31 มีนาคม 2558 TNEWS.สนธิญาณ ทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นกรรมการ NMG ในฐานะตัวแทนของ บริษัท NEWS (หรือ SLC) นั้น เป็นเรื่องจริง โดยดึงรศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ นั่งเก้าอี้บอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น SLC
ประเด็นหลัก
- “ทีนิวส์” โต้ “เนชั่น” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบผู้ถือหุ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. กองบรรณาธิการสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ ข้อเท็จจริง TNEWS กับ NATION โดยปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังในการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ที่เดินทางไปยื่นหนังสือที่อาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NMG แสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเรียกร้อง มากกว่าออกมากล่าวหาว่าเขาเป็นพวกใคร โดยอ้างว่าการบริหารของกลุ่ม NMG ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังขาแก่ผู้ถือหุ้น เช่น การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้เข้าประมูลช่องรายการวาไรตี้ ในวงเงิน 2,200 ล้านบาท เป็นการพาองค์กรข่าวเข้าสู่ความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะไม่ได้ถนัดและเป็นมืออาชีพด้านวาไรตี้ อีกทั้งช่อง NOW ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจ และกรณีมหาวิทยาลัยเนชั่นได้รับการร้องเรียนในเรื่องของคุณภาพมาตรฐาน
“ผู้บริหาร NMG ที่ใช้กลไกลทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนและบริหารองค์กรจากเงินของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย แต่กลับเอาสถานะการทำงานเพื่ออุดมการณ์มาห่อหุ้ม เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือกระทำการอันไม่มีธรรมาภิบาลหรือไม่” แถลงการณ์ของสำนักข่าวทีนิวส์ ระบุ
ขณะที่ นายสนธิญาณ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสำนักข่าวทีนิวส์ ตั้งแต่ปี 2550 และก่อตั้งด้วยทุนของตนเองเพื่อนำเสนอข้อมูล ข่าวสารและสาระไปสู่สาธารณชน หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ ถูก คสช. สั่งปิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจที่ลงทุนด้วยทุนส่วนตัวและหนี้สินที่แบกรับอยู่จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง โดยได้ร่วมทุนกับ บริษัท NEWS (SLC) เพราะเห็นว่าจะทำให้องค์กร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรมีอนาคตที่มั่นคง และด้วยอุดมการณ์ที่เหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมดังกล่าว แม้ว่านายสนธิญาณจะต้องสูญเสียสัดส่วนในการถือหุ้นส่วนใหญ่ให้บริษัท NEWS (SLC) ไป
- รับทาบทาม “สังศิต” นั่งเก้าอี้บอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น SLC
ส่วนกรณีที่ นายสนธิญาณ ได้ไปช่วยทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นกรรมการ NMG ในฐานะตัวแทนของ บริษัท NEWS (หรือ SLC) นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะได้รับการร้องขอจากบริษัท NEWS (SLC) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ TNEWS และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TNEWS โดยบุคคลที่ไปทาบทามนั้น คือ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ประจักษ์ในสังคม ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด ความจริงแล้วผู้บริหารในกลุ่ม NMG น่าจะดีใจที่ได้บุคคลเช่นนี้มาเป็นกรรมการ เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์กลุ่มบริษัท NMG และต่อผู้ถือหุ้น
อนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสังศิต ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปช. เป็นคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานสาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยรับราชการในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่ง เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาถูกกลุ่มเกษตรกรต่อต้านขับไล่ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่ามีลักษณะอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว จึงต้องพ้นจากตำแหน่งไป
_____________________________________________________
พบ “สนธิญาณ” ทาบทาม “สังศิต” เสียบบอร์ดเนชั่น
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทีนิวส์โต้เนชั่น กล่าวหาจัดตั้งม็อบผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ป่วน ท้าโชว์ใบเสร็จ รับแล้วทาบทาม “สังศิต” เสียบบอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น โอ่ซื่อสัตย์ ด้านเนชั่นเตรียมเคลื่อนไหวร้องศาลปกครอง หลังมติ กสท. 3 ต่อ 2 เคาะ “สปริงนิวส์” ถือหุ้นไม่ขัดประกาศ กสทช.
จากกรณีที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS (SLC เดิม) ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสถานีโทรทัศน์ข่าวสปริงนิวส์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้เข้ามาซื้อหุ้นของ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของสื่อหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก รวมทั้งเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี และ นาว 26 ในสัดส่วน 12.27% และซื้อวอร์แรนต์เก็บไว้อีกประมาณ 6% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,042 ล้านบาท ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ผู้บริหารและพนักงานเครือเนชั่น และเห็นว่ามีเจตนาคุกคามการทำหน้าที่สื่อ เนื่องจากการเพิ่มทุนผิดปกติของ SLC มีเจตนาที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่ามีความต้องการที่จะส่งคนเข้าไปบริหารบริษัทฯ เพื่อแทรกแซงกิจการ ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนนี้หรือไม่
ล่าสุด หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG นำโดย น.ส.ประทุม เรืองสุด ได้ยื่นหนังสือถึงนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้พิจารณากรณีการซื้อขายหุ้น NMG เป็นคดีพิเศษ โดยขอให้ตรวจสอบบัญชีการซื้อขายและโอนหุ้นในหลักทรัพย์ NMG, NMG-W3, NBC และ NBC-W1 ย้อนหลัง 3 ปีของ นายเสริมสิน สมะลาภา, น.ส.เขมกร วชิรวราการ, น.ส.วารุณี ตันตะสุรฤกษ์, มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และนายปิยพงศ์ เผ่าวณิช โดยอ้างว่า มีความสลับซับซ้อนและสร้างความเสียหายส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดทุนไทยและผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก ก่อนที่จะเดินทางไปยังอาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ เพื่อทำทีให้กำลังใจนายสุทธิชัย หยุ่น ที่ในขณะนั้นกำลังเดินทางไปต่างประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ได้เปิดแฟนเพจ “กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG” พร้อมกับทุ่มซื้อโฆษณาทางเฟซบุ๊ก เพื่อตอบโต้กรณีที่สื่อในเครือเนชั่นออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นขบวนการจัดตั้ง เพื่อสร้างความแตกแยกในผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่เนชั่นเพื่อช่วงชิงเสียงข้างมาก โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริง เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นถือเป็นเจ้าของ NMG ในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีข้อสงสัยจากพฤติกรรมของผู้บริหารบางราย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นมีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส ขาดหลักธรรมาภิบาล ขอให้เครือเนชั่นได้เข้าใจข้อเท็จจริง ในฐานะที่เป็นสื่อที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน การด่วนสรุป และนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือต่อประชาชนผู้บริโภคข่าวสารและในระยะยาว จะกระทบกับธุรกิจของเครือเนชั่นได้
- จับผิดซื้อหุ้นวัน-สองวันก่อนเคลื่อนไหว บางคนเคลื่อนไหวการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มพนักงานเครือเนชั่นได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ที่ออกมาเคลื่อนไหวแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักลงทุนที่มีหุ้น NMG เพียงแค่ 1,000 หุ้น หรือต่ำกว่า ซึ่งมีอยู่ถึง 17 คน ในจำนวนผู้ลงชื่อทั้งหมด 36 คน โดยเฉพาะ น.ส.ประทุม ส่วนใหญ่ได้เข้าซื้อ NMG ในวันที่ 17 - 18 มี.ค. 58 ก่อนที่จะออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา หลายคนมีความเกี่ยวพันกับ นายฉาย บุนนาค โดยปรากฏชื่อในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Private Placement (PP) ของหุ้นกลุ่ม นายฉาย บุนนาค เช่น นายศิร์วศิษฐ์ สายน้ำผึ้ง ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท NEWS (ชื่อเดิม SLC), บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ (ชื่อเดิม บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC), บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ TH, นายมานพ อ่วมทัพ ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR (ชื่อเดิม บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ WAT) รวมทั้งแกนนำผู้ยื่นจดหมาย คือ น.ส.ประทุม เรืองสุด ก็ปรากฏชื่อเป็นจำเลยร่วมกับนายฉาย ในคดีของบริษัท เจ.อาร์ ดีล ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA
ขณะที่ นายดิษเดช หิรัญจิรคุณ ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซึ่งในภายหลัง ยอมรับว่า ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นเนชั่นแต่อย่างใด แต่เปิดพอร์ตเตรียมซื้อเร็วๆ นี้ นั้น พบว่าชื่อเดิมคือ นายนราธิป ไพบูลย์สมบัติ เดิม, นายธนพล รัฐกรวิวัฒน์ เดิม, นายติณณ์ณชัย ไพบูลย์สมบัติ เดิม โดยมีฉายาว่า บ่าวแดง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับนายสุขสันต์ ชัยเทศ และ นายไทกร พลสุวรรณ กรณีพรรคเล็กยุบพรรคใหญ่เมื่อปี 2549 และร่วมกับ นายอธิวัฒน์ บุญชาติ สร้างชุมชนบ้านสันปันน้ำที่ชายแดนไทย - กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ และคนกลุ่มดังกล่าวมักจะออกมาเป็นแขกรับเชิญให้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 13 สยามไท, บุญนิยมทีวี และ ทีนิวส์ ทีวี ในบางโอกาส
- “ทีนิวส์” โต้ “เนชั่น” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบผู้ถือหุ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. กองบรรณาธิการสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ ข้อเท็จจริง TNEWS กับ NATION โดยปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังในการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ที่เดินทางไปยื่นหนังสือที่อาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NMG แสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเรียกร้อง มากกว่าออกมากล่าวหาว่าเขาเป็นพวกใคร โดยอ้างว่าการบริหารของกลุ่ม NMG ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังขาแก่ผู้ถือหุ้น เช่น การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้เข้าประมูลช่องรายการวาไรตี้ ในวงเงิน 2,200 ล้านบาท เป็นการพาองค์กรข่าวเข้าสู่ความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะไม่ได้ถนัดและเป็นมืออาชีพด้านวาไรตี้ อีกทั้งช่อง NOW ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจ และกรณีมหาวิทยาลัยเนชั่นได้รับการร้องเรียนในเรื่องของคุณภาพมาตรฐาน
“ผู้บริหาร NMG ที่ใช้กลไกลทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนและบริหารองค์กรจากเงินของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย แต่กลับเอาสถานะการทำงานเพื่ออุดมการณ์มาห่อหุ้ม เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือกระทำการอันไม่มีธรรมาภิบาลหรือไม่” แถลงการณ์ของสำนักข่าวทีนิวส์ ระบุ
ขณะที่ นายสนธิญาณ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสำนักข่าวทีนิวส์ ตั้งแต่ปี 2550 และก่อตั้งด้วยทุนของตนเองเพื่อนำเสนอข้อมูล ข่าวสารและสาระไปสู่สาธารณชน หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ ถูก คสช. สั่งปิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจที่ลงทุนด้วยทุนส่วนตัวและหนี้สินที่แบกรับอยู่จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง โดยได้ร่วมทุนกับ บริษัท NEWS (SLC) เพราะเห็นว่าจะทำให้องค์กร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรมีอนาคตที่มั่นคง และด้วยอุดมการณ์ที่เหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมดังกล่าว แม้ว่านายสนธิญาณจะต้องสูญเสียสัดส่วนในการถือหุ้นส่วนใหญ่ให้บริษัท NEWS (SLC) ไป
- รับทาบทาม “สังศิต” นั่งเก้าอี้บอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น SLC
ส่วนกรณีที่ นายสนธิญาณ ได้ไปช่วยทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นกรรมการ NMG ในฐานะตัวแทนของ บริษัท NEWS (หรือ SLC) นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะได้รับการร้องขอจากบริษัท NEWS (SLC) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ TNEWS และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TNEWS โดยบุคคลที่ไปทาบทามนั้น คือ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ประจักษ์ในสังคม ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด ความจริงแล้วผู้บริหารในกลุ่ม NMG น่าจะดีใจที่ได้บุคคลเช่นนี้มาเป็นกรรมการ เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์กลุ่มบริษัท NMG และต่อผู้ถือหุ้น
อนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสังศิต ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปช. เป็นคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานสาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยรับราชการในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่ง เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาถูกกลุ่มเกษตรกรต่อต้านขับไล่ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่ามีลักษณะอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว จึงต้องพ้นจากตำแหน่งไป
- มติ 3:2 SLC ซื้อหุ้น NMG ไม่ขัดประกาศ กสทช. - คนเนชั่นฟ้องศาลปกครองต่อ
ด้านความเคลื่อนไหว ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในวันนี้ (30 มี.ค.) มีมติรองรับ 3 ต่อ 2 เสียง กรณีที่ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ซื้อหุ้น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG นั้น ไม่ปรากฏว่ากระทำการขัดต่อเงื่อนไขการมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงไม่ขัดต่อประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ. 2556 โดยการประชุมเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา กสท. มีความเห็นออกเป็น 2 ต่อ 2 ต่อ 1 ยังไม่ชัดเจน ซึ่งวันนี้ถือว่าชัดเจนเรื่องการลงมติ โดยได้รับการรับรองแล้ว
ด้าน นายเสด็จ บุนนาค บรรณาธิการข่าว สำนักข่าวเนชั่น ในฐานะประธานสหภาพแรงงานสื่อสารมวลไทย และ น.ส.ปราณี ศรีกำเนิด ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบกลุ่มผู้อ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ว่า เป็นผู้ถือหุ้นจริงหรือไม่, ซื้อหุ้นจริงหรือไม่, ซื้อหุ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่, ได้รับความเสียหายมากน้อยเท่าใด และขอให้ตรวจสอบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร รวมทั้งขอให้พิจารณาการซื้อขายหุ้น NMG เป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ สหภาพแรงงานฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมเอกสาร เพื่อยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีที่ กสทช. มีมติให้ NEWS เข้าถือหุ้น ไม่ถือเป็นการครอบงำสื่อ
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036801&Keyword=%B9%D4%C7%CA%EC
__________________________________
ตรวจแถว'ม็อบจัดตั้ง'เครือเนชั่น ศึกชิงสื่อ-สหบาทา'สุทธิชัย หยุ่น'
23 มี.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็น “เนชั่นกรุ๊ป” ยังคงเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น สงครามสื่อชิงสื่อยังคงคุกรุ่น และพร้อมที่จะเปิดศึกได้ตลอดเวลา เหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ลงทุนรายย่อย เดินทางมาให้กำลังใจนายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ เนชั่นกรุ๊ป เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำไมกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า “ม็อบจัดตั้ง” ตามประสาข่าวที่สื่อสิ่งพิมพ์ในเครือ “เนชั่น” ใช้เรียกขานและพาดหัวข่าว
นักลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้ ดูรายชื่อแกนนำเคลื่อนไหว และบัญชีผู้ถือหุ้นราย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มนักลงทุนที่มีหุ้น NMG เพียงแค่ 1,000 หุ้นหรือต่ำกว่า ซึ่งมีอยู่ถึง 17 คนในจำนวนผู้ลงชื่อทั้งหมด 36 คน ส่วนใหญ่ได้เข้าซื้อ NMG ในวันที่ 17 -18 มี.ค.58 เรียกว่าซื้อหุ้น NMG เพื่อปฏิบัติภารกิจนี้เป็นการเฉพาะ อีกกลุ่มคือ ผู้ถือหุ้นที่ลงชื่อเคลื่อนไหว เป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวพัน คู่กรณีที่ต้องการเทคโอเวอร์เนชั่น แบบไม่เป็นมิตร คือ NEWS และ POLAR หรือชื่อเดิมคือ SLC และ WAT ซึ่งสะท้อนว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์ตามที่จั่วหัวไว้
ที่สำคัญก็คือ กลุ่มนักลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้ มีชื่อ “ศิร์วศิษฏ์ สายน้ำผึ้ง-มานพ อ่วมทัพ และสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” รวมอยู่ด้วย 'ศิร์วสิษฎ์' มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NMG ในสัดส่วน 9.4 % หรือ 14.5 ล้านหุ้น เข้าถือหุ้น NMG ในฐานะบุคคลในสัดส่วนที่สูงกว่า นายสุทธิชัย หยุ่น ด้วยซ้ำ และคำถามที่สำคัญคือ นายศิร์วสิษฏ์ ยืนอยู่ฝั่งไหน ระหว่างผู้ถือหุ้นเดิม ที่นำโดยนายสุทธิชัย และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นำโดย NEWS หรือ SLC
สิ่งที่พอจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า 'ศิร์วสิษฏ์' คือใคร หรือยืนอยู่ตรงไหนในเกมชิงเนชั่น มีเพียงแค่ชื่อที่ปรากฏเป็นผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Private Placement (PP) ในหุ้นร้อนหลายตัว ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา อาทิ TH หุ้นในกลุ่มเดียวกับ SLC และยังเคยมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.เอคิว เอสเตท - AQหรือ KMC ซึ่งก็คือ กฤษดามหานครเดิม และบริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (STAR) เช่นเดียวกับ 'มานพ' ที่ถือหุ้นใน NMG ในสัดส่วน 2.96 % 'มานพ' นั้น ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท POLAR หรือ WAT
ส่วน 'สนธิญาณ'นั้น แต่เดิมถือหุ้นเนชั่นอยู่แล้ว 0.45% ตามที่ปรากฏหลังจากที่ปฏิบัติการเทคโอเวอร์ พบมีความเกี่ยวข้องกับ SLC หรือ NEWS ในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นเจ้าของสำนักข่าว T-NEWS ซึ่งบริษัท NEWS ได้ทำ MOU บันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนกลุ่มบริษัททีนิวส์ ไปแล้ว
สรุป ทั้ง 3 คนนี้ถือหุ้น NMG รวมกันแล้วได้ประมาณ 13% ดังนั้น ม็อบผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่มี 3 ชื่อแรก รวมทั้งบุคคลในกลุ่มที่มีพฤติกรรม เป็นผู้ถือหุ้นแบบปัจจุบันทันด่วน จึงตอบข้อสงสัยที่ว่า ทำไมสื่อสิ่งพิมพ์เครือ 'เนชั่น' จึงพาดหัวว่า 'ม็อบจัดตั้ง'หรือจะให้ถูก อาจต้องเรียกว่า 'ม็อบนอมินี' จะเหมาะสมกว่า
http://www.naewna.com/business/150577
- “ทีนิวส์” โต้ “เนชั่น” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบผู้ถือหุ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. กองบรรณาธิการสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ ข้อเท็จจริง TNEWS กับ NATION โดยปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังในการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ที่เดินทางไปยื่นหนังสือที่อาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NMG แสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเรียกร้อง มากกว่าออกมากล่าวหาว่าเขาเป็นพวกใคร โดยอ้างว่าการบริหารของกลุ่ม NMG ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังขาแก่ผู้ถือหุ้น เช่น การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้เข้าประมูลช่องรายการวาไรตี้ ในวงเงิน 2,200 ล้านบาท เป็นการพาองค์กรข่าวเข้าสู่ความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะไม่ได้ถนัดและเป็นมืออาชีพด้านวาไรตี้ อีกทั้งช่อง NOW ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจ และกรณีมหาวิทยาลัยเนชั่นได้รับการร้องเรียนในเรื่องของคุณภาพมาตรฐาน
“ผู้บริหาร NMG ที่ใช้กลไกลทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนและบริหารองค์กรจากเงินของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย แต่กลับเอาสถานะการทำงานเพื่ออุดมการณ์มาห่อหุ้ม เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือกระทำการอันไม่มีธรรมาภิบาลหรือไม่” แถลงการณ์ของสำนักข่าวทีนิวส์ ระบุ
ขณะที่ นายสนธิญาณ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสำนักข่าวทีนิวส์ ตั้งแต่ปี 2550 และก่อตั้งด้วยทุนของตนเองเพื่อนำเสนอข้อมูล ข่าวสารและสาระไปสู่สาธารณชน หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ ถูก คสช. สั่งปิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจที่ลงทุนด้วยทุนส่วนตัวและหนี้สินที่แบกรับอยู่จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง โดยได้ร่วมทุนกับ บริษัท NEWS (SLC) เพราะเห็นว่าจะทำให้องค์กร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรมีอนาคตที่มั่นคง และด้วยอุดมการณ์ที่เหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมดังกล่าว แม้ว่านายสนธิญาณจะต้องสูญเสียสัดส่วนในการถือหุ้นส่วนใหญ่ให้บริษัท NEWS (SLC) ไป
- รับทาบทาม “สังศิต” นั่งเก้าอี้บอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น SLC
ส่วนกรณีที่ นายสนธิญาณ ได้ไปช่วยทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นกรรมการ NMG ในฐานะตัวแทนของ บริษัท NEWS (หรือ SLC) นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะได้รับการร้องขอจากบริษัท NEWS (SLC) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ TNEWS และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TNEWS โดยบุคคลที่ไปทาบทามนั้น คือ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ประจักษ์ในสังคม ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด ความจริงแล้วผู้บริหารในกลุ่ม NMG น่าจะดีใจที่ได้บุคคลเช่นนี้มาเป็นกรรมการ เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์กลุ่มบริษัท NMG และต่อผู้ถือหุ้น
อนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสังศิต ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปช. เป็นคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานสาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยรับราชการในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่ง เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาถูกกลุ่มเกษตรกรต่อต้านขับไล่ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่ามีลักษณะอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว จึงต้องพ้นจากตำแหน่งไป
_____________________________________________________
พบ “สนธิญาณ” ทาบทาม “สังศิต” เสียบบอร์ดเนชั่น
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทีนิวส์โต้เนชั่น กล่าวหาจัดตั้งม็อบผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ป่วน ท้าโชว์ใบเสร็จ รับแล้วทาบทาม “สังศิต” เสียบบอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น โอ่ซื่อสัตย์ ด้านเนชั่นเตรียมเคลื่อนไหวร้องศาลปกครอง หลังมติ กสท. 3 ต่อ 2 เคาะ “สปริงนิวส์” ถือหุ้นไม่ขัดประกาศ กสทช.
จากกรณีที่บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS (SLC เดิม) ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสถานีโทรทัศน์ข่าวสปริงนิวส์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้เข้ามาซื้อหุ้นของ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของสื่อหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก รวมทั้งเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี และ นาว 26 ในสัดส่วน 12.27% และซื้อวอร์แรนต์เก็บไว้อีกประมาณ 6% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,042 ล้านบาท ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ผู้บริหารและพนักงานเครือเนชั่น และเห็นว่ามีเจตนาคุกคามการทำหน้าที่สื่อ เนื่องจากการเพิ่มทุนผิดปกติของ SLC มีเจตนาที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่ามีความต้องการที่จะส่งคนเข้าไปบริหารบริษัทฯ เพื่อแทรกแซงกิจการ ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนนี้หรือไม่
ล่าสุด หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG นำโดย น.ส.ประทุม เรืองสุด ได้ยื่นหนังสือถึงนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้พิจารณากรณีการซื้อขายหุ้น NMG เป็นคดีพิเศษ โดยขอให้ตรวจสอบบัญชีการซื้อขายและโอนหุ้นในหลักทรัพย์ NMG, NMG-W3, NBC และ NBC-W1 ย้อนหลัง 3 ปีของ นายเสริมสิน สมะลาภา, น.ส.เขมกร วชิรวราการ, น.ส.วารุณี ตันตะสุรฤกษ์, มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และนายปิยพงศ์ เผ่าวณิช โดยอ้างว่า มีความสลับซับซ้อนและสร้างความเสียหายส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดทุนไทยและผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก ก่อนที่จะเดินทางไปยังอาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ เพื่อทำทีให้กำลังใจนายสุทธิชัย หยุ่น ที่ในขณะนั้นกำลังเดินทางไปต่างประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ได้เปิดแฟนเพจ “กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG” พร้อมกับทุ่มซื้อโฆษณาทางเฟซบุ๊ก เพื่อตอบโต้กรณีที่สื่อในเครือเนชั่นออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นขบวนการจัดตั้ง เพื่อสร้างความแตกแยกในผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่เนชั่นเพื่อช่วงชิงเสียงข้างมาก โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริง เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นถือเป็นเจ้าของ NMG ในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีข้อสงสัยจากพฤติกรรมของผู้บริหารบางราย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นมีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส ขาดหลักธรรมาภิบาล ขอให้เครือเนชั่นได้เข้าใจข้อเท็จจริง ในฐานะที่เป็นสื่อที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน การด่วนสรุป และนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจะทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือต่อประชาชนผู้บริโภคข่าวสารและในระยะยาว จะกระทบกับธุรกิจของเครือเนชั่นได้
- จับผิดซื้อหุ้นวัน-สองวันก่อนเคลื่อนไหว บางคนเคลื่อนไหวการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มพนักงานเครือเนชั่นได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย NMG ที่ออกมาเคลื่อนไหวแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักลงทุนที่มีหุ้น NMG เพียงแค่ 1,000 หุ้น หรือต่ำกว่า ซึ่งมีอยู่ถึง 17 คน ในจำนวนผู้ลงชื่อทั้งหมด 36 คน โดยเฉพาะ น.ส.ประทุม ส่วนใหญ่ได้เข้าซื้อ NMG ในวันที่ 17 - 18 มี.ค. 58 ก่อนที่จะออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา หลายคนมีความเกี่ยวพันกับ นายฉาย บุนนาค โดยปรากฏชื่อในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Private Placement (PP) ของหุ้นกลุ่ม นายฉาย บุนนาค เช่น นายศิร์วศิษฐ์ สายน้ำผึ้ง ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท NEWS (ชื่อเดิม SLC), บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ (ชื่อเดิม บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC), บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ TH, นายมานพ อ่วมทัพ ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR (ชื่อเดิม บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ WAT) รวมทั้งแกนนำผู้ยื่นจดหมาย คือ น.ส.ประทุม เรืองสุด ก็ปรากฏชื่อเป็นจำเลยร่วมกับนายฉาย ในคดีของบริษัท เจ.อาร์ ดีล ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA
ขณะที่ นายดิษเดช หิรัญจิรคุณ ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซึ่งในภายหลัง ยอมรับว่า ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นเนชั่นแต่อย่างใด แต่เปิดพอร์ตเตรียมซื้อเร็วๆ นี้ นั้น พบว่าชื่อเดิมคือ นายนราธิป ไพบูลย์สมบัติ เดิม, นายธนพล รัฐกรวิวัฒน์ เดิม, นายติณณ์ณชัย ไพบูลย์สมบัติ เดิม โดยมีฉายาว่า บ่าวแดง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับนายสุขสันต์ ชัยเทศ และ นายไทกร พลสุวรรณ กรณีพรรคเล็กยุบพรรคใหญ่เมื่อปี 2549 และร่วมกับ นายอธิวัฒน์ บุญชาติ สร้างชุมชนบ้านสันปันน้ำที่ชายแดนไทย - กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ และคนกลุ่มดังกล่าวมักจะออกมาเป็นแขกรับเชิญให้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 13 สยามไท, บุญนิยมทีวี และ ทีนิวส์ ทีวี ในบางโอกาส
- “ทีนิวส์” โต้ “เนชั่น” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบผู้ถือหุ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. กองบรรณาธิการสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ ข้อเท็จจริง TNEWS กับ NATION โดยปฏิเสธว่าอยู่เบื้องหลังในการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ที่เดินทางไปยื่นหนังสือที่อาคารอินเตอร์ลิงก์ ทาวเวอร์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหาร NMG แสดงหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเรียกร้อง มากกว่าออกมากล่าวหาว่าเขาเป็นพวกใคร โดยอ้างว่าการบริหารของกลุ่ม NMG ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังขาแก่ผู้ถือหุ้น เช่น การเข้าประมูลทีวีดิจิตอล ที่ได้เข้าประมูลช่องรายการวาไรตี้ ในวงเงิน 2,200 ล้านบาท เป็นการพาองค์กรข่าวเข้าสู่ความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะไม่ได้ถนัดและเป็นมืออาชีพด้านวาไรตี้ อีกทั้งช่อง NOW ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากธุรกิจ และกรณีมหาวิทยาลัยเนชั่นได้รับการร้องเรียนในเรื่องของคุณภาพมาตรฐาน
“ผู้บริหาร NMG ที่ใช้กลไกลทางการเงินในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนและบริหารองค์กรจากเงินของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ในขณะที่ตนเองเป็นผู้ถือหุ้นข้างน้อย แต่กลับเอาสถานะการทำงานเพื่ออุดมการณ์มาห่อหุ้ม เพื่อปกป้องผลประโยชน์หรือกระทำการอันไม่มีธรรมาภิบาลหรือไม่” แถลงการณ์ของสำนักข่าวทีนิวส์ ระบุ
ขณะที่ นายสนธิญาณ เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของสำนักข่าวทีนิวส์ ตั้งแต่ปี 2550 และก่อตั้งด้วยทุนของตนเองเพื่อนำเสนอข้อมูล ข่าวสารและสาระไปสู่สาธารณชน หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ ถูก คสช. สั่งปิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจที่ลงทุนด้วยทุนส่วนตัวและหนี้สินที่แบกรับอยู่จะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง โดยได้ร่วมทุนกับ บริษัท NEWS (SLC) เพราะเห็นว่าจะทำให้องค์กร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรมีอนาคตที่มั่นคง และด้วยอุดมการณ์ที่เหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมดังกล่าว แม้ว่านายสนธิญาณจะต้องสูญเสียสัดส่วนในการถือหุ้นส่วนใหญ่ให้บริษัท NEWS (SLC) ไป
- รับทาบทาม “สังศิต” นั่งเก้าอี้บอร์ดเนชั่นฝั่งผู้ถือหุ้น SLC
ส่วนกรณีที่ นายสนธิญาณ ได้ไปช่วยทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นกรรมการ NMG ในฐานะตัวแทนของ บริษัท NEWS (หรือ SLC) นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะได้รับการร้องขอจากบริษัท NEWS (SLC) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ TNEWS และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TNEWS โดยบุคคลที่ไปทาบทามนั้น คือ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ประจักษ์ในสังคม ว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด ความจริงแล้วผู้บริหารในกลุ่ม NMG น่าจะดีใจที่ได้บุคคลเช่นนี้มาเป็นกรรมการ เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์กลุ่มบริษัท NMG และต่อผู้ถือหุ้น
อนึ่ง ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสังศิต ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปช. เป็นคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานสาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยรับราชการในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 เคยได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่ง เลขาธิการกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร ในปี พ.ศ. 2551 ต่อมาถูกกลุ่มเกษตรกรต่อต้านขับไล่ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยว่ามีลักษณะอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว จึงต้องพ้นจากตำแหน่งไป
- มติ 3:2 SLC ซื้อหุ้น NMG ไม่ขัดประกาศ กสทช. - คนเนชั่นฟ้องศาลปกครองต่อ
ด้านความเคลื่อนไหว ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในวันนี้ (30 มี.ค.) มีมติรองรับ 3 ต่อ 2 เสียง กรณีที่ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ซื้อหุ้น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG นั้น ไม่ปรากฏว่ากระทำการขัดต่อเงื่อนไขการมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงไม่ขัดต่อประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ใช้คลื่นความถี่ ในกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ เพื่อประกอบกิจการทางธุรกิจ พ.ศ. 2556 โดยการประชุมเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา กสท. มีความเห็นออกเป็น 2 ต่อ 2 ต่อ 1 ยังไม่ชัดเจน ซึ่งวันนี้ถือว่าชัดเจนเรื่องการลงมติ โดยได้รับการรับรองแล้ว
ด้าน นายเสด็จ บุนนาค บรรณาธิการข่าว สำนักข่าวเนชั่น ในฐานะประธานสหภาพแรงงานสื่อสารมวลไทย และ น.ส.ปราณี ศรีกำเนิด ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบกลุ่มผู้อ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NMG ว่า เป็นผู้ถือหุ้นจริงหรือไม่, ซื้อหุ้นจริงหรือไม่, ซื้อหุ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่, ได้รับความเสียหายมากน้อยเท่าใด และขอให้ตรวจสอบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร รวมทั้งขอให้พิจารณาการซื้อขายหุ้น NMG เป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ สหภาพแรงงานฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมเอกสาร เพื่อยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีที่ กสทช. มีมติให้ NEWS เข้าถือหุ้น ไม่ถือเป็นการครอบงำสื่อ
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036801&Keyword=%B9%D4%C7%CA%EC
__________________________________
ตรวจแถว'ม็อบจัดตั้ง'เครือเนชั่น ศึกชิงสื่อ-สหบาทา'สุทธิชัย หยุ่น'
23 มี.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็น “เนชั่นกรุ๊ป” ยังคงเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดมากขึ้น สงครามสื่อชิงสื่อยังคงคุกรุ่น และพร้อมที่จะเปิดศึกได้ตลอดเวลา เหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ลงทุนรายย่อย เดินทางมาให้กำลังใจนายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการ เนชั่นกรุ๊ป เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำไมกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้จึงถูกขนานนามว่า “ม็อบจัดตั้ง” ตามประสาข่าวที่สื่อสิ่งพิมพ์ในเครือ “เนชั่น” ใช้เรียกขานและพาดหัวข่าว
นักลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้ ดูรายชื่อแกนนำเคลื่อนไหว และบัญชีผู้ถือหุ้นราย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มนักลงทุนที่มีหุ้น NMG เพียงแค่ 1,000 หุ้นหรือต่ำกว่า ซึ่งมีอยู่ถึง 17 คนในจำนวนผู้ลงชื่อทั้งหมด 36 คน ส่วนใหญ่ได้เข้าซื้อ NMG ในวันที่ 17 -18 มี.ค.58 เรียกว่าซื้อหุ้น NMG เพื่อปฏิบัติภารกิจนี้เป็นการเฉพาะ อีกกลุ่มคือ ผู้ถือหุ้นที่ลงชื่อเคลื่อนไหว เป็นกลุ่มที่มีความเกี่ยวพัน คู่กรณีที่ต้องการเทคโอเวอร์เนชั่น แบบไม่เป็นมิตร คือ NEWS และ POLAR หรือชื่อเดิมคือ SLC และ WAT ซึ่งสะท้อนว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์ตามที่จั่วหัวไว้
ที่สำคัญก็คือ กลุ่มนักลงทุนรายย่อยกลุ่มนี้ มีชื่อ “ศิร์วศิษฏ์ สายน้ำผึ้ง-มานพ อ่วมทัพ และสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” รวมอยู่ด้วย 'ศิร์วสิษฎ์' มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NMG ในสัดส่วน 9.4 % หรือ 14.5 ล้านหุ้น เข้าถือหุ้น NMG ในฐานะบุคคลในสัดส่วนที่สูงกว่า นายสุทธิชัย หยุ่น ด้วยซ้ำ และคำถามที่สำคัญคือ นายศิร์วสิษฏ์ ยืนอยู่ฝั่งไหน ระหว่างผู้ถือหุ้นเดิม ที่นำโดยนายสุทธิชัย และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ นำโดย NEWS หรือ SLC
สิ่งที่พอจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า 'ศิร์วสิษฏ์' คือใคร หรือยืนอยู่ตรงไหนในเกมชิงเนชั่น มีเพียงแค่ชื่อที่ปรากฏเป็นผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Private Placement (PP) ในหุ้นร้อนหลายตัว ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา อาทิ TH หุ้นในกลุ่มเดียวกับ SLC และยังเคยมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.เอคิว เอสเตท - AQหรือ KMC ซึ่งก็คือ กฤษดามหานครเดิม และบริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (STAR) เช่นเดียวกับ 'มานพ' ที่ถือหุ้นใน NMG ในสัดส่วน 2.96 % 'มานพ' นั้น ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท POLAR หรือ WAT
ส่วน 'สนธิญาณ'นั้น แต่เดิมถือหุ้นเนชั่นอยู่แล้ว 0.45% ตามที่ปรากฏหลังจากที่ปฏิบัติการเทคโอเวอร์ พบมีความเกี่ยวข้องกับ SLC หรือ NEWS ในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นเจ้าของสำนักข่าว T-NEWS ซึ่งบริษัท NEWS ได้ทำ MOU บันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนกลุ่มบริษัททีนิวส์ ไปแล้ว
สรุป ทั้ง 3 คนนี้ถือหุ้น NMG รวมกันแล้วได้ประมาณ 13% ดังนั้น ม็อบผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่มี 3 ชื่อแรก รวมทั้งบุคคลในกลุ่มที่มีพฤติกรรม เป็นผู้ถือหุ้นแบบปัจจุบันทันด่วน จึงตอบข้อสงสัยที่ว่า ทำไมสื่อสิ่งพิมพ์เครือ 'เนชั่น' จึงพาดหัวว่า 'ม็อบจัดตั้ง'หรือจะให้ถูก อาจต้องเรียกว่า 'ม็อบนอมินี' จะเหมาะสมกว่า
http://www.naewna.com/business/150577
ไม่มีความคิดเห็น: