06 มกราคม 2558 (บทความ) 10 เทรนด์สะเทือนไอทีปี 2558 // มือถือจีนท่วมตลาด ไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, เสี่ยวหมี่ และแซดทีอี ที่วางโพสิชั่นมือถือของตัวเองไว้เป็นเครื่องมือคู่กายที่ฟังก์ชั่นครบครัน ราคาคุ้มค่าที่ไล่เรียงกัน
ประเด็นหลัก
1. มือถือจีนท่วมตลาด
ปี 2558 แทบจะยกให้เป็นปีของสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่ก้าวจากมือถือแอนดรอยด์ราคาถูกสู่ผู้ผลิตมือถือไฮเอ็นด์วางขายทั่วโลก โดยนายเอวี่ กรีนการ์ท ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากเคอร์เรนท์ อนาไลซิส เชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตมือถือจากจีนกำลังจะมีอิทธิพลต่อตลาดสูงขึ้น หลัง "เลอโนโว" เพิ่งทำบิ๊กดีลสำเร็จสอยกิจการมือถือโมโตโรล่า โมบิลิตี้มาจากกูเกิล ซึ่งคาดว่าจะยิ่งช่วยผลักดันฐานตลาดมือถือในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเลอโนโวและของโลกในปัจจุบันอยู่แล้วให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ยังไม่นับรวมผู้ผลิตมือถือจากจีนที่กำลังไล่บี้กันชิงแชมป์ในตลาดมือถือระดับโลกไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, เสี่ยวหมี่ และแซดทีอี ที่วางโพสิชั่นมือถือของตัวเองไว้เป็นเครื่องมือคู่กายที่ฟังก์ชั่นครบครัน ราคาคุ้มค่าที่ไล่เรียงดูแล้วแทบจะเพียงครึ่งเดียวของมือถือไฮเอ็นด์ของแบรนด์อินเตอร์แถวหน้าในตลาด
แน่นอนว่ากลยุทธ์ปล่อยมือถือราคาถูกปูพรมเต็มพื้นที่ของแบรนด์จีนเหล่านี้ยิ่งกดดันให้ค่ายใหญ่ในเอเชียอย่างซัมซุงและแอลจียิ่งต้องเร่งเครื่องแซงให้ขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทุกคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ไอโฟนอย่างเดียวที่จะเริ่มมีสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ออกมาให้เลือกมากขึ้นในปีนี้
2. แวร์เอเบิลฯ ฮอต
เทรนด์รักสุขภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับสวมใส่บนร่างกาย หรือ "แวร์เอเบิล ดีไวซ์" เป็นที่นิยมมากขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์นับก้าว, เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอุปกรณ์ติดตามการนอนที่สามารถทำงานได้นานถึง 6 เดือนจากการชาร์จเพียงครั้งเดียวในราคาที่ต่ำกว่าเครื่องละ 50 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) เท่านั้น
"แวร์เอเบิลจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ร้อนแรงในปีนี้ การเติบโตจะมาแบบพลุแตก และมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี" นายฟิลิปเป้ คาห์น ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัทฟูลเพาเวอร์ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกิดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มแวร์เอเบิล กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูการแข่งขันที่ดุเดือดที่จะทำให้กำไรของสินค้าหดหาย และยังเป็นไปได้ว่าบริษัทหน้าใหม่ที่คิดจะเอาดีกับตลาดนี้อาจต้องสิ้นชีพไปก่อนที่จะผ่านพ้นปีไปได้
_____________________________________________________
10 เทรนด์สะเทือนไอทีปี 2558
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สำรวจความเห็นกูรูไอทีฟันธงเทรนด์ 10 อย่างที่กำลังจะมีบทบาทและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในปี 2558
1. มือถือจีนท่วมตลาด
ปี 2558 แทบจะยกให้เป็นปีของสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่ก้าวจากมือถือแอนดรอยด์ราคาถูกสู่ผู้ผลิตมือถือไฮเอ็นด์วางขายทั่วโลก โดยนายเอวี่ กรีนการ์ท ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากเคอร์เรนท์ อนาไลซิส เชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตมือถือจากจีนกำลังจะมีอิทธิพลต่อตลาดสูงขึ้น หลัง "เลอโนโว" เพิ่งทำบิ๊กดีลสำเร็จสอยกิจการมือถือโมโตโรล่า โมบิลิตี้มาจากกูเกิล ซึ่งคาดว่าจะยิ่งช่วยผลักดันฐานตลาดมือถือในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเลอโนโวและของโลกในปัจจุบันอยู่แล้วให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ยังไม่นับรวมผู้ผลิตมือถือจากจีนที่กำลังไล่บี้กันชิงแชมป์ในตลาดมือถือระดับโลกไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, เสี่ยวหมี่ และแซดทีอี ที่วางโพสิชั่นมือถือของตัวเองไว้เป็นเครื่องมือคู่กายที่ฟังก์ชั่นครบครัน ราคาคุ้มค่าที่ไล่เรียงดูแล้วแทบจะเพียงครึ่งเดียวของมือถือไฮเอ็นด์ของแบรนด์อินเตอร์แถวหน้าในตลาด
แน่นอนว่ากลยุทธ์ปล่อยมือถือราคาถูกปูพรมเต็มพื้นที่ของแบรนด์จีนเหล่านี้ยิ่งกดดันให้ค่ายใหญ่ในเอเชียอย่างซัมซุงและแอลจียิ่งต้องเร่งเครื่องแซงให้ขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทุกคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ไอโฟนอย่างเดียวที่จะเริ่มมีสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ออกมาให้เลือกมากขึ้นในปีนี้
2. แวร์เอเบิลฯ ฮอต
เทรนด์รักสุขภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับสวมใส่บนร่างกาย หรือ "แวร์เอเบิล ดีไวซ์" เป็นที่นิยมมากขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์นับก้าว, เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอุปกรณ์ติดตามการนอนที่สามารถทำงานได้นานถึง 6 เดือนจากการชาร์จเพียงครั้งเดียวในราคาที่ต่ำกว่าเครื่องละ 50 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) เท่านั้น
"แวร์เอเบิลจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ร้อนแรงในปีนี้ การเติบโตจะมาแบบพลุแตก และมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี" นายฟิลิปเป้ คาห์น ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัทฟูลเพาเวอร์ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกิดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มแวร์เอเบิล กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูการแข่งขันที่ดุเดือดที่จะทำให้กำไรของสินค้าหดหาย และยังเป็นไปได้ว่าบริษัทหน้าใหม่ที่คิดจะเอาดีกับตลาดนี้อาจต้องสิ้นชีพไปก่อนที่จะผ่านพ้นปีไปได้
3. 'แอ๊ปเปิ้ล วอทช์' ยึดข้อมือ
ทั้งนี้อาจต้องยกเว้นสำหรับแวร์เอเบิลรุ่นที่โลกจับตาแม้จะราคาสูงอย่าง "แอ๊ปเปิ้ล วอทช์" ที่คาดว่าจะเป็นตัวจุดประกายให้ตลาดแวร์เอเบิลกลุ่มพรีเมียมขึ้นมาโดดเด่นในตลาดจากบรรดาแอพพลิเคชั่นที่พัฒนามาโดยเฉพาะและแตกต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน
แต่ช่วงเวลาแสนหวานมักอยู่ไม่นาน โดยนักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีคนให้ความสนใจซื้อแอ๊ปเปิ้ล วอทช์ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นสาวก หรือซื้อเพราะมันเป็นเทรนด์เท่านั้นเหมือนกับเมื่อครั้งที่ไอโฟน หรือไอแพดออกสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งถ้าคิดจะอยู่ได้นานสินค้าประเภทสมาร์ทวอทช์จำเป็นต้องปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ที่ทำได้มากกว่าเป็นเครื่องวัดจังหวะการเต้นของหัวใจ บอกเวลา หรือส่งเสียงเตือนเมื่อมีข้อความใหม่เข้ามาเท่านั้น
4. สมาร์ทโฮมฉลาดขึ้นอีกขั้น
นายรอสส์ โรบิน หัวหน้านักวิเคราะห์จากเรติเคิล รีเสิร์ช ฟันธงว่า ปี 2558 เทคโนโลยีที่ใช้งานภายในบ้านจะทำให้ที่บ้านมีระบบที่อัจฉริยะมากขึ้นแม้จะไม่ทันทีทันใด แต่ก็จะเริ่มพัฒนาดีขึ้นจากเดิมที่หากใครต้องการมีสมาร์ทโฮมในฝันจะต้องมีเงินนับหมื่นนับแสนเพื่อติดตั้งระบบอัจฉริยะภายในบ้านที่ทำได้เพียงเปิดปิดไฟผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ "สมาร์ทโฮม" ใน พ.ศ.ใหม่อาจเป็นไปได้ถึงขั้นที่มีโซลูชั่นสำหรับงานเฉพาะอย่างที่สามารถควบคุมการทำงานได้โดยตรงผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้อุปกรณ์ที่ชาญฉลาดมากขึ้นยังจะสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ใช้พลังงานน้อยอย่างไวไฟและบลูทูธได้ เพื่อทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เข้ากับเครือข่ายในบ้านทำได้ง่ายขึ้น
5. เฮดเซ็ตมาแรง
หากจะมีอุปกรณ์ไอทีสักชิ้นบนหน้า สำหรับปีนี้คงหนีไม่พ้นแว่นตาอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ประเภทสวมหัว (เฮดเซ็ต) ที่บรรณาธิการนิตยสารเอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว เชื่อว่า "เฮดเซ็ตประเภทใช้สำหรับการเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์" มีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นและใช้งานจริงแพร่หลายในปี 2558 มากกว่ากูเกิล กลาสที่ฮือฮากันในปีที่ผ่านมา เพราะภาพที่สมจริงมากขึ้นและระบบการควบคุมที่เป็นธรรมชาติเหมาะสำหรับใช้กับการดูหนังฟังเพลงที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
6. ระวังแฮคเกอร์ฉกข้อมุูล
ในโลกที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แม้จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นแต่ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินกลับน้อยลงสวนทางกัน ซึ่งแนวโน้มที่จะได้เห็นในปีนี้คือ เหล่าโจรไซเบอร์ทั้งหลายจะเปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีผู้ใช้ระดับบุคคลอย่างท่านๆ เราๆ หนักขึ้นผ่านวิธี "แรนซัมแวร์" ที่ดูแล้วจะคล้ายกับโปรแกรมเรียกค่าไถ่ แต่เปลี่ยนจากแทนที่จะจับคนเป็นตัวประกันเป็น "เข้ารหัสข้อมูลของเราเป็นตัวประกันแทน" ซึ่งหากต้องการข้อมูลคืนจะต้องเสียเงินเสียทองตามที่แฮคเกอร์เรียกร้องมาโดยอาจอยู่ในรูปของค่าธรรมเนียมสำหรับปลดล็อก หรือต้องหาวิธีถอดรหัสกันให้ยุ่งยากชีวิต
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญจากแมคอาฟี่ บริษัทซอฟต์แวร์ด้านซิเคียวริตี้รายใหญ่ยังเตือนว่า ในปีนี้อาจได้เห็นโจรไซเบอร์ใช้วิธีลวงเหยื่อออนไลน์ด้วยการส่งคำร้องขอล็อกอินปลอมไปยังผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปเพื่อเข้าสู่ข้อมูลบัญชีทางการเงิน หรือเครือข่ายขององค์กรมากขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวังให้ดี และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอีเมลก่อนหลงเชื่อให้ข้อมูลกับโจร
ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปเท่านั้นที่จะตกเป็นเป้าสำคัญของการโจมตี แต่ยังหมายรวมถึงบรรดาอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกประเภท หรือที่กำลังเป็นกระแสอย่าง "อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์" ที่ไม่ว่าจะมาในรูปของอุปกรณ์ใด แต่หากสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็ล้วนเป็นเป้าให้เหล่าแฮคเกอร์หารูโหว่เจาะเข้าระบบล้วงข้อมูลสำคัญ หรือสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตได้ทั้งนั้น
7. เตือนซ้ำรอยโจมตีโซนี่
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้เริ่มเตือนการโจมตีบนโลกไซเบอร์ที่อาจรุนแรงขนาดยกระดับส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ หรือเทียบได้กับการโจมตีฐานทัพเพิร์ล ฮาร์เบอร์เวอร์ชั่นดิจิทัลที่ก็เริ่มมีให้เห็นแล้วประปราย แต่หลังเกิดกรณีแฮคเกอร์พุ่งเป้าโจมตีเครือข่ายของโซนี่ในรอบปี 2557 ที่ทำได้สำเร็จมาหลายครั้งทำให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ไม่ได้หยุดแค่ "ความน่าจะเป็นเท่านั้นแล้ว" แต่ขยับขั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอสำหรับการดำรงอยู่บนโลกไซเบอร์
8. แทบเล็ตเฉพาะกลุ่ม
ในรอบปี 2557 จะพบว่าผู้ผลิตแทบเล็ตเริ่มทำผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างชัดเจน เช่น แทบเล็ตแบรนด์คูริโอที่ผลิตมาสำหรับเด็กประถม หรือเรียลแพดสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งนายร็อบ เอ็นเดอร์เล่ ผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็นเดอร์เล่ กรุ๊ป ระบุว่า ราคาจอทัชสกรีนที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาแทบเล็ตที่เหมาะสำหรับการใช้งานทุกอย่างในบ้านได้
"เราสามารถทำแทบเล็ตเพื่อใช้ควบคุมไฟ อุณหภูมิในบ้าน เป็นรีโมท หรือแม้แต่ใช้สำหรับงานเฉพาะอย่าง ซึ่งเทรนด์ที่กำลังจะได้เห็นคือ จอที่ถูกลงจะทำให้ได้แทบเล็ตที่สามารถทำงานได้ครอบจักรวาล หรือเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้มากขึ้น"
9. กองทัพหุ่นยนต์บุกโลก
ตลอดปีนี้เราได้เห็นการเติบโตของ "โดรน" หรืออากาศยานไร้คนขับได้รับการตอบรับใช้งานแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การรายงานข่าว หรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องมือขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งในปี 2558 ก็ยังจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า พัฒนาการของคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของโดรนดูเหมือนจะกลายเป็นการปฏิวัติของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่กลายเป็นคู่แข่งของการปฏิบัติชีวิตมนุษย์ ซึ่งผลคือเครื่องจักรกลเหล่านี้สามารถทำงานแทนมนุษย์ผู้อ่อนแอได้มากขึ้น ไม่ว่าจะในบ้าน ในรถ หรืองานในโรงงาน
10. ลุ้นฟองสบู่เทคโนโลยี
แม้จะมีคาดการณ์ว่าอาจเกิดฟองสบู่กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปีนี้ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 2555-2557 แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเสียทีเดียว
ทั้งนี้เพราะบริษัทไอทีหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แม้จะยังทำกำไรไม่ได้ ซึ่งมุมมองของนักวิเคราะห์ในอีกด้านหนึ่งเชื่อว่า วิกฤติฟองสบู่ในธุรกิจเทคโนโลยีน่าจะยังไม่เกิดในเร็วๆ นี้ เพราะการขึ้นของดัชนีไม่น่ากลัวเหมือนอดีต เนื่องจากเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงกับความเป็นจริงมากขึ้น ไม่เพ้อฝัน และมีโอกาสที่จะเติบโตได้มาก เช่น ธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ อย่างอาลีบาบา และไป่ตู้ จากแดนมังกรที่สามารถเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้สำเร็จ
