27 สิงหาคม 2557 CS LoxInfo ลงทุน ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ลงทุนทั้งสิ้นรวม 700 ล้านบาท และรองรับความต้องการของลูกค้าได้รวม 650 แร็ค โดยจัดทำเป็น 2 อาคาร บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา
ประเด็นหลัก
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีเอส ล็อกซอินโฟ ได้ทำการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ คือ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ (THE CLOUD DATA CENTER) หรือศูนย์รับฝากคอมพิวเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ มีพื้นที่ให้บริการประมาณ 6,500 ตร.ม. โดยนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 หลังจากที่เปิดให้บริการที่ตึกไซเบอร์เวิลด์และตึกแคทเทเลคอมที่บางรักไปก่อนหน้านี้ การเปิดตัวดังกล่าวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตของการใช้ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากหรือ BIG DATA ในขณะนี้
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 นี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 700 ล้านบาท และรองรับความต้องการของลูกค้าได้รวม 650 แร็ค โดยจัดทำเป็น 2 อาคาร โดยในขณะนี้อาคารแรกเสร็จพร้อมใช้แล้วในชั้นที่ 2 ส่วนที่เหลือในชั้นที่ 3 และ 4 นั้น จะรอให้ลูกค้ามาออกแบบว่าต้องการใช้บริการในรูปแบบใด เพราะซีเอส ล็อกซอินโฟ เน้นการให้บริการแบบยืดหยุ่นลูกค้าสามารถเลือกและกำหนดขนาดได้ตามต้องการ โดยอาคารแรกนี้ใช้เงินลงทุนรวม 350 ล้าน ส่วนอาคารที่ 2 เตรียมที่จะสร้างเร็วๆ นี้
______________________________
ซีเอสล็อกซอินโฟทุ่ม 700 ล้านบาท สร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)
ซีเอสล็อกซอินโฟเทงบ 700 ล้านบาท สร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 พร้อมเปิดให้บริการอาคารแรกแล้ว 350 แร็ค หวังสร้างรายได้รวม 300 ล้านบาทต่อปีเมื่อเสร็จสมบูรณ์ และจะคืนทุนภายใน 2 ปี ชี้จุดเด่นบริการมีความยืดหยุ่นสูงลูกค้าสามารถออกแบบการวางดาต้าเซ็นเตอร์ได้ตามต้องการ เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าภาครัฐ ธนาคาร ผู้ให้บริการคอนเทนต์ เผยตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตปีละ 20% ส่วนรายได้รวมของธุรกิจคาดว่าจะโตขึ้น 5% จาก 3,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีเอส ล็อกซอินโฟ ได้ทำการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ คือ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ (THE CLOUD DATA CENTER) หรือศูนย์รับฝากคอมพิวเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ มีพื้นที่ให้บริการประมาณ 6,500 ตร.ม. โดยนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 หลังจากที่เปิดให้บริการที่ตึกไซเบอร์เวิลด์และตึกแคทเทเลคอมที่บางรักไปก่อนหน้านี้ การเปิดตัวดังกล่าวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตของการใช้ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากหรือ BIG DATA ในขณะนี้
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 นี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 700 ล้านบาท และรองรับความต้องการของลูกค้าได้รวม 650 แร็ค โดยจัดทำเป็น 2 อาคาร โดยในขณะนี้อาคารแรกเสร็จพร้อมใช้แล้วในชั้นที่ 2 ส่วนที่เหลือในชั้นที่ 3 และ 4 นั้น จะรอให้ลูกค้ามาออกแบบว่าต้องการใช้บริการในรูปแบบใด เพราะซีเอส ล็อกซอินโฟ เน้นการให้บริการแบบยืดหยุ่นลูกค้าสามารถเลือกและกำหนดขนาดได้ตามต้องการ โดยอาคารแรกนี้ใช้เงินลงทุนรวม 350 ล้าน ส่วนอาคารที่ 2 เตรียมที่จะสร้างเร็วๆ นี้
“ขณะนี้ พื้นที่ให้บริการบนตึก กสท บางรักใช้แล้วประมาณ 80% ส่วนไซเบอร์เวิลด์ใช้ไปแล้วประมาณ 90% ซึ่งการเปิดเดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์นี้จะช่วยรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์และให้บริการเต็มพื้นที่แล้วจะสามารถสร้างรายได้ให้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี โดยหลังจากเปิดให้บริการมาประมาณ 1 เดือนขณะนี้มีลูกค้าเข้ามาใช้งานแล้วประมาณ 10 แร็คแล้ว และคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการครบทั้ง 2 อาคารจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี”
นายอนันต์ กล่าวว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยยังถือว่ามีขนาดเล็ก แต่ยังมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องมีอัตราการเติบโตปีละ 20% ปัจจุบันมีให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 4,000-5,000 แร็ค หรือเทียบเท่า 1 หมื่นตารางเมตร โดยเดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ของซีเอส ล็อกซอินโฟ มีพื้นที่รองรับถึง 650 แร็ค หรือ 20% ของตลาดโดยรวม สำหรับแผนธุรกิจของการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์นั้นจะมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตแบบดอกเห็ด คือ จะเข้าไปเปิดในหลายๆ ที่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ โดยจะไม่เปิดที่ใดที่หนึ่งขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากจะทำให้มีความเสี่ยงสูง
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นจะเน้น กลุ่มลูกค้าภาครัฐ ธนาคาร ผู้ให้บริการคอนเทนต์ เกมออนไลน์ สื่อ โทรคมนาคม และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทางด้านปัจจัยการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์นั้นจะมาจากการใช้ปริมาณข้อมูลมหาศาลในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่คนใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดข้อมูลต่างๆ มากมาย ทั้งในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเข้ามาของคลาวด์คอมพิวติงเวอร์ชวลไลเซชัน และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์
โดยเฉพาะดิจิตอลทีวีหรือผู้ให้บริการคอนเทนต์ผ่านสมาร์ทโฟน รวมไปถึงการทำระบบสำรองข้อมูล (Data Backup) เพื่อให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องแม้ในกรณีเกิดภัยพิบัติ จะทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเร่งหาวิธีในการรับมือกับข้อมูลเหล่านี้ อันจะส่งผลให้ดาต้าเซ็นเตอร์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“รายได้ในปีที่ผ่านมาของซีเอสล็อกซอินโฟ อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่า จะเติบโตมากกว่า 5% ส่วนกำไรนั้นในปีที่ผ่านมาทำได้ประมาณ 462 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกัน โดยในครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 219 ล้าน และในครึ่งปีหลังนี้คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ของดาต้าเซ็นเตอร์เมื่อเทียบกับรายได้รวมนั้น แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึง 10% แต่ ซีเอสล็อกซอินโฟคาดว่า จะเป็นรายได้เสริมของธุรกิจที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง”
ทั้งนี้ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่นี้ ประกอบด้วยด้วย 5 มาตรฐานที่ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญ คือ 1. มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูง 2. เครือข่ายสื่อสารข้อมูลคุณภาพเยี่ยม 3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4. ตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกและปลอดภัย และ 5. มีบริการเสริมที่ยืดหยุ่นและครบครัน
http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000098168
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีเอส ล็อกซอินโฟ ได้ทำการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ คือ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ (THE CLOUD DATA CENTER) หรือศูนย์รับฝากคอมพิวเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ มีพื้นที่ให้บริการประมาณ 6,500 ตร.ม. โดยนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 หลังจากที่เปิดให้บริการที่ตึกไซเบอร์เวิลด์และตึกแคทเทเลคอมที่บางรักไปก่อนหน้านี้ การเปิดตัวดังกล่าวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตของการใช้ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากหรือ BIG DATA ในขณะนี้
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 นี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 700 ล้านบาท และรองรับความต้องการของลูกค้าได้รวม 650 แร็ค โดยจัดทำเป็น 2 อาคาร โดยในขณะนี้อาคารแรกเสร็จพร้อมใช้แล้วในชั้นที่ 2 ส่วนที่เหลือในชั้นที่ 3 และ 4 นั้น จะรอให้ลูกค้ามาออกแบบว่าต้องการใช้บริการในรูปแบบใด เพราะซีเอส ล็อกซอินโฟ เน้นการให้บริการแบบยืดหยุ่นลูกค้าสามารถเลือกและกำหนดขนาดได้ตามต้องการ โดยอาคารแรกนี้ใช้เงินลงทุนรวม 350 ล้าน ส่วนอาคารที่ 2 เตรียมที่จะสร้างเร็วๆ นี้
______________________________
ซีเอสล็อกซอินโฟทุ่ม 700 ล้านบาท สร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)
ซีเอสล็อกซอินโฟเทงบ 700 ล้านบาท สร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 พร้อมเปิดให้บริการอาคารแรกแล้ว 350 แร็ค หวังสร้างรายได้รวม 300 ล้านบาทต่อปีเมื่อเสร็จสมบูรณ์ และจะคืนทุนภายใน 2 ปี ชี้จุดเด่นบริการมีความยืดหยุ่นสูงลูกค้าสามารถออกแบบการวางดาต้าเซ็นเตอร์ได้ตามต้องการ เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าภาครัฐ ธนาคาร ผู้ให้บริการคอนเทนต์ เผยตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เติบโตปีละ 20% ส่วนรายได้รวมของธุรกิจคาดว่าจะโตขึ้น 5% จาก 3,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีเอส ล็อกซอินโฟ ได้ทำการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ คือ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ (THE CLOUD DATA CENTER) หรือศูนย์รับฝากคอมพิวเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษก-รามอินทรา ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ มีพื้นที่ให้บริการประมาณ 6,500 ตร.ม. โดยนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 หลังจากที่เปิดให้บริการที่ตึกไซเบอร์เวิลด์และตึกแคทเทเลคอมที่บางรักไปก่อนหน้านี้ การเปิดตัวดังกล่าวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตของการใช้ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากหรือ BIG DATA ในขณะนี้
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 นี้ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นรวม 700 ล้านบาท และรองรับความต้องการของลูกค้าได้รวม 650 แร็ค โดยจัดทำเป็น 2 อาคาร โดยในขณะนี้อาคารแรกเสร็จพร้อมใช้แล้วในชั้นที่ 2 ส่วนที่เหลือในชั้นที่ 3 และ 4 นั้น จะรอให้ลูกค้ามาออกแบบว่าต้องการใช้บริการในรูปแบบใด เพราะซีเอส ล็อกซอินโฟ เน้นการให้บริการแบบยืดหยุ่นลูกค้าสามารถเลือกและกำหนดขนาดได้ตามต้องการ โดยอาคารแรกนี้ใช้เงินลงทุนรวม 350 ล้าน ส่วนอาคารที่ 2 เตรียมที่จะสร้างเร็วๆ นี้
“ขณะนี้ พื้นที่ให้บริการบนตึก กสท บางรักใช้แล้วประมาณ 80% ส่วนไซเบอร์เวิลด์ใช้ไปแล้วประมาณ 90% ซึ่งการเปิดเดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์นี้จะช่วยรองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์และให้บริการเต็มพื้นที่แล้วจะสามารถสร้างรายได้ให้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี โดยหลังจากเปิดให้บริการมาประมาณ 1 เดือนขณะนี้มีลูกค้าเข้ามาใช้งานแล้วประมาณ 10 แร็คแล้ว และคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการครบทั้ง 2 อาคารจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี”
นายอนันต์ กล่าวว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยยังถือว่ามีขนาดเล็ก แต่ยังมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องมีอัตราการเติบโตปีละ 20% ปัจจุบันมีให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 4,000-5,000 แร็ค หรือเทียบเท่า 1 หมื่นตารางเมตร โดยเดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ของซีเอส ล็อกซอินโฟ มีพื้นที่รองรับถึง 650 แร็ค หรือ 20% ของตลาดโดยรวม สำหรับแผนธุรกิจของการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์นั้นจะมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตแบบดอกเห็ด คือ จะเข้าไปเปิดในหลายๆ ที่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ โดยจะไม่เปิดที่ใดที่หนึ่งขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากจะทำให้มีความเสี่ยงสูง
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นจะเน้น กลุ่มลูกค้าภาครัฐ ธนาคาร ผู้ให้บริการคอนเทนต์ เกมออนไลน์ สื่อ โทรคมนาคม และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทางด้านปัจจัยการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์นั้นจะมาจากการใช้ปริมาณข้อมูลมหาศาลในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่คนใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดข้อมูลต่างๆ มากมาย ทั้งในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเข้ามาของคลาวด์คอมพิวติงเวอร์ชวลไลเซชัน และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์
โดยเฉพาะดิจิตอลทีวีหรือผู้ให้บริการคอนเทนต์ผ่านสมาร์ทโฟน รวมไปถึงการทำระบบสำรองข้อมูล (Data Backup) เพื่อให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่องแม้ในกรณีเกิดภัยพิบัติ จะทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเร่งหาวิธีในการรับมือกับข้อมูลเหล่านี้ อันจะส่งผลให้ดาต้าเซ็นเตอร์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“รายได้ในปีที่ผ่านมาของซีเอสล็อกซอินโฟ อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่า จะเติบโตมากกว่า 5% ส่วนกำไรนั้นในปีที่ผ่านมาทำได้ประมาณ 462 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกัน โดยในครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 219 ล้าน และในครึ่งปีหลังนี้คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ของดาต้าเซ็นเตอร์เมื่อเทียบกับรายได้รวมนั้น แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึง 10% แต่ ซีเอสล็อกซอินโฟคาดว่า จะเป็นรายได้เสริมของธุรกิจที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง”
ทั้งนี้ เดอะคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่นี้ ประกอบด้วยด้วย 5 มาตรฐานที่ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญ คือ 1. มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือสูง 2. เครือข่ายสื่อสารข้อมูลคุณภาพเยี่ยม 3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4. ตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกและปลอดภัย และ 5. มีบริการเสริมที่ยืดหยุ่นและครบครัน
http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000098168
ไม่มีความคิดเห็น: