Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

08 มีนาคม 2555 ไอ-โมบาย พร้อมสู้ศึกมือถือปี 55 หวังยึดเก้าอี้ผู้นำเฮาส์แบรนด์++ เห็นกันแน่ 55 รุ่น++ เน้นเบสิกโฟน 50%

ไอ-โมบาย พร้อมสู้ศึกมือถือปี 55 หวังยึดเก้าอี้ผู้นำเฮาส์แบรนด์++ เห็นกันแน่ 55 รุ่น++ เน้นเบสิกโฟน 50%


ประเด็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มเบสิกโฟน 50% หรือประมาณ 25 รุ่น กลุ่มฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทฟีเจอร์โฟน 40% หรือประมาณ 20 รุ่น และกลุ่มสมาร์ทโฟน 3จี แอนดรอยด์ 10% หรือประมาณ 10 รุ่น


ขณะ ที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟน บริษัทจะเจาะลูกค้าวัยเริ่มทำงาน โดยนำเสนอโทรศัพท์เคลื่อนที่แอนดรอยด์ 2 ซิม 3 จี ในราคาตั้งแต่ 4,500-6,000 บาท โดยมีแอพพลิเคชั่นพิเศษที่เรียกว่าแอพคาเฟต์ ให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแบบไทยๆ พร้อมค้นหาสถานที่กิน ดื่ม เที่ยว และอัพเดตข่าวกีฬา ทั้งนี้ แอพคาเฟต์ยังเป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้ทำการควบรวมแอนดรอยด์มาร์เก็ตเข้ามาให้ สามารถเลือกดาวน์โหลด ผ่านทางแอพคาเฟต์ได้โดยตรง นอกจากนี้บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มแอนดรอยด์แท็บเล็ตพีซีในราคา ย่อมเยา ประมาณ 8,000 บาท แตกต่างด้วยรูปแบบของไอ-โมบาย วิดเจ็ต แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยบริษัท

_________________________________________________________

'ไอ-โมบาย' พร้อมสู้ศึกมือถือปี 55 หวังยึดเก้าอี้ผู้นำเฮาส์แบรนด์

ไอ-โมบาย กางแผนสู้ศึกมือถือเฮาส์แบรนด์ ตั้งเป้ายอดขาย 3.5 ล้านเครื่อง ชูจุดแข็งคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นดูดวงนำร่องคู่แข่ง...

นาย ฑิตพล จันทร์อุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เฮาส์แบรนด์ ด้วยยอดจำหน่าย 3.5 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทเตรียมเพิ่มรุ่นโทรศัพท์เคลื่อนที่รองรับ 3จี รวมถึงการนำเสนอคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นแปลกใหม่ สอดคล้องกับเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากขึ้น ด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นต่างๆ อาทิ รุ่น Hitz ผลิตภัณฑ์กลุ่มเบสิกโฟนใช้งานง่ายและราคาย่อมเยา รุ่น Zaa ฟีเจอร์โฟนมีฟังก์ชั่นหลากหลายใช้งานคุ้มค่า รุ่น idea สมาร์ทฟีเจอร์โฟนให้ออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์กและใช้งานแอพพลิเคชั่น รุ่น i-Style สมาร์ทโฟน 3จี แอนดรอยด์ ใช้งานง่ายราคาประหยัด และ i-note แท็บเล็ตพีซีคุ้มค่าต่อการใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มเบสิกโฟน 50% หรือประมาณ 25 รุ่น กลุ่มฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทฟีเจอร์โฟน 40% หรือประมาณ 20 รุ่น และกลุ่มสมาร์ทโฟน 3จี แอนดรอยด์ 10% หรือประมาณ 10 รุ่น

โทรศัพท์ เคลื่อนที่แต่ละกลุ่มมีกลยุทธ์แตกต่างกัน กลุ่มเบสิกโฟนจะเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงด้านราคา โดยเฉพาะกับอินเตอร์แบรนด์ บริษัทจึงเพิ่มความต่างด้วยการใช้ฟังก์ชั่นสร้างความคุ้มค่าให้ผู้บริโภค เช่น ใช้ได้ 2 ซิม มีบลูทูธ เอ็มพี3 นำคอนเทนต์ และแอพพลิเคชั่นเสริมมาไว้ในเครื่องเพื่อเพิ่มความแตกต่าง พร้อมออกแบบรูปลักษณ์ให้สะดุดตา เช่น ฝาพับ สกรีนลวดลาย และเปลี่ยนสีได้ เป็นต้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทฟีเจอร์โฟนนั้น เป็นรุ่นที่มีฟังก์ชั่นครบครัน สามารถออนไลน์โซเชียล เน็ตเวิร์กและใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ บริษัทจึงเน้นความหลากหลายให้เลือกและมีฟังก์ชั่นแตกต่าง เช่น บริการ imm แชต บริการเสริมรวบรวมข่าวสารและสาระบันเทิงต่างๆ ในเมนูคอนเทนต์ คาเฟต์ และเมนูไอ-คีย์ รวบรวม 9 บริการที่น่าสนใจ เช่น BizInfo, Directory, i-Sport, Music เป็นต้น ซึ่งมีอยู่ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอ-โมบาย ทุกรุ่นที่รองรับจาวา



ขณะที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟน บริษัทจะเจาะลูกค้าวัยเริ่มทำงาน โดยนำเสนอโทรศัพท์เคลื่อนที่แอนดรอยด์ 2 ซิม 3 จี ในราคาตั้งแต่ 4,500-6,000 บาท โดยมีแอพพลิเคชั่นพิเศษที่เรียกว่าแอพคาเฟต์ ให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแบบไทยๆ พร้อมค้นหาสถานที่กิน ดื่ม เที่ยว และอัพเดตข่าวกีฬา ทั้งนี้ แอพคาเฟต์ยังเป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้ทำการควบรวมแอนดรอยด์มาร์เก็ตเข้ามาให้ สามารถเลือกดาวน์โหลด ผ่านทางแอพคาเฟต์ได้โดยตรง นอกจากนี้บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มแอนดรอยด์แท็บเล็ตพีซีในราคา ย่อมเยา ประมาณ 8,000 บาท แตกต่างด้วยรูปแบบของไอ-โมบาย วิดเจ็ต แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ตอบสนองการใช้งานสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นโฮโร ให้ลูกค้าได้ใช้บริการเสริมในรูปแบบศาสตร์พยากรณ์ต่างๆ บนโทรศัพท์เคลื่อนที่เบสิกโฟน พร้อมวางจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีแอพพลิเคชั่นเสริมคำพยากรณ์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มครอบครัว รวมถึงวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตลาดคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นจะสร้างความแตกต่าง โดยนำเสนอบริการและการขายในรูปแบบใหม่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ผู้บริโภค เช่น Internet TV และ Internet Radio ทำให้สามารถดูโทรทัศน์และฟังวิทยุได้ทั่วโลกผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งยังมีการบันเดิลเกม และสร้างกิจกรรมร่วมกับลูกค้า โดยบริษัทสร้างจุดแข็งและความแตกต่างด้วยคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นรองรับ แม้การใช้งานยังมีจำนวนไม่มาก แต่ถือเป็นการสร้างฐานการตลาดและรองรับการใช้งานในอนาคต.

ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/244033


ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.