเว่ยให้ความสำคัญมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยปีนี้มีสินค้าออกสู่ตลาด 10 รุ่น ราคา 2,990-19,990 บาท มียอดขายรวม 200,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ย 7,000 บาท/เครื่อง สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดสมาร์ทโฟนที่ 6,000 บาท
"ปีหน้าตั้งเป้าสูงขึ้น โดยเพิ่มงบฯทำตลาดในไทยเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท จากงบฯการตลาดในอาเซียนทั้งหมด 600 ล้านบาท ปีหน้าเปิดตัวใหม่ 20 รุ่น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 5% จะมีการเปิดแบรนด์ช็อปที่สยามพารากอนเป็นที่แรกในกรุงเทพฯ หลังจากเปิดไปแล้ว 2 แห่งที่ภาคอีสานและภาคใต้"
_____________________________________________________
"หัวเว่ย" รุกชิงเค้กสมาร์ทดีไวซ์ เท 400 ล.เปิดศึกเพิ่มแชร์ปี58
มังกรจีน "หัวเว่ย" เตรียมสู้ศึกแข่งดุปีหน้า ประกาศควักกระเป๋าอัดฉีดเงินเพิ่มเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท เปิดเกมรุกตลาดต่างจังหวัดเต็มสตรีม ตั้งเป้าดันส่วนแบ่งตลาดขยับจาก 2.5% เป็น 5% โกยยอดขาย 400,000 เครื่อง ขนเครื่องรุ่นใหม่ลงตลาด 20 รุ่น พร้อมปรับราคาลงเพิ่มขีดแข่งขัน
นายโทมัส หลิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย ดีไวซ์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดีไวซ์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะเพิ่มงบประมาณเท่าตัวจาก 200 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท เพื่อผลักดันการทำตลาดในแง่ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 เครื่องในปีนี้เป็น 400,000 เครื่องภายในปีหน้า และจะโปรโมตแบรนด์มากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้า ล่าสุดเลือกดาราวัยรุ่น "อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ" เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกเพื่อเสริมการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
สำหรับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาขึ้นมาอยู่ที่ 2.5% และ 5.4-5.9% เป็นอันดับ 3 ในตลาดโลก โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่หัวเว่ยให้ความสำคัญมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยปีนี้มีสินค้าออกสู่ตลาด 10 รุ่น ราคา 2,990-19,990 บาท มียอดขายรวม 200,000 เครื่อง ราคาเฉลี่ย 7,000 บาท/เครื่อง สูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดสมาร์ทโฟนที่ 6,000 บาท
"ปีหน้าตั้งเป้าสูงขึ้น โดยเพิ่มงบฯทำตลาดในไทยเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาท จากงบฯการตลาดในอาเซียนทั้งหมด 600 ล้านบาท ปีหน้าเปิดตัวใหม่ 20 รุ่น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 5% จะมีการเปิดแบรนด์ช็อปที่สยามพารากอนเป็นที่แรกในกรุงเทพฯ หลังจากเปิดไปแล้ว 2 แห่งที่ภาคอีสานและภาคใต้"
บริษัทจะเพิ่มน้ำหนักทำตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น หลังพบว่ายอดขายสมาร์ทโฟนในไทย 60% มาจากต่างจังหวัด และ 40% ในกรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้ทำได้ดีในภาคใต้ และภาคกลาง ส่วนปีหน้าจะพยายามไปยังภาคเหนือและอีสานมากขึ้น รวมถึงขยายช่องทางออนไลน์ จากปัจจุบันมี "ลาซาด้า" เป็นพาร์ตเนอร์รายเดียว มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3%
"เราอาจหาออนไลน์เจ้าอื่นเพิ่มและเสริมช่องทางการจำหน่ายกับร้านค้าปลีก รวมถึงขยายศูนย์บริการจาก 75 สาขา เป็น 125 สาขาทั่วประเทศ"
นายหลิวยอมรับว่า การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนปีหน้าจะทวีความรุนแรงขึ้น จากผู้ขายมากราย ขณะที่ผู้บริโภคมีความรู้ในการเลือกซื้อมากขึ้นแต่มั่นใจว่าหัวเว่ยจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี เพราะไทยยังมีการเข้าถึงสมาร์ทโฟนเพียงแค่ 35% ของประชากรจึงยังมีโอกาสทำตลาดอีกมาก
"เพื่อให้ง่ายต่อการแข่งขันมากขึ้น เราได้มีการปรับราคาสินค้าบางรุ่นให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับราคาขายในต่างประเทศ เพื่อให้แข่งขันได้ดีขึ้น โดยเราจะพยายามทำต้นทุนให้ดีที่สุดเพื่อให้ผู้บริโภคได้สิ่งที่ดีที่สุด"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1419761850
ไม่มีความคิดเห็น: