Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 ตุลาคม 2555 (เกาะติดประมูล3G)(+จี้ กสทช. ถูกไม่พอ+)TDRIเสนอPRO3Gเพื่อนบ้านอินเดีย3.1GB 340บ.(จริงใจค่าICต้องต่ำกว่า0.25ส.)// สุริยะใส ชี้ ถ้าเอกชนทำไม่ได้ละ

(เกาะติดประมูล3G)(+จี้ กสทช. ถูกไม่พอ+)TDRIเสนอPRO3Gเพื่อนบ้านอินเดีย3.1GB 340บ.(จริงใจค่าICต้องต่ำกว่า0.25ส.)// สุริยะใส ชี้ ถ้าเอกชนทำไม่ได้ละ
ประเด็นหลัก

TDRI
นอกจากนี้ แม้กสทช. จะสามารถลดค่าบริการ 3G ลงได้จริง  20% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ราคาค่าบริการของไทยตอนนั้น ก็ใช่ว่าจะถูกกว่าราคาของต่างประเทศ    ในปัจจุบัน บริษัท StarHub ในสิงคโปร์ คิดค่าบริการบรอดแบนด์เคลื่อนที่ซึ่งไม่จำกัดปริมาณข้อมูล (unlimited) เพียงเดือนละ 670 บาท  และแม้ในอินเดีย บริษัท Air Tel ก็คิดค่าบริการโทรศัพท์ 3G ซึ่งจำกัดปริมาณข้อมูลที่ 3.1 GB ในราคาเพียง 340 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกเป็นครึ่งหนึ่งของบริการที่คล้ายกันในประเทศไทย   ในอนาคต ราคาค่าบริการในต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่จะลดลงต่ำลงไปอีก เนื่องจากตลาดโทรคมนาคมของประเทศเหล่านั้นมีการแข่งขันมากกว่าประเทศไทย  การลดราคาบริการ 3G ของไทยลงเพียง 20% จึงยังไม่เพียงพอ

เมื่อครั้ง กสทช. ยกร่างแผนแม่บทประกอบกิจการโทรคมนาคม  ผู้เขียนเคยเสนอให้ กสทช. กำหนดตัวชี้วัด (KPI) ให้อัตราค่าบริการโทรคมนาคมที่สำคัญ (เช่น บริการ 3G และบรอดแบนด์) ของไทย ต้องมีราคาถูกอย่างน้อยเป็นที่สองในอาเซียน เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน    แม้ข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับการขานรับจากกลุ่มผู้บริโภค  กสทช. ก็ไม่ได้ให้ความสนใจและไม่ได้กำหนดเป้าหมายในเรื่องอัตราค่าบริการในรูปอื่นแทนเลย โดยเพียงชี้แจงแบบขอไปทีว่า ตัวชี้วัดต่างๆ ที่มีอยู่มีความเหมาะสมแล้ว   กว่า กสทช. จะคิดออกว่าผู้บริโภคควรได้ราคาที่เหมาะสม องค์กรก็เกิดวิกฤติศรัทธาแล้ว
การคุ้มครองผู้บริโภค

หาก กสทช. จริงใจในการแก้ไขปัญหาผู้บริโภค  ผู้เขียนขอเสนอแนะให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1.    ตั้งเป้าให้อัตราค่าบริการโทรคมนาคมที่สำคัญของไทยมีราคาถูก อย่างน้อยเป็นอันดับที่สองในอาเซียน
2.    ปรับลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงไม่ให้เกิน 25 สตางค์ต่อนาที และปรับลดค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในการสื่อสารข้อมูลให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง
3.    เร่งรัดพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค โดยสั่งการให้สำนักงาน กสทช. สนับสนุนการทำหน้าที่ของ คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมอย่างเต็มที่ และไม่บั่นทอนการทำงานของคณะอนุกรรมการดังกล่าว โดยใช้กลไกอื่น
4.    ลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยยกเลิกประกาศห้ามการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว ซึ่งมีผลกีดกันไม่ให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดทั้งในการประมูล 3G ที่ผ่านมา จนมีผู้เข้าประมูลเหลือเพียง 3 ราย และการประมูลใบอนุญาตอื่นๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต




นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีการกำกับดูแลอัตราค่าบริการทั้งประเภทเสียง และข้อมูลของบริการ 3G บนย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ให้ลดลงไม่น้อยกว่า 15-20% ของอัตราค่าบริการในปัจจุบัน แก่ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลว่า จริงๆ แล้วการกำกับราคาค่าบริการหรือคุณภาพการบริการโดยเฉพาะการลดราคาค่าบริการ อยู่ในแผนแม่บทโทรคมนาคมอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ กทค.ต้องทำไม่ว่าจะมีการประมูล 3G หรือไม่ กทค.จึงไม่ควรนำเอาประเด็นการลดค่าบริการมาต่อรองกับเอกชน หรือหวังผลลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การประมูลที่ไม่โปร่งใสจากสังคม

“การสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เอกชนทำข้อตกลงลดราคาค่าบริการ 3จี ก่อนออกใบอนุญาต เป็นมาตรการวัวหายล้อมคอก มาตรการนี้ไม่เคยปรากฏในเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล การกำหนดในภายหลังอาจทำให้เอกชนฟ้องร้องกสทช.ได้ หรือถ้าเอกชนยินยอมก็มีคำถามว่ามีแรงจูงใจอะไรที่ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขก่อนประมูลและก่อนรับใบอนุญาต และถ้าเอกชนทำไม่ได้จะมีมาตรการลงโทษหรือถอนใบอนุญาตหรือไม่” นายสุริยะใสกล่าว

______________________________________
“สุริยะใส” ชี้ กทค.สั่งเอกชนลดค่าบริการแค่วัวหายล้อมคอก หวังลดกระแสฮั้วประมูล
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ชี้กรณีที่ กทค.จะกำกับค่าบริการ 3จี 15-20% แค่มาตรการวัวหายล้อมคอก หวังลดกระแสวิจารณ์ประมูลไม่โปร่งใส ชี้ไม่เคยปรากฏในเงื่อนไขการประมูล อีกทั้งอยู่ในแผนแม่บทโทรคมนาคมอยู่แล้ว ซัดที่ผ่านมา กทค.ปล่อยให้โอเปอเรเตอร์มีอำนาจเหนือผู้บริโภค อัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบฮั้วประมูลไม่มีประโยชน์
     
      วันนี้ (23 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะมีการกำกับดูแลอัตราค่าบริการทั้งประเภทเสียง และข้อมูลของบริการ 3G บนย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ให้ลดลงไม่น้อยกว่า 15-20% ของอัตราค่าบริการในปัจจุบัน แก่ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่ชนะการประมูลว่า จริงๆ แล้วการกำกับราคาค่าบริการหรือคุณภาพการบริการโดยเฉพาะการลดราคาค่าบริการ อยู่ในแผนแม่บทโทรคมนาคมอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ กทค.ต้องทำไม่ว่าจะมีการประมูล 3G หรือไม่ กทค.จึงไม่ควรนำเอาประเด็นการลดค่าบริการมาต่อรองกับเอกชน หรือหวังผลลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การประมูลที่ไม่โปร่งใสจากสังคม
     
      ทั้งนี้ การลดค่าบริการ 3จี ลง 15-20% ในระยะเวลา 15 ปี จะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ กว่า 1.1 ล้านล้านบาทนั้น ถ้าฐานการคำนวณเป็นจริง ในทางกลับกันย่อมชี้ให้เห็นถึงตัวเลขกำไรสุทธิทั้งระบบที่เอกชนหรือผู้ประกอบการจะได้รับจากการถือมบอนุญาต 3จี มีมูลค่ามหาศาลกว่า 5 ล้านล้านบาท ในขณะที่ที่ราคาประมูลทั้งหมดแค่ 41,625 ล้านบาทเท่านั้น และประการสำคัญไม่เคยมีใครทราบข้อเท็จจริงของราคาต้นทุนการบริการ 3จี เอกชนก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่แท้จริง ในทางปฏิบัติ กทค.ยังไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้จริง กลับพบว่าผู้ประกอบมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าในทุกๆ เรื่อง เช่น ปัญหาบัตรเติมเงินกำหนดวันหมดอายุทั้งที่ในบัตรยังมีเงินเหลืออยู่ หรือการให้ผู้บริโภคสามารถย้ายโครงข่ายได้ ก็ทำได้เพียงวันละกว่า 4,000 เลขหมาย ทั้งที่ปัจจุบันมีโทรศัพท์ 90 ล้านเลขหมาย หรือปัญหาสัญญาณล่ม หรือหมายเลขโทรศัพท์สวยๆ คล้ายๆ เลขทะเบียนรถ ก็ให้เอกชนไปขายเอง เป็นต้น
     
      “การสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เอกชนทำข้อตกลงลดราคาค่าบริการ 3จี ก่อนออกใบอนุญาต เป็นมาตรการวัวหายล้อมคอก มาตรการนี้ไม่เคยปรากฏในเงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล การกำหนดในภายหลังอาจทำให้เอกชนฟ้องร้องกสทช.ได้ หรือถ้าเอกชนยินยอมก็มีคำถามว่ามีแรงจูงใจอะไรที่ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขก่อนประมูลและก่อนรับใบอนุญาต และถ้าเอกชนทำไม่ได้จะมีมาตรการลงโทษหรือถอนใบอนุญาตหรือไม่” นายสุริยะใสกล่าว
     
      ส่วนการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบกรณีฮั้วประมูล โดยเฉพาะประเด็นการเคาะราคา นายสุริยะใสกล่าวว่า จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ กทค.ลงมติรับรองผลการประมูลไปแล้ว และจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าคณะทำงานที่ตั้งขึ้นไม่ถูกครอบงำโดย กทค.ที่ยืนยันมาตลอดว่าการประมูลโปร่งใส ประเทศได้ประโยชน์ และถ้าคณะทำงานชี้ว่าการประมูลเข้าข่ายสมยอมราคาหรือฮั้วกันจริง กทค.จะพิจารณาตัวเองหรือไม่ อย่างไร ซึ่ง กสทช.โดย กทค.เสียงข้างมาก 4 ท่านกำลังทำให้สังคมสับสนและไม่ไว้วางใจเพิ่มมากขึ้นไปอีกหรือไม่ เพราะด้านหนึ่งเดินหน้ารับรองการประมูล 3จี แต่อีกด้านหนึ่งจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบการประมูล

ASTV ผู้จัดการ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000129627&Keyword=%a1%ca%b7
____________________________________

TDRIจี้กสทช.ตั้งเป้าค่าบริการโทรคมนาคมของไทยต้องถูกสุดอย่างน้อยอันดับ 2ในอาเซียน


ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการกำกับดูแลบริการ 3G ของกสทช.
สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

ท่ามกลางกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ กสทช. อย่างรุนแรง จากการจัดประมูลล้มเหลว เนื่องจากออกแบบการประมูลให้ไม่มีการแข่งขันกันจริง จนสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษีกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาประเมินของคลื่นความถี่    กสทช. ได้พยายามกู้ศรัทธาองค์กร โดยประกาศเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 ว่า จะกำกับดูแลผู้ประกอบการและคุ้มครองผู้บริโภคให้เข้มงวดขึ้น    ทั้งที่การดำเนินการดังกล่าวเป็นหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งต้องทำเป็นปรกติอยู่แล้ว

โดยรูปธรรม  กสทช. ได้ประกาศที่จะกำกับอัตราค่าบริการ 3G ทั้งบริการเสียงและข้อมูลที่จัดเก็บจากผู้บริโภคให้ลดลงไม่น้อยกว่า 20% จากอัตราในปัจจุบันที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 899 บาทต่อเดือน โดยจะกำหนดให้อัตราค่าบริการในปีแรกลดลง 10% ปีที่ 2 ลดลง 15% และปีที่ 3 ลดลง 20%   นอกจากนี้ กสทช. ยังประกาศที่จะกำกับดูแลคุณภาพบริการ  และให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำแผน CSR และแผนคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนประกาศว่าจะปรับปรุงกระบวนการของตนในการรับและพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค

บทความนี้จะนำเสนอข้อคิดเห็นต่อท่าทีดังกล่าวของ กสทช. และจะเสนอแนะว่า หาก กสทช. มีความจริงใจที่จะกำกับดูแลบริการ 3G ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริงแล้ว ควรดำเนินการอย่างไร

การกำกับอัตราค่าบริการ
อันที่จริงแม้ กสทช. ไม่ต้องดำเนินการใดๆ  ค่าบริการ 3G ก็ควรต้องลดลงอยู่แล้ว เพราะต้นทุนของผู้ประกอบการจะลดลงทันทีจากการไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐประมาณ 21-23% ของรายได้ โดยเปลี่ยนมาจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมอื่น รวมประมาณ 5.5% แทน    การเข้าสู่ระบบใบอนุญาตดังกล่าว โดยลำพังจึงทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลงเกินกว่า 15% อยู่แล้ว   ขอเพียงตลาดมีการแข่งขันอย่างเพียงพอ ต้นทุนที่ลดลงของผู้ประกอบการก็จะถูกโอนถ่ายมาเป็นค่าบริการที่ลดลงของผู้บริโภคโดย กสทช. ไม่ต้องประกาศอะไรทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ในปัจจุบัน และบริการ 3G ที่จะเกิดขึ้นก็ยังมีอยู่มากมาย ที่สำคัญคือ ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ซึ่งเปรียบเสมือนราคาขายส่งระหว่างผู้ประกอบการ ยังถูกกำหนดอยู่ที่ 0.99 บาทต่อนาที ซึ่งสูงกว่าต้นทุนจริงที่ผู้เขียนเคยคำนวณไว้ที่ 0.27 บาทต่อนาที    ที่ผ่านมา กสทช. ปล่อยให้เอกชนรวมหัวกันกำหนดค่า IC สูงกว่าต้นทุนจริงมาเป็นเวลานาน ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่แพงกว่าที่ควรจะเป็น จนน่าจะเสียประโยชน์ไปแล้วเป็นหมื่นล้านบาท

หากไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐานนี้เพื่อให้กลไกตลาดทำงาน กสทช. ก็จะไม่สามารถกำกับดูแลให้ค่าบริการ 3G ลดลงได้อย่างยั่งยืน เพราะผู้ประกอบการอาจออกโปรโมชั่นใหม่ๆ ซึ่งตัดบางบริการออกไปเพื่อให้ดูราคาถูกลง หรือยัดเยียดขายพ่วงบริการอื่นที่ไม่จำเป็นเข้ามา ตลอดจนไปถึงการปฏิเสธไม่ลดราคาลงตามที่กำหนด โดยอ้างปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น ค่าแรงงานและภาวะเงินเฟ้อที่ขึ้นสูง เป็นต้น

นอกจากนี้ แม้กสทช. จะสามารถลดค่าบริการ 3G ลงได้จริง  20% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ราคาค่าบริการของไทยตอนนั้น ก็ใช่ว่าจะถูกกว่าราคาของต่างประเทศ    ในปัจจุบัน บริษัท StarHub ในสิงคโปร์ คิดค่าบริการบรอดแบนด์เคลื่อนที่ซึ่งไม่จำกัดปริมาณข้อมูล (unlimited) เพียงเดือนละ 670 บาท  และแม้ในอินเดีย บริษัท Air Tel ก็คิดค่าบริการโทรศัพท์ 3G ซึ่งจำกัดปริมาณข้อมูลที่ 3.1 GB ในราคาเพียง 340 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกเป็นครึ่งหนึ่งของบริการที่คล้ายกันในประเทศไทย   ในอนาคต ราคาค่าบริการในต่างประเทศก็มีแนวโน้มที่จะลดลงต่ำลงไปอีก เนื่องจากตลาดโทรคมนาคมของประเทศเหล่านั้นมีการแข่งขันมากกว่าประเทศไทย  การลดราคาบริการ 3G ของไทยลงเพียง 20% จึงยังไม่เพียงพอ

เมื่อครั้ง กสทช. ยกร่างแผนแม่บทประกอบกิจการโทรคมนาคม  ผู้เขียนเคยเสนอให้ กสทช. กำหนดตัวชี้วัด (KPI) ให้อัตราค่าบริการโทรคมนาคมที่สำคัญ (เช่น บริการ 3G และบรอดแบนด์) ของไทย ต้องมีราคาถูกอย่างน้อยเป็นที่สองในอาเซียน เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน    แม้ข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับการขานรับจากกลุ่มผู้บริโภค  กสทช. ก็ไม่ได้ให้ความสนใจและไม่ได้กำหนดเป้าหมายในเรื่องอัตราค่าบริการในรูปอื่นแทนเลย โดยเพียงชี้แจงแบบขอไปทีว่า ตัวชี้วัดต่างๆ ที่มีอยู่มีความเหมาะสมแล้ว   กว่า กสทช. จะคิดออกว่าผู้บริโภคควรได้ราคาที่เหมาะสม องค์กรก็เกิดวิกฤติศรัทธาแล้ว
การคุ้มครองผู้บริโภค

การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่ กสทช. ล้มเหลวอย่างมาก   ผู้อ่านทุกคนคงเคยมีประสบการณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่สายหลุดบ่อย และบริการบรอดแบนด์มีความเร็วช้ากว่าที่ผู้ประกอบการโฆษณาไว้มาก โดย กสทช. ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขให้เห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ เลย  
นอกจากนี้ เมื่อดูสถิติเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค เราจะพบว่า ในช่วงเดือน พ.ย. 2554-พ.ค. 2555  มีเรื่องร้องเรียนที่ค้างพิจารณา ไม่เสร็จในเวลา 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดถึง 85% ในส่วนของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ 78% ในส่วนของบริการอินเทอร์เน็ต     โดยสาเหตุสำคัญของความล่าช้าดังกล่าวก็คือ กสทช. ปล่อยให้สำนักงาน กสทช. เข้าเกียร์ว่าง ไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากรอให้ผู้ประกอบการชี้แจงและแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคเอง เสมือนหนึ่งการแก้ไขปัญหาของผู้บริโภค เป็นภารกิจโดยสมัครใจของผู้ประกอบการเช่นเดียวกับกิจกรรม CSR
ความไม่ใส่ใจในการคุ้มครองผู้บริโภคของ กสทช. ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประกาศเจตนารมย์ของ กสทช. ที่ออกมาดูว่างเปล่า ไร้มีน้ำหนัก  จนหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแต่เพียงการแก้เกี้ยวเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น   อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเองยังหวังว่า กสทช. จะพยายามพลิกวิกฤติขององค์กรในครั้งนี้ให้เป็นโอกาสของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ข้อเสนอแนะ

หาก กสทช. จริงใจในการแก้ไขปัญหาผู้บริโภค  ผู้เขียนขอเสนอแนะให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1.    ตั้งเป้าให้อัตราค่าบริการโทรคมนาคมที่สำคัญของไทยมีราคาถูก อย่างน้อยเป็นอันดับที่สองในอาเซียน
2.    ปรับลดอัตราค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงไม่ให้เกิน 25 สตางค์ต่อนาที และปรับลดค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในการสื่อสารข้อมูลให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง
3.    เร่งรัดพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค โดยสั่งการให้สำนักงาน กสทช. สนับสนุนการทำหน้าที่ของ คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมอย่างเต็มที่ และไม่บั่นทอนการทำงานของคณะอนุกรรมการดังกล่าว โดยใช้กลไกอื่น
4.    ลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยยกเลิกประกาศห้ามการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว ซึ่งมีผลกีดกันไม่ให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดทั้งในการประมูล 3G ที่ผ่านมา จนมีผู้เข้าประมูลเหลือเพียง 3 ราย และการประมูลใบอนุญาตอื่นๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=149951:tdri-2&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.