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20150106/626999/10-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2558.html#sthash.aNilkeZb.dpuf
1. มือถือจีนท่วมตลาด
ปี 2558 แทบจะยกให้เป็นปีของสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่ก้าวจากมือถือแอนดรอยด์ราคาถูกสู่ผู้ผลิตมือถือไฮเอ็นด์วางขายทั่วโลก โดยนายเอวี่ กรีนการ์ท ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากเคอร์เรนท์ อนาไลซิส เชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตมือถือจากจีนกำลังจะมีอิทธิพลต่อตลาดสูงขึ้น หลัง "เลอโนโว" เพิ่งทำบิ๊กดีลสำเร็จสอยกิจการมือถือโมโตโรล่า โมบิลิตี้มาจากกูเกิล ซึ่งคาดว่าจะยิ่งช่วยผลักดันฐานตลาดมือถือในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเลอโนโวและของโลกในปัจจุบันอยู่แล้วให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ยังไม่นับรวมผู้ผลิตมือถือจากจีนที่กำลังไล่บี้กันชิงแชมป์ในตลาดมือถือระดับโลกไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, เสี่ยวหมี่ และแซดทีอี ที่วางโพสิชั่นมือถือของตัวเองไว้เป็นเครื่องมือคู่กายที่ฟังก์ชั่นครบครัน ราคาคุ้มค่าที่ไล่เรียงดูแล้วแทบจะเพียงครึ่งเดียวของมือถือไฮเอ็นด์ของแบรนด์อินเตอร์แถวหน้าในตลาด
แน่นอนว่ากลยุทธ์ปล่อยมือถือราคาถูกปูพรมเต็มพื้นที่ของแบรนด์จีนเหล่านี้ยิ่งกดดันให้ค่ายใหญ่ในเอเชียอย่างซัมซุงและแอลจียิ่งต้องเร่งเครื่องแซงให้ขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทุกคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ไอโฟนอย่างเดียวที่จะเริ่มมีสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ออกมาให้เลือกมากขึ้นในปีนี้
2. แวร์เอเบิลฯ ฮอต
เทรนด์รักสุขภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับสวมใส่บนร่างกาย หรือ "แวร์เอเบิล ดีไวซ์" เป็นที่นิยมมากขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์นับก้าว, เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอุปกรณ์ติดตามการนอนที่สามารถทำงานได้นานถึง 6 เดือนจากการชาร์จเพียงครั้งเดียวในราคาที่ต่ำกว่าเครื่องละ 50 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) เท่านั้น
"แวร์เอเบิลจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ร้อนแรงในปีนี้ การเติบโตจะมาแบบพลุแตก และมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี" นายฟิลิปเป้ คาห์น ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัทฟูลเพาเวอร์ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกิดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มแวร์เอเบิล กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูการแข่งขันที่ดุเดือดที่จะทำให้กำไรของสินค้าหดหาย และยังเป็นไปได้ว่าบริษัทหน้าใหม่ที่คิดจะเอาดีกับตลาดนี้อาจต้องสิ้นชีพไปก่อนที่จะผ่านพ้นปีไปได้
_____________________________________________________
10 เทรนด์สะเทือนไอทีปี 2558
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สำรวจความเห็นกูรูไอทีฟันธงเทรนด์ 10 อย่างที่กำลังจะมีบทบาทและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในปี 2558
1. มือถือจีนท่วมตลาด
ปี 2558 แทบจะยกให้เป็นปีของสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่ก้าวจากมือถือแอนดรอยด์ราคาถูกสู่ผู้ผลิตมือถือไฮเอ็นด์วางขายทั่วโลก โดยนายเอวี่ กรีนการ์ท ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากเคอร์เรนท์ อนาไลซิส เชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตมือถือจากจีนกำลังจะมีอิทธิพลต่อตลาดสูงขึ้น หลัง "เลอโนโว" เพิ่งทำบิ๊กดีลสำเร็จสอยกิจการมือถือโมโตโรล่า โมบิลิตี้มาจากกูเกิล ซึ่งคาดว่าจะยิ่งช่วยผลักดันฐานตลาดมือถือในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเลอโนโวและของโลกในปัจจุบันอยู่แล้วให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
ยังไม่นับรวมผู้ผลิตมือถือจากจีนที่กำลังไล่บี้กันชิงแชมป์ในตลาดมือถือระดับโลกไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, เสี่ยวหมี่ และแซดทีอี ที่วางโพสิชั่นมือถือของตัวเองไว้เป็นเครื่องมือคู่กายที่ฟังก์ชั่นครบครัน ราคาคุ้มค่าที่ไล่เรียงดูแล้วแทบจะเพียงครึ่งเดียวของมือถือไฮเอ็นด์ของแบรนด์อินเตอร์แถวหน้าในตลาด
แน่นอนว่ากลยุทธ์ปล่อยมือถือราคาถูกปูพรมเต็มพื้นที่ของแบรนด์จีนเหล่านี้ยิ่งกดดันให้ค่ายใหญ่ในเอเชียอย่างซัมซุงและแอลจียิ่งต้องเร่งเครื่องแซงให้ขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทุกคนที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ไอโฟนอย่างเดียวที่จะเริ่มมีสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ออกมาให้เลือกมากขึ้นในปีนี้
2. แวร์เอเบิลฯ ฮอต
เทรนด์รักสุขภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับสวมใส่บนร่างกาย หรือ "แวร์เอเบิล ดีไวซ์" เป็นที่นิยมมากขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์นับก้าว, เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอุปกรณ์ติดตามการนอนที่สามารถทำงานได้นานถึง 6 เดือนจากการชาร์จเพียงครั้งเดียวในราคาที่ต่ำกว่าเครื่องละ 50 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) เท่านั้น
"แวร์เอเบิลจะเป็นกลุ่มสินค้าที่ร้อนแรงในปีนี้ การเติบโตจะมาแบบพลุแตก และมีอะไรที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี" นายฟิลิปเป้ คาห์น ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัทฟูลเพาเวอร์ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกิดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มแวร์เอเบิล กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูการแข่งขันที่ดุเดือดที่จะทำให้กำไรของสินค้าหดหาย และยังเป็นไปได้ว่าบริษัทหน้าใหม่ที่คิดจะเอาดีกับตลาดนี้อาจต้องสิ้นชีพไปก่อนที่จะผ่านพ้นปีไปได้
3. 'แอ๊ปเปิ้ล วอทช์' ยึดข้อมือ
ทั้งนี้อาจต้องยกเว้นสำหรับแวร์เอเบิลรุ่นที่โลกจับตาแม้จะราคาสูงอย่าง "แอ๊ปเปิ้ล วอทช์" ที่คาดว่าจะเป็นตัวจุดประกายให้ตลาดแวร์เอเบิลกลุ่มพรีเมียมขึ้นมาโดดเด่นในตลาดจากบรรดาแอพพลิเคชั่นที่พัฒนามาโดยเฉพาะและแตกต่างจากที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน
แต่ช่วงเวลาแสนหวานมักอยู่ไม่นาน โดยนักวิเคราะห์ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีคนให้ความสนใจซื้อแอ๊ปเปิ้ล วอทช์ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นสาวก หรือซื้อเพราะมันเป็นเทรนด์เท่านั้นเหมือนกับเมื่อครั้งที่ไอโฟน หรือไอแพดออกสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งถ้าคิดจะอยู่ได้นานสินค้าประเภทสมาร์ทวอทช์จำเป็นต้องปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ที่ทำได้มากกว่าเป็นเครื่องวัดจังหวะการเต้นของหัวใจ บอกเวลา หรือส่งเสียงเตือนเมื่อมีข้อความใหม่เข้ามาเท่านั้น
4. สมาร์ทโฮมฉลาดขึ้นอีกขั้น
นายรอสส์ โรบิน หัวหน้านักวิเคราะห์จากเรติเคิล รีเสิร์ช ฟันธงว่า ปี 2558 เทคโนโลยีที่ใช้งานภายในบ้านจะทำให้ที่บ้านมีระบบที่อัจฉริยะมากขึ้นแม้จะไม่ทันทีทันใด แต่ก็จะเริ่มพัฒนาดีขึ้นจากเดิมที่หากใครต้องการมีสมาร์ทโฮมในฝันจะต้องมีเงินนับหมื่นนับแสนเพื่อติดตั้งระบบอัจฉริยะภายในบ้านที่ทำได้เพียงเปิดปิดไฟผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ "สมาร์ทโฮม" ใน พ.ศ.ใหม่อาจเป็นไปได้ถึงขั้นที่มีโซลูชั่นสำหรับงานเฉพาะอย่างที่สามารถควบคุมการทำงานได้โดยตรงผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้อุปกรณ์ที่ชาญฉลาดมากขึ้นยังจะสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ใช้พลังงานน้อยอย่างไวไฟและบลูทูธได้ เพื่อทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เข้ากับเครือข่ายในบ้านทำได้ง่ายขึ้น
5. เฮดเซ็ตมาแรง
หากจะมีอุปกรณ์ไอทีสักชิ้นบนหน้า สำหรับปีนี้คงหนีไม่พ้นแว่นตาอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ประเภทสวมหัว (เฮดเซ็ต) ที่บรรณาธิการนิตยสารเอ็มไอที เทคโนโลยี รีวิว เชื่อว่า "เฮดเซ็ตประเภทใช้สำหรับการเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์" มีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นและใช้งานจริงแพร่หลายในปี 2558 มากกว่ากูเกิล กลาสที่ฮือฮากันในปีที่ผ่านมา เพราะภาพที่สมจริงมากขึ้นและระบบการควบคุมที่เป็นธรรมชาติเหมาะสำหรับใช้กับการดูหนังฟังเพลงที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
6. ระวังแฮคเกอร์ฉกข้อมุูล
ในโลกที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา แม้จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นแต่ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินกลับน้อยลงสวนทางกัน ซึ่งแนวโน้มที่จะได้เห็นในปีนี้คือ เหล่าโจรไซเบอร์ทั้งหลายจะเปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีผู้ใช้ระดับบุคคลอย่างท่านๆ เราๆ หนักขึ้นผ่านวิธี "แรนซัมแวร์" ที่ดูแล้วจะคล้ายกับโปรแกรมเรียกค่าไถ่ แต่เปลี่ยนจากแทนที่จะจับคนเป็นตัวประกันเป็น "เข้ารหัสข้อมูลของเราเป็นตัวประกันแทน" ซึ่งหากต้องการข้อมูลคืนจะต้องเสียเงินเสียทองตามที่แฮคเกอร์เรียกร้องมาโดยอาจอยู่ในรูปของค่าธรรมเนียมสำหรับปลดล็อก หรือต้องหาวิธีถอดรหัสกันให้ยุ่งยากชีวิต
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญจากแมคอาฟี่ บริษัทซอฟต์แวร์ด้านซิเคียวริตี้รายใหญ่ยังเตือนว่า ในปีนี้อาจได้เห็นโจรไซเบอร์ใช้วิธีลวงเหยื่อออนไลน์ด้วยการส่งคำร้องขอล็อกอินปลอมไปยังผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปเพื่อเข้าสู่ข้อมูลบัญชีทางการเงิน หรือเครือข่ายขององค์กรมากขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวังให้ดี และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของอีเมลก่อนหลงเชื่อให้ข้อมูลกับโจร
ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปเท่านั้นที่จะตกเป็นเป้าสำคัญของการโจมตี แต่ยังหมายรวมถึงบรรดาอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกประเภท หรือที่กำลังเป็นกระแสอย่าง "อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์" ที่ไม่ว่าจะมาในรูปของอุปกรณ์ใด แต่หากสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็ล้วนเป็นเป้าให้เหล่าแฮคเกอร์หารูโหว่เจาะเข้าระบบล้วงข้อมูลสำคัญ หรือสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตได้ทั้งนั้น
7. เตือนซ้ำรอยโจมตีโซนี่
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้เริ่มเตือนการโจมตีบนโลกไซเบอร์ที่อาจรุนแรงขนาดยกระดับส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ หรือเทียบได้กับการโจมตีฐานทัพเพิร์ล ฮาร์เบอร์เวอร์ชั่นดิจิทัลที่ก็เริ่มมีให้เห็นแล้วประปราย แต่หลังเกิดกรณีแฮคเกอร์พุ่งเป้าโจมตีเครือข่ายของโซนี่ในรอบปี 2557 ที่ทำได้สำเร็จมาหลายครั้งทำให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ไม่ได้หยุดแค่ "ความน่าจะเป็นเท่านั้นแล้ว" แต่ขยับขั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอสำหรับการดำรงอยู่บนโลกไซเบอร์
8. แทบเล็ตเฉพาะกลุ่ม
ในรอบปี 2557 จะพบว่าผู้ผลิตแทบเล็ตเริ่มทำผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างชัดเจน เช่น แทบเล็ตแบรนด์คูริโอที่ผลิตมาสำหรับเด็กประถม หรือเรียลแพดสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งนายร็อบ เอ็นเดอร์เล่ ผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็นเดอร์เล่ กรุ๊ป ระบุว่า ราคาจอทัชสกรีนที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาแทบเล็ตที่เหมาะสำหรับการใช้งานทุกอย่างในบ้านได้
"เราสามารถทำแทบเล็ตเพื่อใช้ควบคุมไฟ อุณหภูมิในบ้าน เป็นรีโมท หรือแม้แต่ใช้สำหรับงานเฉพาะอย่าง ซึ่งเทรนด์ที่กำลังจะได้เห็นคือ จอที่ถูกลงจะทำให้ได้แทบเล็ตที่สามารถทำงานได้ครอบจักรวาล หรือเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้มากขึ้น"
9. กองทัพหุ่นยนต์บุกโลก
ตลอดปีนี้เราได้เห็นการเติบโตของ "โดรน" หรืออากาศยานไร้คนขับได้รับการตอบรับใช้งานแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การรายงานข่าว หรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องมือขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งในปี 2558 ก็ยังจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า พัฒนาการของคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของโดรนดูเหมือนจะกลายเป็นการปฏิวัติของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่กลายเป็นคู่แข่งของการปฏิบัติชีวิตมนุษย์ ซึ่งผลคือเครื่องจักรกลเหล่านี้สามารถทำงานแทนมนุษย์ผู้อ่อนแอได้มากขึ้น ไม่ว่าจะในบ้าน ในรถ หรืองานในโรงงาน
10. ลุ้นฟองสบู่เทคโนโลยี
แม้จะมีคาดการณ์ว่าอาจเกิดฟองสบู่กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปีนี้ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 2555-2557 แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากเสียทีเดียว
ทั้งนี้เพราะบริษัทไอทีหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แม้จะยังทำกำไรไม่ได้ ซึ่งมุมมองของนักวิเคราะห์ในอีกด้านหนึ่งเชื่อว่า วิกฤติฟองสบู่ในธุรกิจเทคโนโลยีน่าจะยังไม่เกิดในเร็วๆ นี้ เพราะการขึ้นของดัชนีไม่น่ากลัวเหมือนอดีต เนื่องจากเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงกับความเป็นจริงมากขึ้น ไม่เพ้อฝัน และมีโอกาสที่จะเติบโตได้มาก เช่น ธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ อย่างอาลีบาบา และไป่ตู้ จากแดนมังกรที่สามารถเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้สำเร็จ
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20150106/626999/10-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2558.html#sthash.aNilkeZb.dpuf
ไม่มีความคิดเห็น: