Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

03 มิถุนายน 2558 PPTV.เขมทัตต์ ระบุ จากกรณีการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ไทยทีวีสามารถดำเนินการได้ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอีกหลายรายที่มีแนวโน้มดังกล่าว

ประเด็นหลัก






ขณะที่ "เขมทัตต์ พลเดช" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารช่อง "พีพีทีวี" ในฐานะอุปนายกสมาพันธ์สมาคมดิจิทัลทีวี ให้มุมมองว่า จากกรณีการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ไทยทีวีสามารถดำเนินการได้ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอีกหลายรายที่มีแนวโน้มดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ไทยทีวีถือว่าเป็นรายแรกที่กล้ารุกขึ้นมาคืนใบอนุญาต เพื่อลดการขาดทุน

เรื่องนี้ ไม่ว่าไทยทีวีจะทำต่อหรือไม่ กสทช.ก็ควรเข้ามาหาทางออกร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นมาอีก และทำให้ธุรกิจทีวีดิจิทัลสามารถเดินหน้าต่อไปได้

จากเหตุการณ์นี้ จะมีช่องไหนที่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แล้วลาจอทีวีดิจิทัลไปอีก ต้องติดตามต่อไป






_____________________________________




"เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" เอฟเฟ็กต์ หวั่นลัทธิเอาอย่าง...ลามช่องอื่น



ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่า บริษัท ไทยทีวี จำกัด ภายใต้การนำทัพ "พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย" หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ได้ประกาศยอมยกธงขาวให้กับธุรกิจ "ทีวีดิจิทัล" อย่างเป็นทางการ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งออกแรงปลุกปั้นมาได้เพียงปีเดียว แม้เธอจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าประมูลที่เหลืออยู่อีกกว่า 1,634 ล้าน จากที่จ่ายไปแล้วกว่า 341 ล้านบาท ซึ่งตามเงื่อนไข กสทช.ก็จะยึดแบงก์การันตี จากนั้นแบงก์ก็คงมาไล่บี้จากแม่ทัพใหญ่ไทยทีวีอยู่ดี

เท่านั้นยังไม่พอเจ้าแม่บันเทิงผู้มากคอนเน็กชั่นยังได้ทิ้งปริศนาให้ใคร ๆ ได้ติดตามกันต่อไปว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น และทิศทางธุรกิจไทยทีวีจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร?



โดยกำหนดการก่อนหน้านี้ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" เตรียมออกมาชี้แจงผ่านรายการ สน.17 ช่องไทยทีวี วันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา สุดท้ายก็ไร้เงาเจ้าแม่บันเทิงคนดัง

ปล่อยให้ "ศุภิญโญ มั่นรู้ธรรม" ผู้อำนวยการช่องไทยทีวี บริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือชื่อเดิม "ภิญโญ รู้ธรรม" มาปรากฏตัวในฐานะตัวแทนของบริษัท พร้อมทีมกฎหมายท่ามกลางกองทัพนักข่าวจำนวนมากที่ยังคงถามหา "เจ๊ติ๋ม"

"ศุภิญโญ" เริ่มการชี้แจงว่า ไทยทีวีมีเจตนาชัดเจนว่าไม่ได้ต้องการให้ กสทช.เลื่อนเวลาชำระค่าประมูลทีวีดิจิทัลงวด 2 ออกไป แต่บริษัทขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง ทำให้ช่องโลก้าและไทยทีวีจะจอดำในโครงข่ายทีวีดิจิทัล แต่ยังไม่มีกำหนดวัน-เวลาที่ชัดเจน ส่วนแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม เป็นต้น ยังรับชมได้

"ช่องไทยทีวี และโลก้าจะหายจากระบบทีวีดิจิทัลภายใน 15 วันนับจากนี้ แต่ระหว่างนี้ไทยทีวีก็ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าเจรจากับ กสทช.อีกครั้ง เพื่อสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น"

พร้อมกับย้ำด้วยว่า "ณ ตอนนี้บริษัทตัดสินใจชัดเจนว่าจะไม่ออกอากาศทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง คือ ไทยทีวี และโลก้า ขณะที่อนาคตจะเดินหน้าต่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง แต่วันนี้ขอละธุรกิจทีวีดิจิทัลไว้ก่อน เมื่อไม่สามารถเป็นเจ้าของสถานีทีวีดิจิทัลได้ ก็จะขอเป็นเจ้าของสถานีทีวีดาวเทียม และผู้ผลิตรายการ-ข่าวบันเทิงให้แก่ผู้ประกอบการทุกช่อง"

เท่ากับว่าสารที่ถูกส่งมาจาก "เจ๊ติ๋ม" ครั้งนี้ชัดเจนว่า จะหวนคืนธุรกิจทีวีดาวเทียม และผู้ผลิตรายการบันเทิงอย่างเต็มตัว หลังจากทิ้งทั้ง 2 ธุรกิจนี้ไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2557 เพื่อเททรัพยากรทั้งหมดให้แก่ธุรกิจทีวีดิจิทัล

ส่วนละครที่ผลิตไปแล้วอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขายให้แก่ช่องอื่น หรือจะออกอากาศบนช่องทีวีดาวเทียมของตัวเอง แต่ยังให้รายละเอียดที่ชัดเจนไม่ได้ ขณะที่ความร่วมมือระหว่างช่องโลก้ากับเอ็มวีทีวียังคงต้องดำเนินต่อ

ผู้อำนวยการช่องไทยทีวีบอกว่า หลังจากดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลมา 1 ปี ขาดทุนไป 320 ล้านบาท จากการผลิตคอนเทนต์และค่าเช่าโครงข่าย

เชื่อว่าหลังจากยุติบทบาทบนธุรกิจทีวีดิจิทัลจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทดีขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับทีวีดิจิทัลเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อเดือนจะหายไป

"ธุรกิจทีวีดิจิทัลฉุดกำไรของบริษัท จะดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ขณะที่แผนการนำไทยทีวีเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงมีอยู่ คาดว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2559 จะเริ่มต้น และกลางปี 2559 ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยตามแผนที่วางไว้"

เช่นเดียวกับ "โดม เจริญยศ" เจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ไทยทีวี จำกัดกล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดช่องทีวีดาวเทียม 3 ช่อง เบื้องต้นจะนำช่องไทยทีวีซึ่งปัจจุบันออกอากาศระบบทีวีดิจิทัลไปออกอากาศในระบบทีวีดาวเทียมทันที ส่วนอีก 2 ช่องอยู่ระหว่างดำเนินการ หนึ่งในจำนวนนั้นคือการเตรียมนำช่องโลก้าไปออกอากาศบนแพลตฟอร์มดาวเทียมด้วย ภายใต้งบฯลงทุนรวม 100 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน กรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า หากไทยทีวีถูกเพิกถอนใบอนุญาต ไม่ว่าจะจากกรณีไม่ชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลตามกำหนด หรือภายใน 15 วัน หลังครบกำหนดเมื่อ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา หรือกรณียกเลิกใบประกอบการกิจการทีวีดิจิทัลก่อนที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะเห็นชอบให้ดำเนินการไทยทีวีจะถูกขึ้นบัญชีดำเพราะขาดคุณสมบัติ ทำให้ไม่สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ประเภทอื่น ๆ รวมถึงการขอใบอนุญาตประกอบกิจการช่องทีวีดาวเทียมด้วย

ประเด็นนี้ "สุชาติ ชมกุล" ที่ปรึกษาทนายความ บริษัทไทยทีวียืนยันว่า จะสามารถออกอากาศบนแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียมได้ และมีใบอนุญาตประกอบกิจการช่องทีวีดาวเทียมแล้ว แต่ยังให้รายละเอียดอื่น ๆ ไม่ได้ ขอตัดสินใจร่วมกับผู้บริหารอีกครั้ง

"ศุภิญโญ" บอกว่า วันที่ "เจ๊ติ๋ม" ตัดสินใจเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัล เป็นจังหวะที่เหมาะสม และแผนการดำเนินธุรกิจของทีวีดิจิทัลถูกวางไว้แล้ว แต่เมื่อลงสนามจริง กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 1 ปีที่ออกอากาศขาดทุนไป 320 ล้านบาท ทำให้บริษัทกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่า ไม่ควรเดินต่อ...แต่ควรมุ่งไปที่ธุรกิจอื่น ๆ มากกว่า



เมื่อเกมนี้ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" เลือกแล้วที่จะจบ...แต่ก็เจ็บไม่น้อยในการยุติบทบาทของการเป็นเจ้าของช่องทีวีดิจิทัล แล้วกลับไปทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ แต่ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างไทยทีวีกับ กสทช.ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

ขณะที่ "เขมทัตต์ พลเดช" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารช่อง "พีพีทีวี" ในฐานะอุปนายกสมาพันธ์สมาคมดิจิทัลทีวี ให้มุมมองว่า จากกรณีการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลของบริษัท ไทยทีวี จำกัด ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ไทยทีวีสามารถดำเนินการได้ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอีกหลายรายที่มีแนวโน้มดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ไทยทีวีถือว่าเป็นรายแรกที่กล้ารุกขึ้นมาคืนใบอนุญาต เพื่อลดการขาดทุน

เรื่องนี้ ไม่ว่าไทยทีวีจะทำต่อหรือไม่ กสทช.ก็ควรเข้ามาหาทางออกร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นมาอีก และทำให้ธุรกิจทีวีดิจิทัลสามารถเดินหน้าต่อไปได้

จากเหตุการณ์นี้ จะมีช่องไหนที่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แล้วลาจอทีวีดิจิทัลไปอีก ต้องติดตามต่อไป



http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1433143404

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.