19 เมษายน 2558 IDC ปี 2557 ผู้บริโภคในประเทศไทยลดการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหดตัวลงรุนแรงกว่าอยู่ที่ระดับ 17% ถึงแม้ผู้ขายจะพยายามผลักดันสินค้าประเภทโน้ตบุ๊กแบบบางเบาออกมากระตุ้นตลาดก็ตาม
ประเด็นหลัก
นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ประจำไอดีซีประเทศไทย ระบุว่า เริ่มเห็นปัจจัยลบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะงักไปและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งในปี 2557 ผู้บริโภคในประเทศไทยลดการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหดตัวลงรุนแรงกว่าอยู่ที่ระดับ 17% ถึงแม้ผู้ขายจะพยายามผลักดันสินค้าประเภทโน้ตบุ๊กแบบบางเบาออกมากระตุ้นตลาดก็ตาม ส่วนองค์กรภาครัฐปรับลดการลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ลงเกือบ 45% แต่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนลง 11% เนื่องจากบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งในภาคการเงิน การผลิตและสาธารณสุขยังคงลงทุนซื้อพีซีในระดับสูงอยู่ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของการลงทุนจากบริษัทขนาดเล็กได้บางส่วน
นายจาริตร์ กล่าวสรุปถึงสภาพตลาดพีซีในไทยว่ายอดขายพีซีในปี 2557 ถือได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีและคาดว่าในปี 2558 ตลาดจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจได้เห็นสัญญาณในแง่บวกจากภาคธุรกิจและภาครัฐเล็กน้อยแต่สำหรับผู้บริโภคโอกาสที่การจับจ่ายซื้อพีซีจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้คงเป็นไปได้ยากเอเซอร์-ไอโมบาย ยันเป็นปีทองตลาดสมาร์ทโฟน
_____________________________________________________
?ปีทองสมาร์ทโฟนปีโรยราของพีซี?
ตลาดพีซีในไทยได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดอิ่มตัวในปี 2555 ก่อนที่อุปกรณ์เกิดใหม่อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะก้าวขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปตั้งแต่ปี 2556
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดไอทีชั้นนำของโลกได้เปิดเผยข้อมูลผ่านรายงานชื่อ IDC’sAsia/Pacific Quarterly PC Tracker ว่าตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในประเทศไทยหดตัวลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันโดยในปี 2557 ที่ผ่านมาตลาดมียอดจัดส่งเครื่องพีซีรวมกันแค่ 2.5 ล้านเครื่องคิดเป็นการลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไอดีซีเผยว่า ตลาดพีซีในไทยได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดอิ่มตัวในปี 2555 ก่อนที่อุปกรณ์เกิดใหม่อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะก้าวขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปตั้งแต่ปี 2556 และในปีที่แล้วปัญหาด้านการเมืองที่นำไปสู่การทำรัฐประหารและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศได้ทำให้ตลาดปรับตัวต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ประจำไอดีซีประเทศไทย ระบุว่า เริ่มเห็นปัจจัยลบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะงักไปและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งในปี 2557 ผู้บริโภคในประเทศไทยลดการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหดตัวลงรุนแรงกว่าอยู่ที่ระดับ 17% ถึงแม้ผู้ขายจะพยายามผลักดันสินค้าประเภทโน้ตบุ๊กแบบบางเบาออกมากระตุ้นตลาดก็ตาม ส่วนองค์กรภาครัฐปรับลดการลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ลงเกือบ 45% แต่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนลง 11% เนื่องจากบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งในภาคการเงิน การผลิตและสาธารณสุขยังคงลงทุนซื้อพีซีในระดับสูงอยู่ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของการลงทุนจากบริษัทขนาดเล็กได้บางส่วน
นายจาริตร์ กล่าวสรุปถึงสภาพตลาดพีซีในไทยว่ายอดขายพีซีในปี 2557 ถือได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีและคาดว่าในปี 2558 ตลาดจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจได้เห็นสัญญาณในแง่บวกจากภาคธุรกิจและภาครัฐเล็กน้อยแต่สำหรับผู้บริโภคโอกาสที่การจับจ่ายซื้อพีซีจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้คงเป็นไปได้ยากเอเซอร์-ไอโมบาย ยันเป็นปีทองตลาดสมาร์ทโฟน
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่าตลาดคอมพิวเตอร์พีซีโดยรวมของไทยซึ่งหมายรวมถึงโน้ตบุ๊ก กับเดสก์ท็อปปีที่ผ่านมายอดขายตก 17% ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนโตขึ้น 30% ส่วนแท็บเล็ตยอดขายในตลาดคงที่ไม่มีอัตราการเติบโต
นายนิธิพัทธ์ มองตลาดสินค้าไอทีจากนี้จนถึงปลายปีว่า ตลาดสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่มีทิศทางการเติบโตที่ดีคาดทั้งปีตลาดจะโตได้ 20-25% ซึ่งยอดขายรวมตลาดสมาร์ทโฟนปีที่แล้วอยู่ที่ 13 ล้านเครื่องปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 17 ล้านเครื่อง ขณะที่ตลาดรวมแท็บ เล็ตยังคงที่ไม่มีการเติบโตเพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว
นายนิธิพัทธ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่กระตุ้นให้ตลาดสมาร์ทโฟนมีอัตราการเติบโตที่สูงคือเทคโนโลยีที่ทำให้สมาร์ทโฟนมีราคาถูกลงแต่ได้ประสิทธิภาพเครื่องที่ดีขึ้นบวกกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอปะเรเตอร์) โปรโมตให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนจากเครือข่าย 2จี เป็น 3จี ทำให้เกิดการกระตุ้นตลาดเพื่อเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้รองรับ 3จี รวมทั้งการมาของ 4 จีที่จะเปิดประมูลในปีนี้โดย 4จี จะทำให้ราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนถูกลงจากราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 บาทเหลือเพียง 4,000 บาทส่งผลให้ผู้บริโภคอยากเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ปัจจุบันเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 8% ตั้งเป้าปีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 8-10%
“ปีนี้ยังคงเป็นปีทองของสมาร์ทโฟนขณะที่ตลาดพีซีมองว่าคงไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้วแต่คงไม่ได้เห็นภาพการเติบโตของตลาดพีซีในระดับ 30-40% เหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตของตลาดพีซีคงไม่เกิน 10% ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเนื่องจากที่สุดแล้วอุปกรณ์ไอทีไม่สามารถทดแทนการใช้งานกันได้จริง ๆ” นายนิธิพัทธ์ กล่าว
ด้านนายฑิตพล จันทรอุไร ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท สามารถ ไอ-โมบายจำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ตลาดสินค้าไอทีปีนี้ยังซบเซาจากหลาย ๆ องค์ประกอบ โดยยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีและแท็บเล็ตไม่ดีส่วนโน้ตบุ๊กยังมีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อยขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้มีโอกาสเติบโตมาก เนื่อง จากปัจจุบันมีการเปิดใช้งานเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 100 ล้านเลขหมายโดย 50 ล้านเลขหมาย ยังใช้โทรศัพท์มือถือแบบฟีเจอร์โฟน ดังนั้นตลาดการเปลี่ยนจากโทรศัพท์มือถือแบบฟีเจอร์โฟนมาใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรกจึงถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่
“ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้ตลาดสมาร์ทโฟนโต คือ การประมูล 4จี ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้งานและเปลี่ยนผ่านจาก 3จี สู่ 4จีเหมือนกับการเปลี่ยนจาก 2จี สู่ 3จี โดยปีที่ผ่านมา ไอ-โมบายขายสมาร์ทโฟนได้ 2 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20% ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนไว้ที่ 3.5 ล้านเครื่อง เจาะกลุ่มตลาดใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรก โดยปีที่แล้วสมาร์ทโฟนของไอ-โมบายที่ขายดีอยู่ที่ราคา 4,000 บาท ส่วนปีนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000 บาท สำหรับสมาร์ทโฟนของ ไอ-โมบายที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้อยู่ระหว่างราคา 1,600-3,500 บาท ขณะที่ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนอยู่แล้วและเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ หลังกลางปีไปแล้วไอ-โมบายจะออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน” นายฑิตพล กล่าว
เมื่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเกิดขึ้นต่อเนื่องวัฏจักรของสินค้าไอทีก็ย่อมแปรผันไปตามแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่.
