24 มิถุนายน 2557 ศาลปกครองให้ TOT ยกเลิกสัญญาแถมยังกล้าใช้ท่อโทรศัพท์ที่ยกเลิกสัญญาแล้ว!! จ่าย 4.6 ล้านพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 53
ประเด็นหลัก
โดยคดีนี้ บริษัท โทเทิลโซลูชั่นเทเลคอม จำกัด ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้รับสัญญาจ้างเหมาสร้างท่อร้อยสายโทรศัพท์ใต้ดิน เพื่อรองรับเคเบิลอากาศลงดิน บริเวณถนนอินทรพิทักษ์ถึงสะพานเนาวจำเนียร ทั้งสองฝั่ง ตามสัญญาเลขที่ 200/317004223/2548 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 2548 และได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมทำหนังสือแจ้งให้ บมจ.ทีโอที คู่สัญญาทราบในวันที่ 27 ก.ค. 2550 แต่ปรากฏว่าในวันที่ 30 ก.ย. 2551 บมจ.ทีโอที ได้ส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญา อีกทั้งนำงานที่ผู้ฟ้องคดีจัดทำไปใช้งานแล้ว จึงได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเมื่อปี 2553 ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ บมจ.ทีโอที ชำระเงินตามสัญญาจำนวน 7.8 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 2550 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้ผู้ฟ้องคดีชำระเงินจำนวน 20 ล้านบาท เป็นค่าขาดประโยชน์ เนื่องจากบริษัทฯ ถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประมูลกับผู้ถูกฟ้องคดีและหน่วยงานราชการอื่นๆ รวมถึงให้ผู้ฟ้องคดีคืนหลักประกันสัญญาของผู้ฟ้องคดีที่ได้วางไว้เป็นเงิน 392,690 บาท
______________________________________
ศาลปกครองให้ทีโอทีจ่าย 4.6 ล้านพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 53 ให้บริษัทวางท่อโทรศัพท์
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1485/2553 คดีหมายเลขแดงที่ 939/2557 ระหว่าง บริษัท โทเทิลโซลูชั่นเทเลคอม จำกัด ผู้ฟ้องคดี และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
โดยคดีนี้ บริษัท โทเทิลโซลูชั่นเทเลคอม จำกัด ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้รับสัญญาจ้างเหมาสร้างท่อร้อยสายโทรศัพท์ใต้ดิน เพื่อรองรับเคเบิลอากาศลงดิน บริเวณถนนอินทรพิทักษ์ถึงสะพานเนาวจำเนียร ทั้งสองฝั่ง ตามสัญญาเลขที่ 200/317004223/2548 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 2548 และได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมทำหนังสือแจ้งให้ บมจ.ทีโอที คู่สัญญาทราบในวันที่ 27 ก.ค. 2550 แต่ปรากฏว่าในวันที่ 30 ก.ย. 2551 บมจ.ทีโอที ได้ส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญา อีกทั้งนำงานที่ผู้ฟ้องคดีจัดทำไปใช้งานแล้ว จึงได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเมื่อปี 2553 ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ บมจ.ทีโอที ชำระเงินตามสัญญาจำนวน 7.8 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 2550 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้ผู้ฟ้องคดีชำระเงินจำนวน 20 ล้านบาท เป็นค่าขาดประโยชน์ เนื่องจากบริษัทฯ ถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประมูลกับผู้ถูกฟ้องคดีและหน่วยงานราชการอื่นๆ รวมถึงให้ผู้ฟ้องคดีคืนหลักประกันสัญญาของผู้ฟ้องคดีที่ได้วางไว้เป็นเงิน 392,690 บาท
ศาลพิเคาะห์ข้อเท็จจริง แล้วพบว่า เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว ผู้ฟ้องคดียังทำงานที่รับจ้างไม่แล้วเสร็จ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการตรวจการจ้าง บมจ.ทีโอที จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ดังนั้นการส่งหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาของที.โอที จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายและมีผลให้สัญญาเป็นอันเลิกกัน ซึ่งตามมาตรา 391 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุว่าเมื่อใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม ส่วนการงานที่ได้กระทำไปแล้ว ให้ใช้เงินตามควรค่าแห่งการนั้นๆ
ดังนั้น บมจ.ทีโอที จึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าแห่งการงานให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ผู้ร้องสอด) ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ทำบันทึกโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าจ้างตามสัญญาที่พิพาท เป็นเงิน 4,637,182.90 บาท
ส่วนค่าเสียหายหรือค่าเสียประโยชน์อื่น ไม่ต้องจ่ายเนื่องจาก บมจ.ทีโอทีบอกเลิกสัญญาโดยชอบ ผู้ฟ้องคดีย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้อง ขณะเดียวกันบมจ.ทีโอที มีสิทธิริบเงินประกันตามสัญญาได้เพราะบริษัทผู้ฟ้องคดีทำงานไม่แล้วเสร็จตาม สัญญา
ศาลพิพากษาให้บมจ.ทีโอที จ่ายเงิน 4,637,182.90 บาทพร้อมดอกเบี้ย 7.5 % ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับจากวันฟ้องคดีจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระภายใน 60 วันนับจากวันที่คดีถึงที่สุด และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามส่วนของการชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ศาลให้ยก
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1403618162
ไม่มีความคิดเห็น: