Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

26 มกราคม 2558 MasterCard ระบุ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจะตามใช้มือถือตามแนวโน้มโลก โดยพบว่า 89% ของวัยรุ่นและคนในวัยทำงานในเมืองใหญ่มีอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 1 เครื่องต่อคน โดยเฉลี่ย 3 เครื่องคือ สมาร์ทโฟน แท็บเลต แล็ปท็อป และสมาร์ทแกดเจต

ประเด็นหลัก

รายงานข่าวจาก มาสเตอร์การ์ด บริษัทที่ให้บริการชำระเงินทั่วโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ว่าในปี 2563 หรือ ปีค.ศ.2020 จะมีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถึง 5 หมื่นล้านเครื่อง โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจะตามใช้มือถือตามแนวโน้มโลก โดยพบว่า 89% ของวัยรุ่นและคนในวัยทำงานในเมืองใหญ่มีอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 1 เครื่องต่อคน โดยเฉลี่ย 3 เครื่องคือ สมาร์ทโฟน แท็บเลต แล็ปท็อป และสมาร์ทแกดเจต
    อย่างไรก็ตาม มาสเตอร์การ์ด ได้วิเคราะห์ว่า 15 แนวโน้มของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้ คือ  1. ปีแห่งสมรภูมิของตลาดแวร์เอเบิล โดยโมบายล์เทคโนโลยีกำลังเข้าสู่ศักราชใหม่ นั่นคือ ตลาดแวร์เอเบิล หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ติดตัวไปไหนมาไหนได้ แว่นตาอัจฉริยะ Google Glass อาจถูกนำมาใช้ในธุรกิจมากกว่าในกลุ่มลูกค้าทั่วไป แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนว่า แวร์เอเบิล ดีไวซ์ จะเติบโตไปในทิศทางไหน 2. แบรนด์ต่างๆ จะเริ่มเข้ามาในชีวิตคุณบ่อยขึ้น ผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณ อาทิ ทุกเช้าอุปกรณ์มือถือจะบอกคุณว่ามีเงินสดในบัญชีเท่าไร 3. การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปรากฏการณ์ เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังการเปิดตัวบริการ แอปเปิล เพย์ ในสหรัฐอเมริกา พบว่า 90% ของการใช้จ่ายผ่านเครดิตการ์ดในสหรัฐอเมริกาเป็นการใช้จ่ายผ่าน แอปเปิล เพย์ ซึ่งสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ใน 220,000 ร้านค้า  4.การแข่งขันบริการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะขยายเป็นการแข่งขันระดับโลก การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะไม่ใช่จำกัดอยู่ในวงแคบอีกต่อไปเพราะมันขยายไปในระดับอินเตอร์เนชันแนลรวดเร็ว  5. การแข่งขันในตลาดคอนเนกคโฮม (Connected Home) กำลังจะเข้มข้นขึ้นหลังจากที่แอปเปิล ได้เปิดตัว Apple’s HomeKit สู่ตลาด ก็มีค่ายอื่นที่โฟกัสทั้งบริการและกลุ่มลูกค้าแบบเดียวกัน









_____________________________________________________
















จับตา15บริการใหม่บนมือถือ




 "มาสเตอร์การ์ด" ชี้แนวโน้มในปี 2563 มีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถึง 5 หมื่นล้านเครื่อง เผยกว่า 89% ของวัยรุ่นและคนในวัยทำงานมีมือถือมากกว่า 1 เครื่อง แบ่งเป็น 3 เครื่อง คือ "สมาร์ทโฟน-แท็บเลต-แล็ปท็อป และ สมาร์ทแกดเจต"
alt    รายงานข่าวจาก มาสเตอร์การ์ด บริษัทที่ให้บริการชำระเงินทั่วโลก เปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ว่าในปี 2563 หรือ ปีค.ศ.2020 จะมีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถึง 5 หมื่นล้านเครื่อง โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจะตามใช้มือถือตามแนวโน้มโลก โดยพบว่า 89% ของวัยรุ่นและคนในวัยทำงานในเมืองใหญ่มีอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 1 เครื่องต่อคน โดยเฉลี่ย 3 เครื่องคือ สมาร์ทโฟน แท็บเลต แล็ปท็อป และสมาร์ทแกดเจต
    อย่างไรก็ตาม มาสเตอร์การ์ด ได้วิเคราะห์ว่า 15 แนวโน้มของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้ คือ  1. ปีแห่งสมรภูมิของตลาดแวร์เอเบิล โดยโมบายล์เทคโนโลยีกำลังเข้าสู่ศักราชใหม่ นั่นคือ ตลาดแวร์เอเบิล หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ติดตัวไปไหนมาไหนได้ แว่นตาอัจฉริยะ Google Glass อาจถูกนำมาใช้ในธุรกิจมากกว่าในกลุ่มลูกค้าทั่วไป แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนว่า แวร์เอเบิล ดีไวซ์ จะเติบโตไปในทิศทางไหน 2. แบรนด์ต่างๆ จะเริ่มเข้ามาในชีวิตคุณบ่อยขึ้น ผ่านโทรศัพท์มือถือของคุณ อาทิ ทุกเช้าอุปกรณ์มือถือจะบอกคุณว่ามีเงินสดในบัญชีเท่าไร 3. การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปรากฏการณ์ เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังการเปิดตัวบริการ แอปเปิล เพย์ ในสหรัฐอเมริกา พบว่า 90% ของการใช้จ่ายผ่านเครดิตการ์ดในสหรัฐอเมริกาเป็นการใช้จ่ายผ่าน แอปเปิล เพย์ ซึ่งสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ใน 220,000 ร้านค้า  4.การแข่งขันบริการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะขยายเป็นการแข่งขันระดับโลก การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือจะไม่ใช่จำกัดอยู่ในวงแคบอีกต่อไปเพราะมันขยายไปในระดับอินเตอร์เนชันแนลรวดเร็ว  5. การแข่งขันในตลาดคอนเนกคโฮม (Connected Home) กำลังจะเข้มข้นขึ้นหลังจากที่แอปเปิล ได้เปิดตัว Apple’s HomeKit สู่ตลาด ก็มีค่ายอื่นที่โฟกัสทั้งบริการและกลุ่มลูกค้าแบบเดียวกัน
    ขณะที่แนวโน้มที่ 6. มาสเตอร์การ์ดได้ระบุว่า  ยานพาหนะกับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ จะไม่จำกัดอยู่เพียงแวร์เอเบิลดีไวซ์เท่านั้น แต่เทคโนโลยียังหาทางแทรกซึมมาอยู่ในยานพาหนะ เช่น  จีพีเอสที่ช่วยตรวจสอบเส้นทางจราจรในทุกวันนี้จะพัฒนาให้สามารถให้บริการ  Wi-fi บอกตำแหน่งได้ และบริการดาวน์โหลดข้อมูลลงในยานพาหนะ 7. อินเตอร์เน็ต ออฟ ติงส์ (Internet of Things) กำลังจะเป็นที่นิยม  ถึงแม้แวร์เอเบิลดีไวซ์จะมีความสำคัญและได้รับความนิยมในปีนี้ แต่การมาถึงของอุปกรณ์ประเภท อินเตอร์เน็ต ออฟ ติงส์ เริ่มเข้ามาในตลาดและถือเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ในปีนี้ 8. การถอยทัพของแอพพลิเคชันที่ขอและเก็บดาต้า  9. ในปีนี้จะเป็นปีที่อุปกรณ์มือถือกำลังจะกลายเป็นเป้าหมาย การจารกรรมข้อมูลอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ทำให้กลุ่มบริษัท ระบบรักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่เหล่าผู้บริโภคอย่างเราๆ ต่างต้องระมัดระวังและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันดาต้า
    ส่วนแนวโน้มลำดับที่ 10. มาสเตอร์การ์ด เปิดเผยว่า ประสบการณ์ติดจออุปกรณ์มือถือ (screen-agnostic)จะเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับการรวมตัวของแพลตฟอร์มที่กว้างขึ้น เทคโนโลยีที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลอย่างไม่มีการสะดุดจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งจะได้เปรียบอย่างมหาศาล  11. แบรนด์และร้านค้าจะมุ่งความสนใจไปที่ เอ็ม-คอมเมิร์ซ แอพที่ร้านค้าปลีกใช้จะใช้ประโยชน์จากบาร์โค้ด โดยลูกค้าจะสแกนบาร์โค้ดด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ มีลูกเล่นที่ดีกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรม พร้อมทั้งกระตุ้นยอดขาย และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก 12.นักท่องเที่ยวจะหันมาใช้แอพพลิเคชันของเบรนด์ต่างๆ ในการจองเพิ่มมากขึ้น บริษัทอย่าง TripAdvisor, Hipmunk, Skyscanner, trivago และ Dohop กำลังจะทำให้การจองเที่ยวบินและห้องพักง่ายขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วยแอพพลิเคชันของพวกเขา 13.แอพพลิเคชันเพื่อสุขภาพและควบคุมคุณค่าจากสารอาหารจะได้รับความนิยมมากขึ้น อุปกรณ์มือถือและแวร์เอเบิลที่คุณใส่อยู่จะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของคุณทันที ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร วิเคราะห์การนอนหลับจากวงจรการหลับ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในกล้ามเนื้อ เป็นต้น
    ขณะที่แนวโน้มที่ 14. กฎ BYOD ในบริษัทจะเปลี่ยนไป แอพที่ใช้ในการทำงานต้องสามารถแชร์ข้ามกลุ่มได้อย่างไม่มีข้อจำกัดถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์ที่คนทำงานนำอุปกรณ์ของตนมาเอง หรือ BYOD (Bring Your Own Device) นั่นหมายความว่าฝ่ายไอทีจะต้องป้องกันข้อมูลของบริษัทไม่ให้รั่วไหล โดยไม่ต้องไปยุ่งกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตของพนักงาน เพราะฉะนั้นเตรียมใช้งานโซลูชันที่ใช้งานได้กับอุปกรณ์ทุกชนิดได้แล้ว และแนวโน้มสุดท้าย คือ กลุ่มธุรกิจจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์ประเภทมือถือเป็นอันดับแรก  ในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้ บริษัทที่ยังมีวัฒนธรรมการทำงานแบบเก่าบนเดสก์ท็อปจะเริ่มย้ายสู่แพลตฟอร์มของอุปกรณ์มือถือมากขึ้น ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรก็ตาม หากมีการแข่งขันกันระหว่างแอพบนอุปกรณ์มือถือกับเดสก์ท็อป ผู้ชนะคือแอพสำหรับอุปกรณ์มือถืออย่างแน่นอน





จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,020  วันที่  22 - 24  มกราคม  พ.ศ. 2558




http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=262204:15&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VMRvHcZAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.