Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

06 มกราคม 2558 กสทช. ระบุ การออกใบอนุญาตโฮมช้อปปิ้ง มี 2 แนวทาง คือ 1.การให้เป็นช่องทีวีแยกออกมาเลยมีรูปแบบเดียวกับเกาหลีใต้ โดยกำหนดให้เป็นช่องสำหรับให้ข้อมูลด้านสินค้า หรือ 2. การให้ใบอนุญาตเพื่อเป็นรายการหนึ่งในช่องทีวี ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นได้

ประเด็นหลัก


ศึกษาแผนการออกใบอนุญาต

ส่วนรูปแบบการเผยแพร่อาจเป็นได้ทั้ง 2 แนวทาง คือ 1.การให้เป็นช่องทีวีแยกออกมาเลยมีรูปแบบเดียวกับเกาหลีใต้ โดยกำหนดให้เป็นช่องสำหรับให้ข้อมูลด้านสินค้า หรือ 2. การให้ใบอนุญาตเพื่อเป็นรายการหนึ่งในช่องทีวี ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นได้

แต่จะประมูลหรือไม่ยังตอบไม่ได้ เพราะประเทศไทยต่างจากเกาหลีใต้ ไทยอาจยังไม่ยอมรับวิธีการเสนอผลประโยชน์ (บิวตี้ คอนเทสต์) หรือให้ใบอนุญาตโดยไม่มีการประมูล เพราะไม่มั่นใจเรื่องความโปร่งใส คิดว่าต้องฮั้วกัน รวมทั้งหากให้ใบอนุญาตไปเฉยๆ จะทำให้รัฐบาลไม่ได้เงินจากการประมูล

"ปัญหาคือไทยจะจำกัดจำนวนผู้ประกอบการเหมือนอย่างเกาหลีใต้ได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้มีมากจนเกินไป จนธุรกิจพัง เพราะกฎหมายของไทยคือต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเสรี ซึ่งเรื่องนี้ กสทช.ต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วนและนำข้อมูลจากหลายๆ ประเทศมาประยุกต์ให้เข้ากับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง เหมือนโมเดลการให้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลซึ่งเราเชื่อว่าเป็นโมเดลที่ดีที่สุด” พ.อ.นที กล่าว










_____________________________________________________















ส่องโฮมช้อปปิ้งเกาหลีใต้ แรงขับสำคัญธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ดูโมเดลเศรษฐกิจดิจิทัลแดนโสม หนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซเฟื่องฟู



เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ใช้โมเดลแบบ"เศรษฐกิจดิจิทัล"อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นที่แพร่หลายมานานกว่า 5 ปี ที่ผ่านมาเกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณมหาศาลในการสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่ๆ หลายแห่ง และได้ชื่อว่าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ดีที่สุดติดอันดับ 3 ของโลก รองจากอันดับ 1 อย่างสหรัฐอเมริกา และอันดับ 2 ญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับรองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ทุกประเภทที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

การเดินทางไปดูงานของคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับธุรกิจทีวีช้อปปิ้ง หรือโฮมช้อปปิ้ง นับว่าเป็นก้าวสำคัญของ กสทช. ในการวางโรดแมพจัดสรรใบอนุญาตในประเภทกิจการให้บริการโทรทัศน์แบบประยุกต์ให้แก่ธุรกิจขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ หรือโฮมช้อปปิ้งทีวี

ปัจจุบันความนิยมช้อปปิ้งออนไลน์ของคนไทยขยายวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อัตราการเติบโตของธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% ต่อปี และมีเกณฑ์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำธุรกรรมซื้อขายออนไลน์แบบบีทูซีคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า แนวทางการออกใบอนุญาตภายใต้หลักเกณฑ์การให้บริการโทรทัศน์แบบประยุกต์ให้แก่ธุรกิจขายสินค้าผ่านโทรทัศน์ หรือ "โฮมช้อปปิ้งทีวี" ต้องศึกษารูปแบบจากหลายประเทศที่ทำธุรกิจด้านนี้จนประสบความสำเร็จ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นต้นแบบประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ของประเทศไทย ซึ่งหาก กสทช. ส่งเสริมให้โฮมช้อปปิ้งทีวี เกิดขึ้นอย่างมีระบบ ภายใต้กฎ กติกาที่วางไว้ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ก็จะเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่สำคัญในการสานต่อไปยังนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล โดยไทยมีทีวีดิจิทัลอยู่หลายช่อง จะช่วยให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางขายสินค้าเพิ่มขึ้น และเป็นเครื่องมือปูรากฐานให้แก่การทำธุรกรรมออนไลน์ (อี-คอมเมิรช์) ของไทยในปี 2558

อย่างไรก็ดี จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงไอซีทีเพื่อพัฒนาประเทศเกาหลีใต้ ได้รับทราบข้อมูลว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ไม่ต้องประมูลใบอนุญาต แต่เป็นการให้ใบอนุญาตโดยรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ 6 ราย และกำลังจะให้เพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งรูปแบบการให้ใบอนุญาตของประเทศนี้ ช่องโฮม ช้อปปิ้ง ถูกจัดให้อยู่ระหว่างฟรีทีวีคั่นกันไปแต่ละช่อง และเก็บค่าธรรมเนียมจากกำไรของบริษัท

พ.อ.นที ให้ความเห็นว่า หากย้อนกลับมาดูกฎ กติกา ที่ประเทศไทยได้วางไว้ซึ่งเข้าข่ายใบอนุญาตภายใต้หลักเกณฑ์การให้บริการโทรทัศน์แบบประยุกต์ พบว่าแตกต่างกันมาก เพราะประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมจากยอดขาย ไม่ใช่คิดจากกำไรบริษัท ดังนั้น กสทช.ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกครั้งในการออกใบอนุญาตว่าจะคิดค่าธรรมเนียมรูปแบบใด และคงคิดค่าธรรมเนียมแบบทีวีดิจิทัลไม่ได้ เพียงอย่างเดียว

ศึกษาแผนการออกใบอนุญาต

ส่วนรูปแบบการเผยแพร่อาจเป็นได้ทั้ง 2 แนวทาง คือ 1.การให้เป็นช่องทีวีแยกออกมาเลยมีรูปแบบเดียวกับเกาหลีใต้ โดยกำหนดให้เป็นช่องสำหรับให้ข้อมูลด้านสินค้า หรือ 2. การให้ใบอนุญาตเพื่อเป็นรายการหนึ่งในช่องทีวี ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นได้

แต่จะประมูลหรือไม่ยังตอบไม่ได้ เพราะประเทศไทยต่างจากเกาหลีใต้ ไทยอาจยังไม่ยอมรับวิธีการเสนอผลประโยชน์ (บิวตี้ คอนเทสต์) หรือให้ใบอนุญาตโดยไม่มีการประมูล เพราะไม่มั่นใจเรื่องความโปร่งใส คิดว่าต้องฮั้วกัน รวมทั้งหากให้ใบอนุญาตไปเฉยๆ จะทำให้รัฐบาลไม่ได้เงินจากการประมูล

"ปัญหาคือไทยจะจำกัดจำนวนผู้ประกอบการเหมือนอย่างเกาหลีใต้ได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้มีมากจนเกินไป จนธุรกิจพัง เพราะกฎหมายของไทยคือต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเสรี ซึ่งเรื่องนี้ กสทช.ต้องศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วนและนำข้อมูลจากหลายๆ ประเทศมาประยุกต์ให้เข้ากับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง เหมือนโมเดลการให้ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลซึ่งเราเชื่อว่าเป็นโมเดลที่ดีที่สุด” พ.อ.นที กล่าว

มูลค่าโฮมช้อปปิ้งไทย6พันล้าน

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ นายกสมาคมทีวีโฮมชอปปิ้ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจทีวี โฮม ช้อปปิ้งในประเทศไทยมีมูลค่าตลาด 6,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2558 จะมีมูลค่าตลาดเติบโตขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาท ดังนั้นประเทศไทยต้องมีใบอนุญาตสำหรับการทำธุรกิจโฮม ช้อปปิ้งทีวี เพื่อช่วยกลั่นกรองธุรกิจที่ดีและไม่ดีออกจากกัน จากที่มีสินค้าจำนวนไม่น้อยที่หลอกลวงประชาชน ทำให้คนไม่กล้าซื้อของผ่านช่องทางนี้

ดังนั้น หาก กสทช. สนับสนุนให้มีใบอนุญาตไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม จะช่วยให้เอสเอ็มอีมีช่องทางขายสินค้ามากขึ้น

ทั้งนี้ สมาคมทีวีโฮมชอปปิ้ง (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลผู้บริโภคให้ได้รับสิทธิอันชอบธรรมจากการใช้บริการโฮมช้อปปิ้ง ยกระดับการประกอบการธุรกิจโฮมชอปปิ้งไทยให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการโฮมช้อปปิ้งและผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ เป็นศูนย์กลางข้อมูล ให้คำปรึกษา คำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโฮมชอปปิ้ง

เบื้องต้นมีสมาชิกสมาคม 5 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท ทรู จีเอส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งช่อง ทรู ซีเล็คท์ 2.บริษัท จีเอ็ม เอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด ช่องโอช้อปปิ้ง 3.บริษัท ช้อป โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ช่องช้อป ชาแนล 4.บริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง จำกัด ช่องทีวีดี ช้อป และ 5.บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน)

โฮมช้อปปิ้งเกาหลีอันดับ1โลก

เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่ทำธุรกิจโฮมช้อปปิ้งทีวี เป็นอันดับ 1 ของโลก ขายสินค้าผ่านทั้งทีวี โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งปี 2556 มีมูลค่าตลาดถึง 4 แสนล้านบาท และมียอดส่งออก 30% ของยอดขายสินค้าส่งออกทั้งหมดในประเทศ ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางสร้างรายได้อย่างมาก

ผู้ประกอบการโฮมชอปปิ้ง 6 ราย ได้แก่ จีเอส โฮมช้อปปิ้ง, ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง, ล็อตเต้ โฮมช้อปปิ้ง, ฮุนได โฮมช้อปปิ้ง เน็ตเวิร์ค, เอ็นเอส โฮมช้อปปิ้ง และโฮมแอนด์ช้อปปิ้ง โดยรูปแบบที่รัฐบาลเกาหลีวางไว้สำหรับช่องทีวีสำหรับขายสินค้ามีการจำกัดผู้เล่นในตลาดอย่างชัดเจน การกำหนดให้มี 6 รายเพื่อป้องกันการกินกันเองและเพื่อการแข่งขันที่อยู่รอดได้ทุกช่อง อีกทั้งเพื่อเป็นการกำกับดูแลที่ทั่วถึง โดยกระทรวงวางแผนอนาคตเป็นผู้กำกับดูแลและให้ใบอนุญาต

ทั้งนี้ ใบอนุญาตสำหรับกิจการโทรทัศน์ของเกาหลีมี 2 รูปแบบ คือ ฟรีทีวี และเพลย์ทีวี โดยกำหนดเวลาโฆษณาที่แตกต่างกัน ฟรีทีวีโฆษณาได้ 10 นาที เพลย์ทีวี 12 นาที ส่วนช่องโฮมช้อปปิ้งจัดเป็นการให้ใบอนุญาตในลักษณะพิเศษเฉพาะเป็นช่องรายการที่ทำเพื่อการพาณิชย์และธุรกิจ ใบอนุญาตมีอายุ 6 ปี ซึ่งปีที่ 5 ผู้ประกอบการทุกรายต้องยื่นรายละเอียดเข้ามาให้กระทรวงพิจารณาก่อนหมดสัญญาเป็นเวลา 1 ปี โดยกระทรวงจะตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นผู้ประกอบการช่องโฮมช้อปปิ้ง ที่ต้องมีระบบการชำระเงินมาตรฐาน ระบบการขนส่ง และคุณภาพของสินค้า

ยักษ์ใหญ่ 2 ราย คือ จีเอส และซีเจ โอ เริ่มดำเนินธุรกิจพร้อมกันในปี 2538 หรือ 18 ปีก่อน โดยจีเอส คือบริษัทแอลจี ที่เดิมทำธุรกิจเรื่องพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน มีธุรกิจปั๊มน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีร้านสะดวกซื้อ การผลิตรายการ เน้นรายการสด ออกอากาศวันละ 20 ชั่วโมง ที่เหลือ 4 ชั่วโมงเป็นเทป

การขายสินค้าผ่านหน้าจอโทรทัศน์ของเกาหลีนิยมรายการสด เพราะรูปแบบที่ผลิตคือการทำให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในรายการ มียอดคนดูผ่านทีวีดาวเทียมถึง 4 ล้านครัวเรือน มียอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นบนมือถือ 19 ล้านดาวน์โหลด และมี 3 ล้านคนต่อวันที่เข้าชมผ่านสมาร์ทโฟน

จีเอส มียอดการโทรเข้าคอลล์เซ็นเตอร์ 130,000 ครั้งต่อวัน แบ่งเป็นการสั่งสินค้าผ่านระบบอัตโนมัติ 60% การสั่งสินค้าผ่านพนักงานรับโทรศัพท์ 20% ที่เหลือเป็นการโทรเข้ามาแจ้งปัญหา ร้องเรียน เกี่ยวกับสินค้า โดยในจำนวนนี้มียอดสั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์ 16,000 ครั้งต่อวัน นสินค้าที่ขายผ่านทีวีมี 20 ชนิด บริษัทมีกำไรส่วนต่างจากสินค้าแต่ละชิ้นประมาณ 5% มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 25,000 ล้านบาท ปี 2555 มีลูกค้า 10 ล้านราย

จีเอสวางระบบคลังสินค้าและจัดส่งอย่างเป็นระเบียบ คลังสินค้าขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองอินชอน เป็นคลังสินค้าจากคู่ค้าต่างๆ และการนำส่งถึงบ้านผู้ซื้อ มีการจัดสินค้าลงกล่อง คัดแยกก่อนส่งไปแต่ละพื้นที่ตามคำสั่งซื้อ ปัจจุบันจีเอส เข้าร่วมลงทุนกับทรูวิชั่นส์ เดอะมอลล์กรุ๊ป และซีพีออล ทำธุรกิจในประเทศไทยภายใต้บริษัท ทรู จีเอส จำกัด โดยขายสินค้าผ่านช่องทรูซีเล็คท์

ส่วนซีเจ โอ เป็นบริษัทในเครือซีเจ กรุ๊ป ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจอาหารและบริการด้านอาหาร ธุรกิจยาและเทคโนโลยีชีวภาพ ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและขนส่งครบวงจร และธุรกิจสื่อและบันเทิงครบวงจร เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากซัมซุง นอกจากทำตลาดในเกาหลีใต้ ยังมีสาขาในต่างประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และตุรกี เป็นบริษัทที่มียอดขายเป็นอันดับ 6 ของสินค้าทั้งหมดในประเทศ

ทั้งนี้ ซีเจ ยังพัฒนาแอพพลิเคชันที่หลากหลายเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งานของลูกค้าด้วย อาทิ แอพพลิเคชันแสดงคลิปขนาดสั้นของรายการแนะนำสินค้า แอพพลิเคชันช่วยแนะนำการแต่งหน้า แอพพลิเคชันแสดงรายการสินค้า และการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น

รายได้ของซีเจอยู่ที่ประมาณ 49,500 ล้านบาท ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อสินค้าหลังรับชมผ่านทีวีมากกว่าการเข้าไปเลือกสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนมือถือ หรือผ่านเว็บไซต์ เพราะใน 1 ชั่วโมงผู้ดำเนินรายการสามารถอธิบายและขายสินค้าได้ 1-2 ชิ้น ส่วนใหญ่สินค้าที่ขายดีจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เฉลี่ยแล้วจะมีสินค้า 2 ล้านชิ้นต่อเดือน ที่นำออกมาเสนอขาย และมีลูกค้าสั่งซื้อ 1.5 ล้านชิ้นต่อเดือน

ปัจจุบันซีเจ โอ เข้าร่วมลงทุนกับบมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทำธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ชื่อบริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด นำเสนอรายการผ่านทีวีดาวเทียมใช้ชื่อรายการว่า "โอ ช้อปปิ้ง"

- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20150106/627006/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89-%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B5-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8B.html#sthash.j7BqMey6.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.