น้ำเพชร จันทา
Phetchanok Jarernrungwut
http://www.dailynews.co.th/Content/IT/314589/ปีทองสมาร์ทโฟนปีโรยราของพีซี
นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ประจำไอดีซีประเทศไทย ระบุว่า เริ่มเห็นปัจจัยลบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะงักไปและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งในปี 2557 ผู้บริโภคในประเทศไทยลดการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหดตัวลงรุนแรงกว่าอยู่ที่ระดับ 17% ถึงแม้ผู้ขายจะพยายามผลักดันสินค้าประเภทโน้ตบุ๊กแบบบางเบาออกมากระตุ้นตลาดก็ตาม ส่วนองค์กรภาครัฐปรับลดการลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ลงเกือบ 45% แต่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนลง 11% เนื่องจากบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งในภาคการเงิน การผลิตและสาธารณสุขยังคงลงทุนซื้อพีซีในระดับสูงอยู่ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของการลงทุนจากบริษัทขนาดเล็กได้บางส่วน
นายจาริตร์ กล่าวสรุปถึงสภาพตลาดพีซีในไทยว่ายอดขายพีซีในปี 2557 ถือได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีและคาดว่าในปี 2558 ตลาดจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจได้เห็นสัญญาณในแง่บวกจากภาคธุรกิจและภาครัฐเล็กน้อยแต่สำหรับผู้บริโภคโอกาสที่การจับจ่ายซื้อพีซีจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้คงเป็นไปได้ยากเอเซอร์-ไอโมบาย ยันเป็นปีทองตลาดสมาร์ทโฟน
_____________________________________________________
?ปีทองสมาร์ทโฟนปีโรยราของพีซี?
ตลาดพีซีในไทยได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดอิ่มตัวในปี 2555 ก่อนที่อุปกรณ์เกิดใหม่อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะก้าวขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปตั้งแต่ปี 2556
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดไอทีชั้นนำของโลกได้เปิดเผยข้อมูลผ่านรายงานชื่อ IDC’sAsia/Pacific Quarterly PC Tracker ว่าตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในประเทศไทยหดตัวลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันโดยในปี 2557 ที่ผ่านมาตลาดมียอดจัดส่งเครื่องพีซีรวมกันแค่ 2.5 ล้านเครื่องคิดเป็นการลดลง 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไอดีซีเผยว่า ตลาดพีซีในไทยได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดอิ่มตัวในปี 2555 ก่อนที่อุปกรณ์เกิดใหม่อย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะก้าวขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปตั้งแต่ปี 2556 และในปีที่แล้วปัญหาด้านการเมืองที่นำไปสู่การทำรัฐประหารและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศได้ทำให้ตลาดปรับตัวต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโสสายงานศึกษาตลาดไคลเอนต์ดีไวซ์ประจำไอดีซีประเทศไทย ระบุว่า เริ่มเห็นปัจจัยลบตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะงักไปและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งในปี 2557 ผู้บริโภคในประเทศไทยลดการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2556 ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหดตัวลงรุนแรงกว่าอยู่ที่ระดับ 17% ถึงแม้ผู้ขายจะพยายามผลักดันสินค้าประเภทโน้ตบุ๊กแบบบางเบาออกมากระตุ้นตลาดก็ตาม ส่วนองค์กรภาครัฐปรับลดการลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ลงเกือบ 45% แต่ภาคเอกชนปรับลดการลงทุนลง 11% เนื่องจากบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งในภาคการเงิน การผลิตและสาธารณสุขยังคงลงทุนซื้อพีซีในระดับสูงอยู่ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของการลงทุนจากบริษัทขนาดเล็กได้บางส่วน
นายจาริตร์ กล่าวสรุปถึงสภาพตลาดพีซีในไทยว่ายอดขายพีซีในปี 2557 ถือได้ว่าต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีและคาดว่าในปี 2558 ตลาดจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจได้เห็นสัญญาณในแง่บวกจากภาคธุรกิจและภาครัฐเล็กน้อยแต่สำหรับผู้บริโภคโอกาสที่การจับจ่ายซื้อพีซีจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้คงเป็นไปได้ยากเอเซอร์-ไอโมบาย ยันเป็นปีทองตลาดสมาร์ทโฟน
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่าตลาดคอมพิวเตอร์พีซีโดยรวมของไทยซึ่งหมายรวมถึงโน้ตบุ๊ก กับเดสก์ท็อปปีที่ผ่านมายอดขายตก 17% ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนโตขึ้น 30% ส่วนแท็บเล็ตยอดขายในตลาดคงที่ไม่มีอัตราการเติบโต
นายนิธิพัทธ์ มองตลาดสินค้าไอทีจากนี้จนถึงปลายปีว่า ตลาดสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่มีทิศทางการเติบโตที่ดีคาดทั้งปีตลาดจะโตได้ 20-25% ซึ่งยอดขายรวมตลาดสมาร์ทโฟนปีที่แล้วอยู่ที่ 13 ล้านเครื่องปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 17 ล้านเครื่อง ขณะที่ตลาดรวมแท็บ เล็ตยังคงที่ไม่มีการเติบโตเพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว
นายนิธิพัทธ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่กระตุ้นให้ตลาดสมาร์ทโฟนมีอัตราการเติบโตที่สูงคือเทคโนโลยีที่ทำให้สมาร์ทโฟนมีราคาถูกลงแต่ได้ประสิทธิภาพเครื่องที่ดีขึ้นบวกกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอปะเรเตอร์) โปรโมตให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือเปลี่ยนจากเครือข่าย 2จี เป็น 3จี ทำให้เกิดการกระตุ้นตลาดเพื่อเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้รองรับ 3จี รวมทั้งการมาของ 4 จีที่จะเปิดประมูลในปีนี้โดย 4จี จะทำให้ราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนถูกลงจากราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 6,000 บาทเหลือเพียง 4,000 บาทส่งผลให้ผู้บริโภคอยากเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ปัจจุบันเอเซอร์มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 8% ตั้งเป้าปีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 8-10%
“ปีนี้ยังคงเป็นปีทองของสมาร์ทโฟนขณะที่ตลาดพีซีมองว่าคงไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้วแต่คงไม่ได้เห็นภาพการเติบโตของตลาดพีซีในระดับ 30-40% เหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตของตลาดพีซีคงไม่เกิน 10% ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเนื่องจากที่สุดแล้วอุปกรณ์ไอทีไม่สามารถทดแทนการใช้งานกันได้จริง ๆ” นายนิธิพัทธ์ กล่าว
ด้านนายฑิตพล จันทรอุไร ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท สามารถ ไอ-โมบายจำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ตลาดสินค้าไอทีปีนี้ยังซบเซาจากหลาย ๆ องค์ประกอบ โดยยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีและแท็บเล็ตไม่ดีส่วนโน้ตบุ๊กยังมีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อยขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้มีโอกาสเติบโตมาก เนื่อง จากปัจจุบันมีการเปิดใช้งานเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 100 ล้านเลขหมายโดย 50 ล้านเลขหมาย ยังใช้โทรศัพท์มือถือแบบฟีเจอร์โฟน ดังนั้นตลาดการเปลี่ยนจากโทรศัพท์มือถือแบบฟีเจอร์โฟนมาใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรกจึงถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่
“ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้ตลาดสมาร์ทโฟนโต คือ การประมูล 4จี ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการใช้งานและเปลี่ยนผ่านจาก 3จี สู่ 4จีเหมือนกับการเปลี่ยนจาก 2จี สู่ 3จี โดยปีที่ผ่านมา ไอ-โมบายขายสมาร์ทโฟนได้ 2 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20% ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนไว้ที่ 3.5 ล้านเครื่อง เจาะกลุ่มตลาดใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรก โดยปีที่แล้วสมาร์ทโฟนของไอ-โมบายที่ขายดีอยู่ที่ราคา 4,000 บาท ส่วนปีนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000 บาท สำหรับสมาร์ทโฟนของ ไอ-โมบายที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้อยู่ระหว่างราคา 1,600-3,500 บาท ขณะที่ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนอยู่แล้วและเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ หลังกลางปีไปแล้วไอ-โมบายจะออกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน” นายฑิตพล กล่าว
เมื่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเกิดขึ้นต่อเนื่องวัฏจักรของสินค้าไอทีก็ย่อมแปรผันไปตามแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่.
น้ำเพชร จันทา
Phetchanok Jarernrungwut
http://www.dailynews.co.th/Content/IT/314589/ปีทองสมาร์ทโฟนปีโรยราของพีซี
ไม่มีความคิดเห็น: