Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

28 กรกฎาคม 2557 Microsoft ไทย ระบุว่ากว่า 42% ขององค์กรในประเทศไทยยังคงใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 อยู่อย่างน้อยหนึ่งเครื่องในเดือนมิ.ย.2557

ประเด็นหลัก


กลายเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้ง เมื่อ "ไมโครซอฟท์" ประกาศยุติการให้บริการสนับสนุนผลิตภัณฑ์วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และ 2003 R2 ในวันที่ 15 ก.ค.2558 หลังจากระบบปฏิบัติการณ์ดังกล่าว ได้ให้บริการมานานกว่า 11 ปี และได้เป็นตัวขับเคลื่อนโครงสร้างระบบไอทีองค์กรต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงอีเมล์ เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ โดยองค์กรที่ยังคงใช้งานระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์รุ่นดังกล่าว จะมีเวลา 1 ปี ในการเตรียมตัวถ่ายโอนระบบเซิร์ฟเวอร์ไปสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ เพื่อให้ปลอดความกังวลทั้งด้านความปลอดภัย การรับรองเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรม ต้นทุนการบำรุงรักษาระบบ และการรองรับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในอนาคต

โดยข้อมูลจากสไปซ์เวิร์กส์ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่มีสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก ระบุว่ากว่า 42% ขององค์กรในประเทศไทยยังคงใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 อยู่อย่างน้อยหนึ่งเครื่องในเดือนมิ.ย.2557





______________________________




ไอทีองค์กรมีสะเทือน 'ไมโครซอฟท์' เล็งปิดวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003!

ไมโครซอฟท์ ปูทางสู่ยุค mobile first, cloud first ประกาศนับถอยหลังหนึ่งปี ยุติการสนับสนุน วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และ 2003 R2 เผย 42% ขององค์กรไอทีในไทยยังคงใช้งานอยู่...

กลายเป็นประเด็นใหญ่อีกครั้ง เมื่อ "ไมโครซอฟท์" ประกาศยุติการให้บริการสนับสนุนผลิตภัณฑ์วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และ 2003 R2 ในวันที่ 15 ก.ค.2558 หลังจากระบบปฏิบัติการณ์ดังกล่าว ได้ให้บริการมานานกว่า 11 ปี และได้เป็นตัวขับเคลื่อนโครงสร้างระบบไอทีองค์กรต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงอีเมล์ เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ โดยองค์กรที่ยังคงใช้งานระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์รุ่นดังกล่าว จะมีเวลา 1 ปี ในการเตรียมตัวถ่ายโอนระบบเซิร์ฟเวอร์ไปสู่ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ เพื่อให้ปลอดความกังวลทั้งด้านความปลอดภัย การรับรองเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรม ต้นทุนการบำรุงรักษาระบบ และการรองรับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในอนาคต

โดยข้อมูลจากสไปซ์เวิร์กส์ เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่มีสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก ระบุว่ากว่า 42% ขององค์กรในประเทศไทยยังคงใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 อยู่อย่างน้อยหนึ่งเครื่องในเดือนมิ.ย.2557

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2558 เป็นต้นไป วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 จะไม่ได้รับการอัพเดตหรือพัฒนาเพิ่มเติมใดๆ ตามนโยบายการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ แม้ว่าองค์กรต่างๆ จะสามารถใช้งานระบบปฏิบัติการรุ่นนี้ต่อไปได้ตามปกติ แต่เซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชั่นที่ต้องพึ่งพาวินโดวส์รุ่นนี้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ทั้งในด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบ รวมถึงการตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าที่ใช้กับวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 ก็จะเพิ่มขึ้น ควบคู่กับความจำเป็นที่ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับผู้บุกรุก ระบบไฟร์วอลล์ หรือแม้แต่การแบ่งส่วนระบบเครือข่ายเพื่อแยกระบบเก่าและใหม่ออกจากกัน

จากพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนแปลงโลกเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง โดยเทคโนโลยีคลาวด์และเทรนด์ใหม่ๆ ด้านอุปกรณ์พกพาและบิ๊กดาต้าก็ทำให้ความต้องการในด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบไอทีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่การรักษาสมดุลระหว่างความคล่องตัวทางธุรกิจและการบริหารค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เอง วินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 จึงขาดคุณสมบัติที่จะรองรับความต้องการทางธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน

นางสาวสุชาลักษณ์ สรณานุสรณ์ ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าเซิร์ฟเวอร์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ได้ทำการสื่อสารอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงการสิ้นสุดการสนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 อย่างทั่วถึง แม้ว่าการใช้งานระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับรุ่นเก่าจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การยุติการสนับสนุนในอีกหนึ่งปีข้างหน้านี้ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่องค์กรต่างๆ จะตัดสินใจย้ายระบบขึ้นสู่คลาวด์ ซึ่งการย้ายเซิร์ฟเวอร์สู่ระบบคลาวด์อาจกินเวลานานถึง 200 วัน ในขณะที่การถ่ายโอนแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาจต้องใช้เวลาเกินกว่า 300 วัน สำหรับไมโครซอฟท์ เราได้เตรียมเส้นทางการอัพเกรดระบบสู่แพลตฟอร์มคลาวด์ไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการระบบคลาวด์แบบ on-premise ภายในองค์กร แบบสาธารณะ หรือคลาวด์ที่บริหารจัดการโดยผู้ให้บริการในเครือข่ายพันธมิตรของไมโครซอฟท์

ทั้งนี้ ลูกค้าองค์กรที่ยังใช้งานวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 สามารถอัพเกรดมาใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2012 R2 และโซลูชั่นไมโครซอฟท์ ซิสเต็ม เซ็นเตอร์ 2012 R2 เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดของไมโครซอฟท์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการประมวลผล การเก็บข้อมูล การจัดการระบบ การจำลองเครือข่าย การรักษาความปลอดภัยและควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และแพลตฟอร์มการพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้งานวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2012 R2 ยังสามารถเสริมสร้างความคล่องตัวและควบคุมค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจได้ด้วยระบบคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ และออฟฟิศ 365 อีกด้วย

"ผู้บริหารระดับซีไอโอต่างต้องการมีรากฐานระบบไอทีที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อให้องค์กรสามารถรองรับความต้องการในด้านแอพ การใช้งานอุปกรณ์พกพา และการวิเคราะห์ข้อมูล ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญจนขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ ดังนั้น จึงถึงเวลาที่ทุกองค์กรจะเตรียมพร้อมก้าวสู่ยุค mobile first, cloud first ภายใต้วิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ที่มุ่งนำเสนอระบบคลาวด์ในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า"

ส่วนความช่วยเหลือจากไมโครซอฟท์ ในการถ่ายโอนระบบของลูกค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่น สำหรับองค์กรที่ใช้เซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 มีทั้งสิ้น 3 ช่องทาง คือ 1.ไมโครซอฟท์ได้ทำการฝึกสอนและแบ่งปันเครื่องมือสำคัญต่างๆ แก่เครือข่ายพันธมิตรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้แต่ละรายสามารถรับมือกับโครงการที่ซับซ้อนอย่างการถ่ายโอนระบบเซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ โดยเอชพีและไมโครซอฟท์ได้จับมือกันพัฒนาโซลูชั่น บริการ และการสนับสนุนทั้งในด้านการใช้งานและการเงิน เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนและขยับขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ขณะที่เดลล์ได้เปิดตัวบริการอัพเกรดจากวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 อีกเช่นกัน

2.เว็บไซต์นับถอยหลังสู่การสิ้นสุดการสนับสนุนวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 พร้อมให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการอัพเกรดระบบในทุกขั้นตอน พร้อมด้วยรายละเอียดบริการและเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการประเมินสภาพระบบ ฝึกสอนบุคลากร ดำเนินการถ่ายโอนระบบ หรือการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ลูกค้ามีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับโลกยุค ‘mobile first, cloud first’

3.เครื่องมือ Migration Planning Assistant สามารถช่วยให้องค์กรวิเคราะห์ระดับการใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 และสร้างเอกสารรายงานสรุปที่มาพร้อมกับคำแนะนำและข้อเสนอจากพันธมิตรของไมโครซอฟท์เพื่อการอัพเกรดระบบต่อไป

นอกจากนี้ องค์กรที่ต้องการถ่ายโอนแอพพลิเคชั่นและระบบงานต่างๆ ไปสู่ระบบคลาวด์แบบสาธารณะ สามารถเลือกใช้งานไมโครซอฟท์ อาชัวร์ แพลตฟอร์มคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งานและจัดการแอพพลิเคชั่นได้จากทั่วโลกผ่านเครือข่ายศูนย์ข้อมูลของไมโครซอฟท์ โดยผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสามารถสร้างสรรค์โปรแกรมโดยใช้ภาษาหรือเครื่องมือใดก็ได้บนอาชัวร์ และยังสามารถผนึกเอาแอพพลิเคชั่นคลาวด์เหล่านี้เข้ากับระบบไอทีที่มีอยู่เดิม

ส่วนองค์กรที่ใช้งานเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ 2003 เพื่อให้บริการด้านอีเมล์และการติดต่อสื่อสาร ก็สามารถเลือกใช้ออฟฟิศ 365 บริการคลาวด์เพื่อการสร้างสรรค์และประสานงานที่ครบครันด้วยแอพพลิเคชั่นออฟฟิศที่คุ้นเคย พร้อมด้วยบริการอื่นๆ อาทิ Lync และ Skype สำหรับการสนทนาออนไลน์ Exchange Online สำหรับอีเมล์ OneDrive สำหรับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์.

http://www.thairath.co.th/content/439129

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.