03 มิถุนายน 2558 "รฐิยา อิสระชัยกุล" หัวหน้าทีมเอสเอ็มอีประเทศไทย เฟซบุ๊ก สิงคโปร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลก 1.44 พันล้านบัญชี เป็นผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 1.25 พันล้านบัญชี โดยเฉพาะในประเทศไทย
ประเด็นหลัก
"รฐิยา อิสระชัยกุล" หัวหน้าทีมเอสเอ็มอีประเทศไทย เฟซบุ๊ก สิงคโปร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลก 1.44 พันล้านบัญชี เป็นผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 1.25 พันล้านบัญชี โดยเฉพาะในประเทศไทย ณ เดือน ธ.ค.ปี 2557 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 30 ล้านบัญชี แบ่งเป็น 28 ล้านบัญชี ผ่านโทรศัพท์มือถือ มีผู้ใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 21 ล้านราย ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 20 ล้านราย หรือกว่า 93%
"จนถึงต้นปีนี้พบว่าการรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เฉลี่ย 4 พันล้านวิวต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านวิวจาก ก.ย.ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ทำธุรกิจบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ 40 ล้านเพจ เพิ่มขึ้น10 ล้านเพจภายใน 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีธุรกิจที่ลงโฆษณาแล้วกว่า 2 ล้านรายซึ่งเราเองก็จะนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสนับสนุนการทำตลาดบนอีคอมเมิร์ซ รวมถึงมีบริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของลูกค้า เช่น แฟนเพจโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ, โฆษณาโปรโมตโพสต์ เป็นต้น"
จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นชัดเจนว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ก และโทรศัพท์มือถือได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการทั้งหลายไม่ควรมองข้าม
_____________________________________
เส้นทาง "นักช็อปโลกโซเชียล" เสพติดมือถือ "ค้น-แชร์" ข้อมูล
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งโซเชียลมีเดียหลักที่ทุกคนใช้งานในแต่ละวัน วันละหลายชั่วโมง หนีไม่พ้น "เฟซบุ๊ก" จากความนิยมดังกล่าวส่งผลให้เกิดธุรกิจบนสังคมสื่อออนไลน์แห่งนี้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
"อาภาภัทรบุญรอด"กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีเอ็นเอส ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคไทยในการซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซจากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าผู้บริโภคชาวไทยผูกพันกับเฟซบุ๊กเป็นอย่างมากในการใช้เป็นช่องทางสำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ โดยผลวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าเฟซบุ๊กเป็นตลาดแห่งโลกโซเชียลของผู้บริโภคไทย โดยมากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจต่างซื้อสินค้าหรือบริการจากการพบเห็นบนเฟซบุ๊กด้วย
ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซแซงหน้าช่องทางอื่น ๆ เช่น เครื่องมือค้นหาข้อมูล และการบอกต่อแบบปากต่อปาก โดยเฟซบุ๊กได้รับการจัดอันดับเป็นช่องทางอันดับหนึ่งของการซื้อสินค้าบนโทรศัพท์มือถือในทุกขั้นตอนของการซื้อสินค้าเริ่มจากการค้นพบการค้นคว้าข้อมูลเพื่อพิจารณาการตัดสินใจ จนกระทั่งการซื้อสินค้า
จากผลสำรวจระบุว่า ผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ และมากกว่า 70% ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า โดยเริ่มตั้งแต่การค้นพบไปจนถึงการเข้าเยี่ยมชมข้อมูลของร้าน และรับชมรีวิวหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองใช้สินค้าที่เผยแพร่ทางออนไลน์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจซื้อ และส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 3 วัน ในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ โดย "เฟซบุ๊ก" เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานในการสืบค้น และหาข้อมูลสินค้า และบริการต่าง ๆและ 92% ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจใช้งานในเฟซบุ๊กทุก ๆ วัน
ผู้ใช้งานจำนวนมากค้นพบสินค้า และใช้ "เฟซบุ๊ก" เป็นเครื่องมือหลักในการหาข้อมูล และการตัดสินใจซื้อ ทั้งยังพบด้วยว่าโฆษณาเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกิจกรรมแบบออฟไลน์ และโฆษณาบนเฟซบุ๊กเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อสินค้าทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
70% ค้นคว้าข้อมูลออนไลน์ก่อนการซื้อสินค้าหนึ่งชิ้นขณะที่โฆษณาบนเฟซบุ๊กเพจของแบรนด์หรือความคิดเห็นเชิงบวกและการแชร์ (4 ใน 10 ของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซจะแชร์การซื้อสินค้าบนหน้าเฟซบุ๊กของตนเอง) และถือเป็นปัจจัยหลักถึง 42% ที่ทำให้คนไทยตัดสินใจจองการท่องเที่ยว
"อาภาภัทร" บอกอีกว่า ผู้ใช้อีคอมเมิร์ซจำนวนมากเลือกใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการช็อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ และหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าได้ตลอดเวลา
จากการสำรวจพบว่า 66% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้วยสาเหตุที่ว่า 50% สะดวกสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา 30% บอกว่าสามารถเปรียบเทียบหาข้อมูลเมื่ออยู่ในร้านค้าได้ 27% บอกว่า มีความเสถียรในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ 25% ระบุว่า รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 24% ชื่นชอบแบรนด์สินค้าออนไลน์ที่สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดาย โดยช่องทางที่เลือกใช้บนโทรศัพท์มือถือ แบ่งเป็น 65% ใช้เฟซบุ๊ก 46% ใช้เว็บไซต์ของร้านค้า และ 42% ใช้โซเชียลมีเดีย
สำหรับอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมในการใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว ยังมีโน้ตบุ๊ก แท็บเลต ตามลำดับ
สินค้าที่ได้รับความนิยมในการซื้อออนไลน์มีทั้งแฟชั่นและความงาม การจองการท่องเที่ยว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และของตกแต่งบ้าน
หากแยกตามเหตุผล 2 อันดับแรกในการพิจารณาซื้อพบว่า สินค้าแฟชั่นและความงาม 56% มาจากความดึงดูดในการตกแต่งร้านค้า และ 44% จากคำวิจารณ์จากโฆษณาบนเฟซบุ๊กหรือความคิดเห็นเชิงบวก
ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 12% พิจารณาจากความดึงดูดจากการตกแต่งร้านค้า และ 44% พิจารณาจากการโฆษณาบนเพจของแบรนด์ และความคิดเห็นเชิงบวก ด้านการจองการท่องเที่ยวพิจารณาจากโฆษณาบน
เฟซบุ๊ก 42% และ 33% จากการรีวิวในช่องทางออนไลน์ ส่วนของตกแต่งบ้าน 85% พิจารณาจากความดึงดูดจากการตกแต่งร้านค้า และ 60% จากโฆษณา
"เฟซบุ๊ก" เป็นช่องทางหลักที่ลูกค้าใช้เข้าถึงข้อมูลเพื่อซื้อสินค้าบนโลกดิจิทัล และมีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นและความงาม ตั้งแต่ค้นพบสินค้าครั้งแรก 24% การหาข้อมูล 25% การพิจารณาจัดซื้อสินค้า 18% การตัดสินใจ 45% และการแชร์สินค้าต่อ 45%
จากการสำรวจพบด้วยว่า 71% ซื้อสินค้าภายใน 3 วัน โดย 50% ของผู้ซื้อสินค้าแฟชั่นและความงามจะแนะนำการซื้อสินค้าของพวกเขาต่อ ส่งผลให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากในเชิงบวก นั่นทำให้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงลูกค้า เพราะ 5 ใน 10 คนจะแนะนำเกี่ยวกับการซื้อสินค้าของพวกเขา
ด้าน "แอร์โรว์ กัว" หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี กลุ่มประเทศเกรทเทอร์ไชน่า และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "เฟซบุ๊ก" กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทย 30 ล้านคนต่อเดือน แสดงให้เห็นถึงโอกาสมหาศาลของธุรกิจขนาดย่อมในการใช้ช่องทางนี้ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและยอดขาย เนื่องจากการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคชาวไทยได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากสิ่งที่พวกเขาพบเห็นในเฟซบุ๊ก รวมถึงคำแนะนำจากคนที่เขาเชื่อถือ และเนื้อหาที่แสดงถึงความสร้างสรรค์ และมีพลังในรูปแบบวิดีโอ รวมถึงเครื่องมืออื่น เช่น Product Ads ที่ช่วยให้ธุรกิจแสดงสินค้าให้ลูกค้าค้นหาบนหน้าข้อมูล (Newsfeed) ได้ง่าย
"รฐิยา อิสระชัยกุล" หัวหน้าทีมเอสเอ็มอีประเทศไทย เฟซบุ๊ก สิงคโปร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลก 1.44 พันล้านบัญชี เป็นผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 1.25 พันล้านบัญชี โดยเฉพาะในประเทศไทย ณ เดือน ธ.ค.ปี 2557 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 30 ล้านบัญชี แบ่งเป็น 28 ล้านบัญชี ผ่านโทรศัพท์มือถือ มีผู้ใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 21 ล้านราย ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 20 ล้านราย หรือกว่า 93%
"จนถึงต้นปีนี้พบว่าการรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เฉลี่ย 4 พันล้านวิวต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านวิวจาก ก.ย.ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ทำธุรกิจบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ 40 ล้านเพจ เพิ่มขึ้น10 ล้านเพจภายใน 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีธุรกิจที่ลงโฆษณาแล้วกว่า 2 ล้านรายซึ่งเราเองก็จะนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสนับสนุนการทำตลาดบนอีคอมเมิร์ซ รวมถึงมีบริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของลูกค้า เช่น แฟนเพจโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ, โฆษณาโปรโมตโพสต์ เป็นต้น"
จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นชัดเจนว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ก และโทรศัพท์มือถือได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการทั้งหลายไม่ควรมองข้าม
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1433145932
"รฐิยา อิสระชัยกุล" หัวหน้าทีมเอสเอ็มอีประเทศไทย เฟซบุ๊ก สิงคโปร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลก 1.44 พันล้านบัญชี เป็นผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 1.25 พันล้านบัญชี โดยเฉพาะในประเทศไทย ณ เดือน ธ.ค.ปี 2557 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 30 ล้านบัญชี แบ่งเป็น 28 ล้านบัญชี ผ่านโทรศัพท์มือถือ มีผู้ใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 21 ล้านราย ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 20 ล้านราย หรือกว่า 93%
"จนถึงต้นปีนี้พบว่าการรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เฉลี่ย 4 พันล้านวิวต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านวิวจาก ก.ย.ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ทำธุรกิจบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ 40 ล้านเพจ เพิ่มขึ้น10 ล้านเพจภายใน 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีธุรกิจที่ลงโฆษณาแล้วกว่า 2 ล้านรายซึ่งเราเองก็จะนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสนับสนุนการทำตลาดบนอีคอมเมิร์ซ รวมถึงมีบริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของลูกค้า เช่น แฟนเพจโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ, โฆษณาโปรโมตโพสต์ เป็นต้น"
จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นชัดเจนว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ก และโทรศัพท์มือถือได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการทั้งหลายไม่ควรมองข้าม
_____________________________________
เส้นทาง "นักช็อปโลกโซเชียล" เสพติดมือถือ "ค้น-แชร์" ข้อมูล
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งโซเชียลมีเดียหลักที่ทุกคนใช้งานในแต่ละวัน วันละหลายชั่วโมง หนีไม่พ้น "เฟซบุ๊ก" จากความนิยมดังกล่าวส่งผลให้เกิดธุรกิจบนสังคมสื่อออนไลน์แห่งนี้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
"อาภาภัทรบุญรอด"กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีเอ็นเอส ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคไทยในการซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซจากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าผู้บริโภคชาวไทยผูกพันกับเฟซบุ๊กเป็นอย่างมากในการใช้เป็นช่องทางสำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ โดยผลวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าเฟซบุ๊กเป็นตลาดแห่งโลกโซเชียลของผู้บริโภคไทย โดยมากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจต่างซื้อสินค้าหรือบริการจากการพบเห็นบนเฟซบุ๊กด้วย
ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซแซงหน้าช่องทางอื่น ๆ เช่น เครื่องมือค้นหาข้อมูล และการบอกต่อแบบปากต่อปาก โดยเฟซบุ๊กได้รับการจัดอันดับเป็นช่องทางอันดับหนึ่งของการซื้อสินค้าบนโทรศัพท์มือถือในทุกขั้นตอนของการซื้อสินค้าเริ่มจากการค้นพบการค้นคว้าข้อมูลเพื่อพิจารณาการตัดสินใจ จนกระทั่งการซื้อสินค้า
จากผลสำรวจระบุว่า ผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ และมากกว่า 70% ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า โดยเริ่มตั้งแต่การค้นพบไปจนถึงการเข้าเยี่ยมชมข้อมูลของร้าน และรับชมรีวิวหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองใช้สินค้าที่เผยแพร่ทางออนไลน์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจซื้อ และส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 3 วัน ในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ โดย "เฟซบุ๊ก" เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานในการสืบค้น และหาข้อมูลสินค้า และบริการต่าง ๆและ 92% ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจใช้งานในเฟซบุ๊กทุก ๆ วัน
ผู้ใช้งานจำนวนมากค้นพบสินค้า และใช้ "เฟซบุ๊ก" เป็นเครื่องมือหลักในการหาข้อมูล และการตัดสินใจซื้อ ทั้งยังพบด้วยว่าโฆษณาเป็นกุญแจสำคัญสำหรับกิจกรรมแบบออฟไลน์ และโฆษณาบนเฟซบุ๊กเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อสินค้าทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
70% ค้นคว้าข้อมูลออนไลน์ก่อนการซื้อสินค้าหนึ่งชิ้นขณะที่โฆษณาบนเฟซบุ๊กเพจของแบรนด์หรือความคิดเห็นเชิงบวกและการแชร์ (4 ใน 10 ของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซจะแชร์การซื้อสินค้าบนหน้าเฟซบุ๊กของตนเอง) และถือเป็นปัจจัยหลักถึง 42% ที่ทำให้คนไทยตัดสินใจจองการท่องเที่ยว
"อาภาภัทร" บอกอีกว่า ผู้ใช้อีคอมเมิร์ซจำนวนมากเลือกใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือในการช็อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ และหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าได้ตลอดเวลา
จากการสำรวจพบว่า 66% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้วยสาเหตุที่ว่า 50% สะดวกสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา 30% บอกว่าสามารถเปรียบเทียบหาข้อมูลเมื่ออยู่ในร้านค้าได้ 27% บอกว่า มีความเสถียรในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ 25% ระบุว่า รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 24% ชื่นชอบแบรนด์สินค้าออนไลน์ที่สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดาย โดยช่องทางที่เลือกใช้บนโทรศัพท์มือถือ แบ่งเป็น 65% ใช้เฟซบุ๊ก 46% ใช้เว็บไซต์ของร้านค้า และ 42% ใช้โซเชียลมีเดีย
สำหรับอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมในการใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว ยังมีโน้ตบุ๊ก แท็บเลต ตามลำดับ
สินค้าที่ได้รับความนิยมในการซื้อออนไลน์มีทั้งแฟชั่นและความงาม การจองการท่องเที่ยว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และของตกแต่งบ้าน
หากแยกตามเหตุผล 2 อันดับแรกในการพิจารณาซื้อพบว่า สินค้าแฟชั่นและความงาม 56% มาจากความดึงดูดในการตกแต่งร้านค้า และ 44% จากคำวิจารณ์จากโฆษณาบนเฟซบุ๊กหรือความคิดเห็นเชิงบวก
ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 12% พิจารณาจากความดึงดูดจากการตกแต่งร้านค้า และ 44% พิจารณาจากการโฆษณาบนเพจของแบรนด์ และความคิดเห็นเชิงบวก ด้านการจองการท่องเที่ยวพิจารณาจากโฆษณาบน
เฟซบุ๊ก 42% และ 33% จากการรีวิวในช่องทางออนไลน์ ส่วนของตกแต่งบ้าน 85% พิจารณาจากความดึงดูดจากการตกแต่งร้านค้า และ 60% จากโฆษณา
"เฟซบุ๊ก" เป็นช่องทางหลักที่ลูกค้าใช้เข้าถึงข้อมูลเพื่อซื้อสินค้าบนโลกดิจิทัล และมีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นและความงาม ตั้งแต่ค้นพบสินค้าครั้งแรก 24% การหาข้อมูล 25% การพิจารณาจัดซื้อสินค้า 18% การตัดสินใจ 45% และการแชร์สินค้าต่อ 45%
จากการสำรวจพบด้วยว่า 71% ซื้อสินค้าภายใน 3 วัน โดย 50% ของผู้ซื้อสินค้าแฟชั่นและความงามจะแนะนำการซื้อสินค้าของพวกเขาต่อ ส่งผลให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากในเชิงบวก นั่นทำให้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงลูกค้า เพราะ 5 ใน 10 คนจะแนะนำเกี่ยวกับการซื้อสินค้าของพวกเขา
ด้าน "แอร์โรว์ กัว" หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี กลุ่มประเทศเกรทเทอร์ไชน่า และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "เฟซบุ๊ก" กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทย 30 ล้านคนต่อเดือน แสดงให้เห็นถึงโอกาสมหาศาลของธุรกิจขนาดย่อมในการใช้ช่องทางนี้ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและยอดขาย เนื่องจากการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคชาวไทยได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากสิ่งที่พวกเขาพบเห็นในเฟซบุ๊ก รวมถึงคำแนะนำจากคนที่เขาเชื่อถือ และเนื้อหาที่แสดงถึงความสร้างสรรค์ และมีพลังในรูปแบบวิดีโอ รวมถึงเครื่องมืออื่น เช่น Product Ads ที่ช่วยให้ธุรกิจแสดงสินค้าให้ลูกค้าค้นหาบนหน้าข้อมูล (Newsfeed) ได้ง่าย
"รฐิยา อิสระชัยกุล" หัวหน้าทีมเอสเอ็มอีประเทศไทย เฟซบุ๊ก สิงคโปร์ เสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลก 1.44 พันล้านบัญชี เป็นผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 1.25 พันล้านบัญชี โดยเฉพาะในประเทศไทย ณ เดือน ธ.ค.ปี 2557 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 30 ล้านบัญชี แบ่งเป็น 28 ล้านบัญชี ผ่านโทรศัพท์มือถือ มีผู้ใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 21 ล้านราย ผ่านโทรศัพท์มือถือกว่า 20 ล้านราย หรือกว่า 93%
"จนถึงต้นปีนี้พบว่าการรับชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เฉลี่ย 4 พันล้านวิวต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 3 พันล้านวิวจาก ก.ย.ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ทำธุรกิจบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ 40 ล้านเพจ เพิ่มขึ้น10 ล้านเพจภายใน 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีธุรกิจที่ลงโฆษณาแล้วกว่า 2 ล้านรายซึ่งเราเองก็จะนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสนับสนุนการทำตลาดบนอีคอมเมิร์ซ รวมถึงมีบริการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของลูกค้า เช่น แฟนเพจโฆษณาในรูปแบบวิดีโอ, โฆษณาโปรโมตโพสต์ เป็นต้น"
จากข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นชัดเจนว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ก และโทรศัพท์มือถือได้เข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าและบริการทั้งหลายไม่ควรมองข้าม
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1433145932
ไม่มีความคิดเห็น: