Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

27 มกราคม 2558 Index ะทยอยเปิดตัวโมบายเกมอีก 4-5 ตัว เริ่มต้นที่เดือน ก.พ.-มี.ค.จะเป็นแนวเกมที่ไม่ซ้ำกับเกมเดิม นำเข้าจากพาร์ตเนอร์ของ "เซก้าฯ" ส่วนงบประมาณการตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 ล้านบาท เน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก


ประเด็นหลัก

หลังจากนี้ บริษัทจะทยอยเปิดตัวโมบายเกมอีก 4-5 ตัว เริ่มต้นที่เดือน ก.พ.-มี.ค.จะเป็นแนวเกมที่ไม่ซ้ำกับเกมเดิม นำเข้าจากพาร์ตเนอร์ของ "เซก้าฯ" ส่วนงบประมาณการตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 ล้านบาท เน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยจะเข้าไปเจรจาธุรกิจกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อทำตลาดร่วมกันด้วย ขณะเดียวกัน ยังร่วมกับ "ไมโครซอฟท์ดีไวซ์" ให้ไอเท็มพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์ ส่วนการเติมเงินเข้าเกมได้ร่วมกับผู้ให้บริการเติมเงิน "เอ็มโอแอล" เป็นช่องทางหลัก

สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจโมบายเกม 60% และคอนเทนต์โพรไวเดอร์ 40% จากเดิมธุรกิจเกมคิดเป็น 10% จากการเพิ่มธุรกิจโมบายเกมเข้ามา ทำให้ต้องรับพนักงานเพิ่มขึ้นด้วย เน้นไปที่ฝ่ายการตลาด และผู้ดูแลเกม ทั้งเกมที่จะนำเข้ามาให้บริการหลังจากนี้จะแปลงภาษาให้เข้ากับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์



_____________________________________________________














"อินเด็กซ์" จุดพลุโมบายเกม ส่ง "ซากะสึกุชู้ต" ชิงเค้ก 3 พันล.


ยักษ์เซก้าเน็ตเวิร์กแดนปลาดิบ ดันบริษัทลูกเปิดศึกชิงเค้กตลาดโมบายเกมในไทยมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ก่อนสยายปีกบุกอาเซียนนำร่องฟรีดาวน์โหลดเกมแรก "ซากะสึกุ ชู้ต !" เล็งส่งเกมใหม่ลงตลาดต่อเนื่อง คาดสมรภูมิแข่งขันสุดคึกคักยักษ์ใหญ่ตบเท้าบุกเอง

นายวิวัฒน์ พิทักษ์สุวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเกมบนโทรศัพท์มือถือจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ตลาดเกมโทรศัพท์มือถือในไทยปีนี้จะมีมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 2,600 ล้านบาท อ้างอิงข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทย คิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดเกมโดยรวมที่มีมูลค่า 6,000 ล้านบาท จากราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกลง และความนิยมในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก

สำหรับบริษัทเป็นบริษัทลูกของ "เซก้า เน็ตเวิร์ก" บริษัทพัฒนาเกมระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดมานานกว่า 70 ปี และบริษัทแม่ยังไม่เคยเข้ามาทำตลาดในอาเซียนมาก่อน จึงให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการทำตลาดโมบายเกม โดย "อินเด็กซ์ฯ" ก่อตั้งปี 2538 ที่ประเทศญี่ปุ่น เริ่มจากการเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ และในปี 2545 เข้ามาขยายธุรกิจในไทยจนปี 2556 ที่ผ่านมา มีเซก้า เน็ตเวิร์กได้เข้ามาซื้อกิจการทั้งหมด ทำให้บริษัทหันมารุกตลาดเกมเพราะได้ลิขสิทธิ์เกม และประสบการณ์จากบริษัทแม่

"ในไทยเราก็ปรับธุรกิจจากเดิมเน้นการพัฒนาคอนเทนต์และแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ให้โอเปอเรเตอร์มาเป็นผู้ให้บริการเกมบนมือถือ เกมล่าสุดที่เปิดตัวคือ SakaTsuku Shoot ! (ซากะสึกุ ชู้ต !) โมบายเกมที่ให้ผู้เล่นจำลองตนเองเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล โดยเปิดดาวน์โหลดฟรีที่แอปสโตร์"

โดยไทยเป็นประเทศที่ 3 ถัดจากญี่ปุ่นและฮ่องกงที่เปิดให้เล่น มียอดดาวน์โหลดรวม 2.5 ล้านครั้ง และทำรายได้กว่า 174 ล้าน/ปี เกมนี้เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สร้างมากว่า 18 ปี เพื่อทำตลาดบนเครื่องเกมเซก้า แซทเทิร์น และเพลย์สเตชั่น 3 ปัจจุบันมีกว่า 20 ภาค เจาะกลุ่มนักเรียนถึงวัยทำงาน และผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล

ในไทยปล่อยให้ดาวน์โหลดในแอปสโตร์ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว โดยไม่ได้โปรโมตใด ๆ แต่มีผู้สนใจดาวน์โหลดกว่า 40,000 ครั้ง มียอดเติมเงินโดยเฉลี่ย 150 บาท/ไอดี/เดือน เพื่อเพิ่มความสามารถของนักเตะ และซื้อนักเตะหายาก เป็นต้น ซึ่งไอเท็มในเกมมีราคาตั้งแต่ 30-2,700 บาท และในเดือน ก.พ.นี้จะเปิดให้ดาวน์โหลดบนเพลย์สโตร์ และวินโดวส์สโตร์ ตั้งเป้ายอดดาวน์โหลด 2 ล้านครั้งภายในสิ้นปี และสร้างรายได้ 100 ล้านบาท

หลังจากนี้ บริษัทจะทยอยเปิดตัวโมบายเกมอีก 4-5 ตัว เริ่มต้นที่เดือน ก.พ.-มี.ค.จะเป็นแนวเกมที่ไม่ซ้ำกับเกมเดิม นำเข้าจากพาร์ตเนอร์ของ "เซก้าฯ" ส่วนงบประมาณการตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 ล้านบาท เน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยจะเข้าไปเจรจาธุรกิจกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อทำตลาดร่วมกันด้วย ขณะเดียวกัน ยังร่วมกับ "ไมโครซอฟท์ดีไวซ์" ให้ไอเท็มพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์ ส่วนการเติมเงินเข้าเกมได้ร่วมกับผู้ให้บริการเติมเงิน "เอ็มโอแอล" เป็นช่องทางหลัก

สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจโมบายเกม 60% และคอนเทนต์โพรไวเดอร์ 40% จากเดิมธุรกิจเกมคิดเป็น 10% จากการเพิ่มธุรกิจโมบายเกมเข้ามา ทำให้ต้องรับพนักงานเพิ่มขึ้นด้วย เน้นไปที่ฝ่ายการตลาด และผู้ดูแลเกม ทั้งเกมที่จะนำเข้ามาให้บริการหลังจากนี้จะแปลงภาษาให้เข้ากับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

นายวิวัฒน์กล่าวว่า ในปี 2558 จะเห็นเกมพับลิชเชอร์จากประเทศจีน, เกาหลี และญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดด้วยตนเองมากขึ้น จากเดิมผลิตเกมออกมาให้ผู้ให้บริการในประเทศไทยซื้อไป เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ตลาดโมบายเกมเติบโตเร็วมากที่สุดในอาเซียน ทำให้พับลิชเชอร์รายใหญ่หลายแห่งเข้ามาหาโอกาสทางธุรกิจ

สำหรับแนวโน้มเกมที่จะเข้ามาให้บริการมากขึ้น ตนมองว่าจะเป็นเกมแนวแอ็กชั่น เพราะผู้เล่นเข้าใจได้ง่าย และมีการซื้อสินค้าภายในเกมมาก ขณะที่เกมแนวแคชวลที่ได้รับความนิยมมาตลอดจะเริ่มลดบทบาทลง



http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1422252039

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.