05 กันยายน 2557 ATCI.อดิเรก ประเมินว่าขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการประชาชนเพียง 10% เท่านั้น
ประเด็นหลัก
ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย หรือ เอทีซีไอ (ATCI) กล่าวว่าสิ่งที่สมาคม มีการพูดคุยหารือกันก่อนมีรัฐบาล คือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หรือ โอเพนดาต้า ทั้งข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเปิดให้มีการต่อยอดพัฒนาแอพพลิเคชันบนข้อมูลขึ้นมาเป็นบริการใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มมีการหารือ และผลักดันกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าสู่การพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงผลักดันผ่านช่องทางสภาไอที ทั้งนี้มองว่ากระทรวงไอซีทีน่าจะมีบทบาทร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูล ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสร้างให้เกิดแอพพลิเคชันให้บริการข้อมูลใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาครัฐลดการลงทุนซ้ำซ้อน
ส่วนการผลักดันผู้ประกอบการไอทีไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นภาครัฐ ควรเป็นตัวนำในการลงทุนใช้ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุน แต่ที่ผ่านมาภาครัฐ ส่วนใหญ่มีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ขาดการลงทุนด้านโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน โดยประเมินว่าขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการประชาชนเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐ มีการลงทุนพัฒนาโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน ให้บริการประชาชนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการไอทีไทย สามารถนำโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชันไปต่อยอดพัฒนาต่อให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้
______________________________
ฝากการบ้านรมว.ไอซีทีคนใหม่
ภาคอุตสาหกรรมไอที ฝากการบ้านรัฐมนตรีไอทีซี คนใหม่ เอทีเอสไอ วอนหนุนซอฟต์แวร์เป็นวาระแห่งชาติ ส่งเสริมภาครัฐ-เอกชนใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน -ลดต้นทุน ขณะที่เอทีซีไอ เรียกร้องช่วยหนุนกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ
สมพร มณีรัตนะกูลสมพร มณีรัตนะกูลนายสมพร มณีรัตนะกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย หรือ เอทีเอสไอ ( ATSI)เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าขณะนี้สมาคมยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียดถึงเรื่องที่ต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีคนใหม่เร่งผลักดัน แต่โดยหลักแล้วสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมอยากเห็นคือ การผลักดันซอฟต์แวร์เป็นวาระแห่งชาติ โดยภาครัฐต้องเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศ มีการใช้ซอฟต์แวร์ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งประเมินว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการเพียง 20-30% เท่านั้นที่ใช้ซอฟต์แวร์ทางธุรกิจ และท้ายสุดหากไม่มีการพัฒนาต่อเนื่องท้ายสุดก็จะอ่อนแอลง ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วผู้ประกอบการมีการใช้ซอฟต์แวร์ มากถึง 70-90%
นอกจากนี้ยังมองว่าภาครัฐควรผลักดันในการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรม สร้างให้เกิดซัพพลายเชนขึ้นมา เพื่อลดกระบวนการทำงาน และการทำงานซ้ำซ้อน , ลดการผิดพลาด, ลดต้นทุน ที่สำคัญการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจยังช่วยให้ภาครัฐมองเห็นภาษีมูลค่าเพิ่มในระบบที่เกิดขึ้นด้วย
ส่วนการผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยนั้นมองว่าที่ผ่านมามีหลากหลายประเด็น แต่การทำงานของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือซิป้า ค่อนข้างครอบคลุมอยู่แล้ว บางเรื่องก็สามารถแก้ไข หรือ ส่งเสริมได้อย่างรวดเร็ว แต่บางเรื่องการแก้ไขปัญหาอาจล่าช้าเพราะติดปัญหากฎระเบียบภาครัฐ และงบประมาณ
นายสมพร กล่าวต่ออีกว่าภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยค่อนข้างมีความสามารถ แต่ที่ผ่านมาขาดการสนับสนุนจากผู้ใช้ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยเป็นไปด้วยความล่าช้า และไม่มีการเติบโต ทั้งนี้หากภาครัฐมีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการเอกชน มีการใช้ซอฟต์แวร์ในประเทศ ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ไทย และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย หรือ เอทีซีไอ (ATCI) กล่าวว่าสิ่งที่สมาคม มีการพูดคุยหารือกันก่อนมีรัฐบาล คือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หรือ โอเพนดาต้า ทั้งข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเปิดให้มีการต่อยอดพัฒนาแอพพลิเคชันบนข้อมูลขึ้นมาเป็นบริการใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มมีการหารือ และผลักดันกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าสู่การพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงผลักดันผ่านช่องทางสภาไอที ทั้งนี้มองว่ากระทรวงไอซีทีน่าจะมีบทบาทร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูล ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสร้างให้เกิดแอพพลิเคชันให้บริการข้อมูลใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาครัฐลดการลงทุนซ้ำซ้อน
ส่วนการผลักดันผู้ประกอบการไอทีไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นภาครัฐ ควรเป็นตัวนำในการลงทุนใช้ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุน แต่ที่ผ่านมาภาครัฐ ส่วนใหญ่มีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ขาดการลงทุนด้านโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน โดยประเมินว่าขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการประชาชนเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐ มีการลงทุนพัฒนาโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน ให้บริการประชาชนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการไอทีไทย สามารถนำโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชันไปต่อยอดพัฒนาต่อให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244995:2014-09-02-07-38-10&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VAlbUUtAeuw
ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย หรือ เอทีซีไอ (ATCI) กล่าวว่าสิ่งที่สมาคม มีการพูดคุยหารือกันก่อนมีรัฐบาล คือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หรือ โอเพนดาต้า ทั้งข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเปิดให้มีการต่อยอดพัฒนาแอพพลิเคชันบนข้อมูลขึ้นมาเป็นบริการใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มมีการหารือ และผลักดันกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าสู่การพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงผลักดันผ่านช่องทางสภาไอที ทั้งนี้มองว่ากระทรวงไอซีทีน่าจะมีบทบาทร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูล ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสร้างให้เกิดแอพพลิเคชันให้บริการข้อมูลใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาครัฐลดการลงทุนซ้ำซ้อน
ส่วนการผลักดันผู้ประกอบการไอทีไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นภาครัฐ ควรเป็นตัวนำในการลงทุนใช้ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุน แต่ที่ผ่านมาภาครัฐ ส่วนใหญ่มีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ขาดการลงทุนด้านโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน โดยประเมินว่าขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการประชาชนเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐ มีการลงทุนพัฒนาโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน ให้บริการประชาชนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการไอทีไทย สามารถนำโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชันไปต่อยอดพัฒนาต่อให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้
______________________________
ฝากการบ้านรมว.ไอซีทีคนใหม่
ภาคอุตสาหกรรมไอที ฝากการบ้านรัฐมนตรีไอทีซี คนใหม่ เอทีเอสไอ วอนหนุนซอฟต์แวร์เป็นวาระแห่งชาติ ส่งเสริมภาครัฐ-เอกชนใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน -ลดต้นทุน ขณะที่เอทีซีไอ เรียกร้องช่วยหนุนกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ
สมพร มณีรัตนะกูลสมพร มณีรัตนะกูลนายสมพร มณีรัตนะกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย หรือ เอทีเอสไอ ( ATSI)เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าขณะนี้สมาคมยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียดถึงเรื่องที่ต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีคนใหม่เร่งผลักดัน แต่โดยหลักแล้วสิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมอยากเห็นคือ การผลักดันซอฟต์แวร์เป็นวาระแห่งชาติ โดยภาครัฐต้องเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศ มีการใช้ซอฟต์แวร์ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งประเมินว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการเพียง 20-30% เท่านั้นที่ใช้ซอฟต์แวร์ทางธุรกิจ และท้ายสุดหากไม่มีการพัฒนาต่อเนื่องท้ายสุดก็จะอ่อนแอลง ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วผู้ประกอบการมีการใช้ซอฟต์แวร์ มากถึง 70-90%
นอกจากนี้ยังมองว่าภาครัฐควรผลักดันในการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรม สร้างให้เกิดซัพพลายเชนขึ้นมา เพื่อลดกระบวนการทำงาน และการทำงานซ้ำซ้อน , ลดการผิดพลาด, ลดต้นทุน ที่สำคัญการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจยังช่วยให้ภาครัฐมองเห็นภาษีมูลค่าเพิ่มในระบบที่เกิดขึ้นด้วย
ส่วนการผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยนั้นมองว่าที่ผ่านมามีหลากหลายประเด็น แต่การทำงานของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือซิป้า ค่อนข้างครอบคลุมอยู่แล้ว บางเรื่องก็สามารถแก้ไข หรือ ส่งเสริมได้อย่างรวดเร็ว แต่บางเรื่องการแก้ไขปัญหาอาจล่าช้าเพราะติดปัญหากฎระเบียบภาครัฐ และงบประมาณ
นายสมพร กล่าวต่ออีกว่าภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยค่อนข้างมีความสามารถ แต่ที่ผ่านมาขาดการสนับสนุนจากผู้ใช้ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยเป็นไปด้วยความล่าช้า และไม่มีการเติบโต ทั้งนี้หากภาครัฐมีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการเอกชน มีการใช้ซอฟต์แวร์ในประเทศ ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ไทย และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
ด้านนายอดิเรก ปฎิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย หรือ เอทีซีไอ (ATCI) กล่าวว่าสิ่งที่สมาคม มีการพูดคุยหารือกันก่อนมีรัฐบาล คือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หรือ โอเพนดาต้า ทั้งข้อมูลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเปิดให้มีการต่อยอดพัฒนาแอพพลิเคชันบนข้อมูลขึ้นมาเป็นบริการใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มมีการหารือ และผลักดันกฎหมายเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าสู่การพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงผลักดันผ่านช่องทางสภาไอที ทั้งนี้มองว่ากระทรวงไอซีทีน่าจะมีบทบาทร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้ข้อมูล ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสร้างให้เกิดแอพพลิเคชันให้บริการข้อมูลใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาครัฐลดการลงทุนซ้ำซ้อน
ส่วนการผลักดันผู้ประกอบการไอทีไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นภาครัฐ ควรเป็นตัวนำในการลงทุนใช้ไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุน แต่ที่ผ่านมาภาครัฐ ส่วนใหญ่มีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ขาดการลงทุนด้านโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน โดยประเมินว่าขณะนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ที่มีการพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการประชาชนเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้มองว่าหากภาครัฐ มีการลงทุนพัฒนาโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชัน ให้บริการประชาชนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ผู้ประกอบการไอทีไทย สามารถนำโซลูชัน หรือ แอพพลิเคชันไปต่อยอดพัฒนาต่อให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244995:2014-09-02-07-38-10&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VAlbUUtAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: