Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 กันยายน 2557 ราคาจำหน่ายเครื่องเปล่าจากหน้าเว็บไซต์ APPLE ฮ่องกง ระบุว่า iPhone 6 เริ่มต้น (ราว 23,200 บาท) ในรุ่น 16 GB // iPhone 6 Plus เริ่มต้น (ราว 26,500 บาท) ในรุ่น 16 GB

ประเด็นหลัก

       ขณะที่ราคาจำหน่ายเครื่องเปล่าจากหน้าเว็บไซต์แอปเปิล ฮ่องกง ระบุว่า iPhone 6 เริ่มต้นที่ราคา 5,588 เหรียญฮ่องกง (ราว 23,200 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 7,188 เหรียญฮ่องกง (ราว 29,800 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB
   
   


   
       ส่วน iPhone 6 Plus เริ่มต้นที่ราคา 6,388 เหรียญฮ่องกง (ราว 26,500 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 8,088 เหรียญฮ่องกง (ราว 33,500 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB






______________________________




จะซื้อ iPhone6 299 ดอลล์ เจอ “ไฟร์โฟน” ราคา 99 เซนต์หน่อยไหม



       ณ เวลานี้ ข่าวการเปิดตัวไอโฟน 6 ไอโพน 6 พลัส และ Apple Watch คงกลบกระแสข่าวอื่น ๆ ในแวดวงไอทีไปจนสิ้น แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่น ๆ นี้นั้น กลับไม่ยากเลยสำหรับ “ไฟร์โฟน” ของอะเมซอน ที่ออกมายอมรับแล้วว่าจะลดราคาค่าเครื่องของตัวเอง จากที่เคยตั้งไว้สูงถึงหลักสามร้อยเหรียญสหรัฐ ลงมาเหลือแค่ 99 เซนต์

จะซื้อ iPhone6 299 ดอลล์ เจอ “ไฟร์โฟน” ราคา 99 เซนต์หน่อยไหม

       แม้จะไม่มีการเปิดเผยยอดขายของเครื่องไฟร์จากอะเมซอนหลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยในครั้งนั้น ไฟร์โฟนถูกขนานนามว่าเป็น Shopping Machine ของอะเมซอน แต่นักวิเคราะห์หลายรายก็เชื่อว่ายอดขายของไฟร์โฟนคงไม่ดีนัก ล่าสุดทางอะเมซอนจึงออกมาประกาศหั่นราคาไฟร์โฟนของตัวเองลงในหลายรุ่น
     
       เริ่มจากรุ่น 32GB ที่จะลดราคาลงจาก 200 เหรียญสหรัฐเหลือ 99 เซนต์ ส่วนรุ่น 64GB ลดลงจาก 300 เหรียญสหรัฐ เหลือ 100 เหรียญสหรัฐ โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมสัญญาสองปี
     
       การเปลี่ยนแปลงราคาที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลดครั้งมโหฬารนี้มาจากความกังวลว่า การตั้งราคาตัวเครื่องนั้นทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถแข่งขันกับบรรดาบิ๊กเนมได้นั่นเอง และหากไม่สามารถขายเครื่องได้ ก็จะทำให้โอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับอะเมซอนน้อยลงไปนั่นเอง
     
       ทั้งนี้ ความพยายามที่จะดันให้เกิดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่ตั้งความหวังอย่างมากกับอะเมซอนนั่นเอง



http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103838

_______________________________


ตื่นเต้นไหม? iPhone 6 iPhone 6 Plus และ Apple Watch มาแล้ว



       ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอ แอปเปิล (Apple) ขึ้นเวทีเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยกันคือ iPhone 6 ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว มีลักษณะตัวเครื่องคล้ายภาพที่หลุดไปก่อนหน้านี้
     
       หลังจากนั้น ฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ขึ้นมาอธิบายถึงรายละเอียดของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ว่า ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอ Retina HD โดยรุ่น iPhone 6 จะมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ส่วน iPhone 6 Plus มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x1080 พิกเซล หรือ Full HD ทำให้เมื่อเทียบกับ iPhone 5s ตัว iPhone 6 จะมีความละเอียดพิกเซลมากกว่า 38% ในขณะที่ iPhone 6 Plusจะมีพิกเซลมากกว่า 185%
     
       เมื่อเทียบความบางระหว่าง iPhone 5s iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร 6.9 มิลลิเมตร และ 7.1 มิลลิเมตร ตามลำดับ นอกจากนี้จุดที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน iPhone 6 Plus คือเรื่องของการใช้งานอินเตอร์เฟสที่แตกต่างออกไป ด้วยการเห็นคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น ที่สำคัญคือสามารถใช้งานในหน้าจอแนวนอนได้ รวมไปถึงการเพิ่มคีย์ลัดในคีย์บอร์ดแนวนอนสำหรับคัดลอก และวาง รวมถึงปุ่มสั่งงานอื่นๆ
     
       ต่อจากนั้นหันมาพูดถึงหน่วยประมวลผลที่ใช้ภายใน iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นคือ ชิปหน่วยประมวลผล Apple A8 ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ 64 bit ให้ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้น 25% ทำให้ประมวลผลเร็วกว่ารุ่นเก่า 50 เท่า ส่วนความเร็วในการประมวลผลภาพเพิ่มขึ้น 50% ทำให้ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น 84 เท่า
     
       ขณะเดียวกันด้วยหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่นี้ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่นถ้าฟังเพลง ใน iPhone 5s iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะสามารถฟังได้ 40 ชั่วโมง 50 ชั่วโมง และ 80 ชั่วโมงตามลำดับ หรือถ้าใช้ในการโทรศัพท์บนคลื่น 3G ต่อเนื่องจะได้ 10 ชั่วโมง 14 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงตามลำดับ
     
       นอกจากนี้ ภายใน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว M8 เช่นเดียวกับใน iPhone 5s พร้อมกับมีการเพิ่มเซ็นเซอร์วัดความชื้นและระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อช่วยในการทำงานร่วมกับแอปเพิ่มการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แน่นอนว่าภายใน iOS 8 ก็มีแอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพติดตั้งมาให้ด้วยเช่นเดียวกัน
     
       ถัดมาเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางด้านการเชื่อมต่อ ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ที่ความเร็วสูงสุด 150 Mbps รองรับคลื่นความถี่มากกว่า 20 คลื่น มากกว่าสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ในท้องตลาด ณ เวลานี้ หรือคิดง่ายๆว่าสามารถใช้งานได้กว่า 200 โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกในปัจจุบัน ที่สำคัญคือได้มีการพัฒนาให้รองรับการโทรศัพท์ผ่านระบบ 4G (Voice Over LTE) แล้วด้วย ในมุมของการเชื่อมต่อ WiF มาพร้อมกับมาตรฐาน 802.11ac ทำให้สามารถต่อได้เร็วกว่า iPhone 5s 3 เท่า
     
       ในส่วนของกล้องก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ iSight ที่ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 1.5 อัลตร้าพิกเซล f2.2 พร้อมกับเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ ช่วยให้โฟกัสวัตถุได้รวดเร็วขึ้น ใกล้เคียงกับกล้อง DSLR มีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า
     
       ในขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มาช่วยประมวลผลภาพให้ได้สีที่สมจริงมากยิ้งขึ้น ที่สำคัญคือมีระบบกันสั่นใสมาให้ด้วย
     
       ส่วนกล้องหน้า รองรับการใช้งาน Facetime HD แล้ว พร้อมกับรูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็น f2.2 ช่วยเพิ่มแสงมากกว่าเดิม 80% แน่นอนว่ามีการใส่เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้ามาไว้ใช้กับการถ่ายภาพแบบ Selfie ด้วย รวมถึงการถ่ายภาพต่อเนื่อง และการถ่ายภาพชดเชยแสง (HDR)
     
       ต่อมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของ iOS 8 อย่างเช่นการเพิ่มรายละเอียดในแถบการแจ้งเตือนที่เพิ่มเติมเข้ามาให้สามารถเลือกแอปพลิเคชันโปรดได้ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่รองรับหลายแอปพลิเคชันมากยิ่งขึ้น
     
       ปิดท้ายที่ราคาเปิดตัวของ iPhone 6 แบบติดสัญญา 2 ปี เริ่มต้นที่ 199 เหรียญ สำหรับรุ่น 16 GB 299 เหรียญ สำหรับรุ่น 64 GB และ 399 เหรียญ สำหรับรุ่น 128 GB ส่วน iPhone 6 Plus แบบติดสัญญาเช่นเดียวกันจะอยู่ที่ 299 เหรียญ 399 เหรียญ และ 499 เหรียญ สำหรับ 16 GB 64 GB และ 128 GB ตามลำดับ
     
     


     
       ขณะที่ราคาจำหน่ายเครื่องเปล่าจากหน้าเว็บไซต์แอปเปิล ฮ่องกง ระบุว่า iPhone 6 เริ่มต้นที่ราคา 5,588 เหรียญฮ่องกง (ราว 23,200 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 7,188 เหรียญฮ่องกง (ราว 29,800 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB
     
     


     
       ส่วน iPhone 6 Plus เริ่มต้นที่ราคา 6,388 เหรียญฮ่องกง (ราว 26,500 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 8,088 เหรียญฮ่องกง (ราว 33,500 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB
     
       ส่วนราคาของ iPhone 5s ก็ปรับลงมาเหลือเริ่มต้นที่ 99 เหรียญ ส่วน iPhone 5c รุ่น 8 GB ฟรี แบบติดสัญญา 2 ปี
     
       ทั้งนี้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2014 ใน 9 ประเทศ คือ สหรัฐ ฝรั่งเศส ฮ่องกง แคนาดา เยอรมัน สิงคโปร์ อังกฤษ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือจะทยอยตามมา
     
       ในขณะที่ iOS 8 จะเปิดให้ดาวน์โหลดกันในวันที่ 17 กันยายน โดยรุ่นที่ยังรองรับคือ iPhone 4S iPhone 5 iPhone 5c iPhone 5s iPod Touch 5th Generation iPad 2 iPad with Retina Display iPad Air iPad Mini และ iPad mini with Retina Display
     
       อ่านรายละเอียดเปรียบเทียบ iPhone 5c iPhone 5s iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มเติมได้ที่ http://www.apple.com/th/iphone/compare/
     
       นอกจากการเปิดตัว iPhone แล้ว ทางแอปเปิล ได้ยังเปิดเผยถึงการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ Apple Pay ที่นำรูปแบบของธุรกรรมออนไลน์ที่ใช้กันอยู่ มาผสานกับระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อความปลอดภัย และระบบ NFC (Near Field Communication) ในการใช้เครื่องสัมผัสเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ โดยจะเริ่มเปิดให้ใช้งานในสหรัฐฯ ช่วงเดือนตุลาคม
     
       อีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปิดตัวในวันนี้คือ Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wearable Device จากแอปเปิล โดยตัว Apple Watch ต้องทำงานร่วมกับ iPhone ตั้งแต่รุ่น iPhone 5 ขึ้นไป เพื่อซิงค์ข้อมูลในการแสดงผลมายังตัวนาฬิกาอัจฉริยะ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 349 เหรียญในช่วงต้นปี 2015
     
       ทั้งนี้ ภายใน Apple Watch จะใช้ระบบชาร์จแบบแม่เหล็กที่ด้านหลังหน้าจอ พร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ มีเม็ดมะยมที่หมุนได้พร้อมปุ่มกดไว้ช่วยในการสั่งงาน เนื่องจากหน้าจอสัมผัสที่ให้มามีขนาดเล็ก แน่นอนว่าภายในใส่ NFC มาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับ Apple Pay ได้ด้วย

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103751

__________________________________________



?แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6,6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ?

?แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6,6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ??แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6,6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ??แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6,6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ??แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6,6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ?
ทิม คุก ซีอีโอ แอปเปิลและทีมงาน ขึ้นเวทีเปิดตัวไอโฟนใหม่พร้อมกันสองรุ่น ตามคาด ไอโฟน 6และ ไอโฟน 6 พลัส จอใหญ่ ครั้งแรกของแอบเปิลกับนาฬิกาอัจฉริยะ แอปเปิล วอช

วันพุธ 10 กันยายน 2557 เวลา 02:00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันอังคารที่ผ่านมา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา แอปเปิล โดยนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิลและทีมงาน ได้แถลงข่าว เปิดตัวไอโฟนสองรุ่น คือ ไอโฟน 6  จอ 4.7 นิ้ว และไอโฟน 6 พลัส จอ 5.5  นิ้วตามลำดับ โดย ไอโฟนทั้งสองรุ่น จะวางจำหน่ายใน 9 ประเทศ รวม สิงคโปร์ ฮ่องกงและญี่ปุ่น ในวันที่ 19 ก.ย.2557   รุ่นไอโฟน 6  ราคา 199 ,299 ,399 ดอลลาร์  ความจุ 16 GB ,64 GB และ 128GB  ส่วนไอโฟน 6 พลัส ราคา 299,399,และ 499 ดอลลาร์ สำหรับความจุ 16 GB ,64 GB,128 GB

จุดเด่นของไอโฟนทั้งสองรุ่น อยู่ที่โปรเซสเซอร์  ที่เร็วกว่าไอโฟนรุ่นอื่นถึง 50 %  แบตเตอรี่เปิดรอรับสายได้นาน โดยไม่ต้องพกแบตเตอรี่สำรองหรือพาวเวอร์แบงค์  กล้อง 8เมกะพิกเซล เน้นภาพถ่ายเซลฟี่ และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ต่อมา ทิม คุก ได้เปิดตัวแอปเปิล วอช  หรือนาฬิกาอัจฉริยะของแอปเปิลเป็นครั้งแรกของโลก รวม 3 รุ่น คือ แอปเปิล วอช แอปเปิล วอช สปอร์ต และแอปเปิล วอช อีดิทชั่น เพื่อรองรับสไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล โดยนาฬิกาอัจฉริยะของแอปเปิลเป็นจอกระจกคริสตัล กันรอยขีดข่วน ถอดสายได้ สามารถซูมเข้าออกไปผ่านปุ่มหรือเม็ดมะยมด้านข้างตัวเครื่อง แท็บ เพื่อส่งภาพสเก็ตซ์ระหว่างกันได้  รองรับการใช้งานแผนที่และสิริ  นอกจากใช้งานรับสาย โทรออก

แอปเปิล วอช  ใช้งานได้กับไอโฟน 6 ,6 พลัส  ไอโฟน 5 ,5 เอส และ 5ซี  จะวางจำหน่ายในปีหน้า ราคาเริ่มต้น 349  ดอลลาร์

นอกจากนี้ ยังได้แนะนำแอพพลิเคชั่นใหม่สำหรับนาฬิกาอัจฉริยะ คือ แอพฟิตเนส และแอพแอคทิวิตี้  และบริการแอปเปิล เพย์ ใช้ไอโฟนแทนบัตรเครดิต โดยจะเริ่มให้บริการในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ

http://www.dailynews.co.th/Content/IT/265625/แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน6%2C6พลัสพร้อมนาฬิกาอัจฉริยะ

____________________________________________


เปิดตัวแล้ว! "ไอโฟน6" มีอะไรใหม่บ้าง?



แอปเปิลทำการเปิดตัว "ไอโฟน6" เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีทั้งหมด 2 รุ่น 2 ขนาด ได้แก่ iPhone 6 (ไอโฟน 6) และ iPhone 6 Plus (ไอโฟน 6 พลัส) พร้อมกับหน้าจอสองขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว โดยของจริงเป็นไปตามภาพหลุดที่เคยว่อนเน็ตเกือบทั้งหมด


เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 แอปเปิลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่พร้อมกัน 2 รุ่น 2 ขนาดหน้าจอ โดยรุ่นหน้าจอ 4.7 นิ้ว เรียกว่า iPhone 6 และรุ่นหน้าจอ 5.5 นิ้ว เรียกว่า iPhone 6 Plus ใช้หน้าจอแบบใหม่ Retina HD ส่วนด้านดีไซน์ออกแบบใหม่เน้นความโค้งมนของตัวเครื่องเหมือนกับ iPod touch รวมถึงปุ่มปิดเปิดเครื่องย้ายมาไว้ด้านข้าง ส่วนวัสดุยังคงใช้เป็นอะลูมิเนียมผสมกับโลหะส่งผลให้ตัวเครื่องของ iPhone 6 บางลงกว่าเดิม โดย iPhone 6 ตัวเครื่องบางเพียง 6.9 มม. และ iPhone 6 Plus บางเพียง 7.1 มม. ส่วนสเปคอื่น ๆ มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง



สเปคเบื้องต้นของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus

ระบบปฏิบัติการ iOS 8

หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (iPhone 6)

หน้าจอ Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (iPhone 6 Plus)
ซีพียู Apple A8 รองรับการประมวลผลแบบ 64-bit ประมวลผลเร็วขึ้นกว่าเดิม 25% และประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้นถึง 50%

ชิปประมวล Apple M8 motion ที่รวมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ มาไว้ในตัวเดียวกัน

รองรับ NFC จ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการ Apple Pay

กล้องด้านหลัง iSight ความละเอียด 8 พิกเซล พร้อมระบบโฟกัสแบบใหม่ (Focus Pixel) ช่วยให้โฟกัสภาพได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 และแฟลชแบบทูโทนเหมือนเดิม

iPhone 6 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ส่วน iPhone 6 ใช้ระบบกันสั่นผ่านซอฟต์แวร์



ปรับปรุงการจับภาพใบหน้า (Face Detection)

รองรับบันทึกวิดีโอแบบ Slo-Mo ความเร็ว 240 FPS (ของเดิม 120 FPS)

สามารถถ่ายพาโนรามาได้สูงสุด 43 ล้านพิกเซล (ของเดิม 28 ล้านพิกเซล)

รองรับ Voice Over LTE, รองรับระบบ Wi-Fi ที่เร็วกว่าเดิม 3 เท่า

รองรับ LTE 20 ย่านความถี่ และ LTE-A

รองรับ Wi-Fi​ Calling สามารถโทรหากันผ่าน Wi-Fi

ใช้งานแนวนอนแบบ iPad

มีเลือก 3 สีเหมือนเดิม คือ Space Grey, Silver และ Gold

แบตเตอรี่อึดกว่าเดิมสแตนบาย 16 วัน สำหรับ iPhone 6 Plus และ 10 วัน สำหรับ iPhone 6



ราคา iPhone 6 แบบติดสัญญา 2 ปี (ราคาต่างประเทศ)

ความจุ 16GB ราคา 199 ดอลลาร์

ความจุ 64GB ราคา 299 ดอลลาร์

ความจุ 128GB ราคา 399 ดอลลาร์



ราคา iPhone 6 Plus แบบติดสัญญา 2 ปี (ราคาต่างประเทศ)

ความจุ 16GB ราคา 299 ดอลลาร์

ความจุ 64GB ราคา 399 ดอลลาร์

ความจุ 128GB ราคา 499 ดอลลาร์



โดยทั้ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะเริ่มวางจำหน่ายวันในที่ 19 กันยายนนี้ และเปิดจองวันที่ 12 กันยายน โดยกลุ่มประเทศแรกที่วางจำหน่าย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, แคนาดา, เยอรมนี, ฮ่องกง, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และจะวางจำหน่ายอีก 115 ประเทศภายในสิ้นปีนี้ ส่วนประเทสไทยอาจต้องร้องเพลงรอกันถึงปลายปีหรือต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว แต่สำหรับใครที่อดใจไม่ไหว คงมีการหิ้วเครื่องจากต่างประเทศมาใช้กันก่อนแน่ๆ แต่ราคาก็สูงมากเช่นกัน

ทั้งนี้ หลังมีการเปิดตัวไอโฟน 6 แล้ว ทางแอปเปิลก็ได้ปรับลดราคารุ่นต่างๆ ลงมากมาย iPhone 5s เหลือ 19,900 บาท ซึ่งสามารถซื้อได้ผ่านทาง Apple Store Online ประเทศไทย ส่วนทางด้านรุ่นเก่า iPhone 4s จะเลิกขายอย่างเป็นทางการ สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 8 เวอร์ชั่นเต็ม จะเริ่มปล่อยให้อัพเดทฟรีวันที่ 17 กันยายนนี้


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1410317597


_______________________________


iPhone6 - iPhone6Plus มาแล้ว

"ทิม คุก" ซีอีโอ แอปเปิล ขึ้นเวทีเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus



ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอ แอปเปิล (Apple) ขึ้นเวทีเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยกันคือ iPhone 6 ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 6 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว มีลักษณะตัวเครื่องคล้ายภาพที่หลุดไปก่อนหน้านี้

หลังจากนั้น ฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ขึ้นมาอธิบายถึงรายละเอียดของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ว่า ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอ Retina HD โดยรุ่น iPhone 6 จะมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ส่วน iPhone 6 Plus มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x1080 พิกเซล หรือ Full HD ทำให้เมื่อเทียบกับ iPhone 5s ตัว iPhone 6 จะมีความละเอียดพิกเซลมากกว่า 38% ในขณะที่ iPhone 6 Plusจะมีพิกเซลมากกว่า 185%

เมื่อเทียบความบางระหว่าง iPhone 5s iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร 6.9 มิลลิเมตร และ 7.1 มิลลิเมตร ตามลำดับ นอกจากนี้จุดที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน iPhone 6 Plus คือเรื่องของการใช้งานอินเตอร์เฟสที่แตกต่างออกไป ด้วยการเห็นคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น ที่สำคัญคือสามารถใช้งานในหน้าจอแนวนอนได้ รวมไปถึงการเพิ่มคีย์ลัดในคีย์บอร์ดแนวนอนสำหรับคัดลอก และวาง รวมถึงปุ่มสั่งงานอื่นๆ

ต่อจากนั้นหันมาพูดถึงหน่วยประมวลผลที่ใช้ภายใน iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นคือ ชิปหน่วยประมวลผล Apple A8 ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ 64 bit ให้ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้น 25% ทำให้ประมวลผลเร็วกว่ารุ่นเก่า 50 เท่า ส่วนความเร็วในการประมวลผลภาพเพิ่มขึ้น 50% ทำให้ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น 84 เท่า

ขณะเดียวกันด้วยหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่นี้ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่นถ้าฟังเพลง ใน iPhone 5s iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะสามารถฟังได้ 40 ชั่วโมง 50 ชั่วโมง และ 80 ชั่วโมงตามลำดับ หรือถ้าใช้ในการโทรศัพท์บนคลื่น 3G ต่อเนื่องจะได้ 10 ชั่วโมง 14 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงตามลำดับ

นอกจากนี้ ภายใน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว M8 เช่นเดียวกับใน iPhone 5s พร้อมกับมีการเพิ่มเซ็นเซอร์วัดความชื้นและระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มเข้ามาด้วย เพื่อช่วยในการทำงานร่วมกับแอปเพิ่มการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แน่นอนว่าภายใน iOS 8 ก็มีแอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพติดตั้งมาให้ด้วยเช่นเดียวกัน

ถัดมาเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางด้านการเชื่อมต่อ ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่น รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ที่ความเร็วสูงสุด 150 Mbps รองรับคลื่นความถี่มากกว่า 20 คลื่น มากกว่าสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ในท้องตลาด ณ เวลานี้ หรือคิดง่ายๆว่าสามารถใช้งานได้กว่า 200 โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกในปัจจุบัน ที่สำคัญคือได้มีการพัฒนาให้รองรับการโทรศัพท์ผ่านระบบ 4G (Voice Over LTE) แล้วด้วย ในมุมของการเชื่อมต่อ WiF มาพร้อมกับมาตรฐาน 802.11ac ทำให้สามารถต่อได้เร็วกว่า iPhone 5s 3 เท่า

ในส่วนของกล้องก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ iSight ที่ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 1.5 อัลตร้าพิกเซล f2.2 พร้อมกับเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ ช่วยให้โฟกัสวัตถุได้รวดเร็วขึ้น ใกล้เคียงกับกล้อง DSLR มีเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า

ขณะเดียวกันก็ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มาช่วยประมวลผลภาพให้ได้สีที่สมจริงมากยิ้งขึ้น ที่สำคัญคือมีระบบกันสั่นใสมาให้ด้วย

ส่วนกล้องหน้า รองรับการใช้งาน Facetime HD แล้ว พร้อมกับรูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็น f2.2 ช่วยเพิ่มแสงมากกว่าเดิม 80% แน่นอนว่ามีการใส่เซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้ามาไว้ใช้กับการถ่ายภาพแบบ Selfie ด้วย รวมถึงการถ่ายภาพต่อเนื่อง และการถ่ายภาพชดเชยแสง (HDR)

ต่อมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของ iOS 8 อย่างเช่นการเพิ่มรายละเอียดในแถบการแจ้งเตือนที่เพิ่มเติมเข้ามาให้สามารถเลือกแอปพลิเคชันโปรดได้ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่รองรับหลายแอปพลิเคชันมากยิ่งขึ้น

ปิดท้ายที่ราคาเปิดตัวของ iPhone 6 แบบติดสัญญา 2 ปี เริ่มต้นที่ 199 เหรียญ สำหรับรุ่น 16 GB 299 เหรียญ สำหรับรุ่น 64 GB และ 399 เหรียญ สำหรับรุ่น 128 GB ส่วน iPhone 6 Plus แบบติดสัญญาเช่นเดียวกันจะอยู่ที่ 299 เหรียญ 399 เหรียญ และ 499 เหรียญ สำหรับ 16 GB 64 GB และ 128 GB ตามลำดับ

ขณะที่ราคาจำหน่ายเครื่องเปล่าจากหน้าเว็บไซต์แอปเปิล ฮ่องกง ระบุว่า iPhone 6 เริ่มต้นที่ราคา 5,588 เหรียญฮ่องกง (ราว 23,200 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 7,188 เหรียญฮ่องกง (ราว 29,800 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB

ส่วน iPhone 6 Plus เริ่มต้นที่ราคา 6,388 เหรียญฮ่องกง (ราว 26,500 บาท) ในรุ่น 16 GB ไปจนถึง 8,088 เหรียญฮ่องกง (ราว 33,500 บาท) สำหรับรุ่น 128 GB

ทั้งนี้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายน 2014 ใน 9 ประเทศ คือ สหรัฐ ฝรั่งเศส ฮ่องกง แคนาดา เยอรมัน สิงคโปร์ อังกฤษ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือจะทยอยตามมา

นอกจากการเปิดตัว iPhone แล้ว ทางแอปเปิล ได้ยังเปิดเผยถึงการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ Apple Pay ที่นำรูปแบบของธุรกรรมออนไลน์ที่ใช้กันอยู่ มาผสานกับระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อความปลอดภัย และระบบ NFC (Near Field Communication) ในการใช้เครื่องสัมผัสเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ โดยจะเริ่มเปิดให้ใช้งานในสหรัฐฯ ช่วงเดือนตุลาคม

อีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปิดตัวในวันนี้คือ Apple Watch หรืออุปกรณ์ Wearable Device จากแอปเปิล โดยตัว Apple Watch ต้องทำงานร่วมกับ iPhone ตั้งแต่รุ่น iPhone 5 ขึ้นไป เพื่อซิงค์ข้อมูลในการแสดงผลมายังตัวนาฬิกาอัจฉริยะ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 349 เหรียญในช่วงต้นปี 2015

ทั้งนี้ ภายใน Apple Watch จะใช้ระบบชาร์จแบบแม่เหล็กที่ด้านหลังหน้าจอ พร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ มีเม็ดมะยมที่หมุนได้พร้อมปุ่มกดไว้ช่วยในการสั่งงาน เนื่องจากหน้าจอสัมผัสที่ให้มามีขนาดเล็ก แน่นอนว่าภายในใส่ NFC มาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับ Apple Pay ได้ด้วย


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20140910/603851/iPhone6---iPhone6Plus-มาแล้ว.html


_______________________


แอปเปิลหั่นราคาiPhone 5s และ 5c

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


แอปเปิล สโตร์ ออนไลน์ ประกาศลดราคา iPhone 5s และ 5c หลังเปิดตัว iPhone 6-iPhone 6 Plus



ทันทีที่มีการเปิดตัวของ 2 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากค่าย Apple ทั้ง iPhone 6, iPhone 6 Plus อย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา (9 กันยายน) ล่าสุด Apple Online Store ขึ้นประกาศปรับลดราคา iPhone 5s และ iPhone 5s ดังนี้

iPhone 5s

- 16GB ราคา 19,900 บาท

- 32GB ราคา 21,900 บาท

iPhone 5c

- 8GB ราคา 14,900 บาท

ราคามีผล ณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้จาก Apple Store


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20140910/603853/แอปเปิลหั่นราคาiPhone-5s-และ-5c.html

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.