28 ธันวาคม 2554 กสทช.เปิดเวทีสัมมนา NBTC Public Forum// สังคมไทยหวังใช้ไอซีทีอย่างมีคุณค่า กสทช.เร่งสร้างกรอบตอบโจทย์ผู้บริโภค
กสทช.เปิดเวทีสัมมนา NBTC Public Forum// สังคมไทยหวังใช้ไอซีทีอย่างมีคุณค่า กสทช.เร่งสร้างกรอบตอบโจทย์ผู้บริโภค
ประเด็นหลัก
พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม หรือกสทช. เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดเวที NBTC Public Forum หรือ ความคาดหวังของภาคประชาสังคมต่อ กสทช. นั้นเพื่อต้องการให้ภาคประชาชนแสดงความคิดเห็นและความต้องการ ซึ่ง กสทช.จะนำความคิดเห็นที่ได้นั้นไปประมวลผลออกมาในแผนการปฏิบัติงาน ซึ่งจะไม่ได้มีการนำเอาไปรวมกับ 2 แผนแม่บท เพราะเนื่องจากตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการ ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค
การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะตามมาตรา 27 (13) กำหนดให้คณะกรรมการกิจการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบ จากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพ ของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความ ถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ประกอบกับมาตรา 28 ให้ กสทช.จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ทั่วไป เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลกระทบต่อประชาชน
ดัง นั้น เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของ กสทช.ที่มุ่งหวังจะเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ กสทช.จึงได้จัดให้มีเวทีเสวนาขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานของ กสทช.เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และประเทศชาติ ทั้งนี้ได้มีการเสนอความคาดหวังจากภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนด้านผู้บริโภค เด็ก คนพิการ ผู้ใช้แรงงาน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน นักวิชาการ ตัวแทนวิทยุชุมชนเข้าร่วม
________________________________________________________
สังคมไทยหวังใช้ไอซีทีอย่างมีคุณค่า กสทช.เร่งสร้างกรอบตอบโจทย์ผู้บริโภค
กสทช. เปิดเวทีสัมมนา NBTC Public Forum เวทีแรก เผยต้องการนำเอาความคิดเห็นที่ได้มารวบรวมไปสู่ขั้นแผนการปฏิบัติ งาน ด้านอดีตกรรมการนโยบาย เสนอ กสทช. ต้องกำหนด 3 ข้อเพื่อประชาชนอย่าง วิทยุชุมชน ภาคเอกชน และสาธารณะ ซึ่งท้าทายต่อการทำงานอย่างยิ่ง
พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม หรือกสทช. เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดเวที NBTC Public Forum หรือ ความคาดหวังของภาคประชาสังคมต่อ กสทช. นั้นเพื่อต้องการให้ภาคประชาชนแสดงความคิดเห็นและความต้องการ ซึ่ง กสทช.จะนำความคิดเห็นที่ได้นั้นไปประมวลผลออกมาในแผนการปฏิบัติงาน ซึ่งจะไม่ได้มีการนำเอาไปรวมกับ 2 แผนแม่บท เพราะเนื่องจากตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการ ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค
การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะตามมาตรา 27 (13) กำหนดให้คณะกรรมการกิจการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบ จากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพ ของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความ ถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ประกอบกับมาตรา 28 ให้ กสทช.จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ทั่วไป เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลกระทบต่อประชาชน
ดัง นั้น เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของ กสทช.ที่มุ่งหวังจะเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ กสทช.จึงได้จัดให้มีเวทีเสวนาขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานของ กสทช.เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และประเทศชาติ ทั้งนี้ได้มีการเสนอความคาดหวังจากภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนด้านผู้บริโภค เด็ก คนพิการ ผู้ใช้แรงงาน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน นักวิชาการ ตัวแทนวิทยุชุมชนเข้าร่วม
ด้าน นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตกรรมการนโยบายองค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ กล่าวว่า ในปัจจุบันแผนการบริหารคลื่นความถี่โทรทัศน์และคลื่นความถี่วิทยุที่ ได้เกิดขึ้นนั้น มีการตั้งคำถามว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร เพราะเนื่องจากในปัจจุบันสื่อวิทยุบางแห่งกลายเป็นธุรกิจไปเป็นที่ เรียบร้อย แล้วนอกจากนี้ในส่วนของสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุในขณะเดียวกันกลับ กลายเป็นเครื่องมือเพื่อสื่อสารให้ประชาชนว่า ต้องทำอะไร ใช้อะไรต้องคิดอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นการสื่อสารทางเดียวที่ประชาชนไม่สามารถที่จะตอบกลับ ความคิดเห็นของตนเองได้ รวมทั้งสื่อวิทยุก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากสื่อโทรทัศน์ แม้ว่าจะเป็นสื่อที่ประชาชนสามารถที่จะเข้าใจได้ง่ายแต่กลับมีปัญหา ในเรื่องของผลประโยชน์ที่ตกอยู่กับคนบางกลุ่มเท่านั้น
สำหรับการ กำหนดคลื่นความถี่ต้องมีการแบ่งออกเป็น 3 ภาคส่วน คือ 1.วิทยุชุมชน ที่ กสทช.ต้องให้ความสำคัญมากกว่าการออกใบอนุญาตตามปกติ เพราะเนื่องจากจะต้องมีระบบการพิจารณาและตรวจสอบ เช่น วิทยุชุมชน เป็นของประชาชนจริงหรือไม่ ซึ่งวิทยุชุมชนต้องรับใช้ประชาชนที่หลากหลายทั้งกลุ่มชาติพันธุ์และ วัฒนธรรม ซึ่งถือว่าเป็นวิทยุที่มีความเป็นประชาธิปไตยที่สุด โดยต้องไม่ให้ตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจ ส่วนภาคธุรกิจ ก็ต้องสร้างรายได้ให้ กสทช. เพื่อนำรายได้ไปส่งเสริมให้กับวิทยุภาคชุมชน และภาคสาธารณะ โดยวิทยุภาคสาธารณประโยชน์ เป็นได้ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่ง กสทช.ควรจัดสรรรูปแบบเนื้อหาให้ชัดเจน เพื่อให้รองรับกลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วน เช่น สถานีวิทยุที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิง เด็ก และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
2.ภาค เอกชน ที่ต้องมีการให้บริการได้อย่างมีคุณภาพในเรื่องของความบันเทิง ซึ่ง กสทช.ต้องยอมรับว่ารายได้ส่วนหนึ่งของ กสทช.มาจากการให้บริการของภาคเอกชน แต่ทั้งนี้ภาคเอกชนก็ต้องส่งเสริมให้วิทยุชุมชนและวิทยุสาธารณประ โยชน์ มากกว่าการแสวงหาผลกำไรระกับชาติ แต่ให้มีการดำเนินธุรกิจในระดับท้องถิ่นแทน และ 3.ภาคสาธารณประโยชน์ ที่ภาครัฐ หรือภาคเอ็นจีโอ ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ดังนั้น กสทช. มีสิทธิ์ในการกำหนดเนื้อหาได้อย่างทันท่วงที มีการเน้นการให้บริการในกลุ่มของชาติพันธุ์ เด็ก ผู้ใหญ่ ให้มีการสนับสนุนในเรื่องของความรู้ความเข้าใจให้เกิดประโยชน์ และหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้มองว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ดิจิตอลในอีก 4-5 ปีนั้น เสนอว่าเมื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ควรที่จะเปลี่ยนในเรื่องของการ พัฒนาเนื้อหาเพื่อประโยชน์ของประเทศ ต้องเน้นในการสร้างความเข้าใจในเนื้อหาเพื่อที่จะไม่กระทบต่อประ เทศเพื่อนบ้าน มากกว่าการที่จะเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลแต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน เรื่องของเนื้อหา ซึ่งทั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของ กสทช. อย่างมาก เพราะเนื่องจากในมุมมองนั้นเสนอให้สื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุกลาย เป็นการศึกษานอกระบบ เร่งและกระตุ้นการศึกษาให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายประ เวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานั้นสังคมไทยขาดการเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนในระดับ ล่าง ขาดการส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม จึงทำให้สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำนำไปสู่ความรุนแรง ประชาธิปไตยต้องสร้างจากฐานรากให้ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดจัดการตนเอง ระบบสื่อสารที่ดีสามารถสร้างปัญญา สังคมไทยต้องพัฒนาระบบสื่อสารเพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่ ใช้การสื่อสารสร้างรูปธรรมทางความคิด สร้างจิตสำนึกเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งนี้เพื่อนำสังคมไปสู่สังคมแห่งความรู้มากยิ่งขึ้น
อย่างไร ก็ตามสำหรับการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนถือว่าเป็นสิ่งที่ กสทช.ต้องนำไปปฏิบัติ เพราะเนื่องจากตาม พ.ร.บ.กสทช. นั้นได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเปิดเวทีเพื่อรับฟัง ซึ่งในขณะเดียวกันเวทีดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นเวทีแรก ซึ่งหลังจากนี้เวทีดังกล่าวจะเปิดให้มีการเสวนาในทุกๆ ปี ซึ่งที่สำคัญสำหรับความคิดเห็นที่กำหนดให้ 3 คลื่น อย่างวิทยุชุมชน ภาคเอกชน และสาธารณประโยชน์นั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติจะเป็นการช่วยพัฒนา ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และนอกเหนือไปจากนั้นคือเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ด้วยเช่นเดียวกัน
บ้านเมือง
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1310573
ประเด็นหลัก
พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม หรือกสทช. เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดเวที NBTC Public Forum หรือ ความคาดหวังของภาคประชาสังคมต่อ กสทช. นั้นเพื่อต้องการให้ภาคประชาชนแสดงความคิดเห็นและความต้องการ ซึ่ง กสทช.จะนำความคิดเห็นที่ได้นั้นไปประมวลผลออกมาในแผนการปฏิบัติงาน ซึ่งจะไม่ได้มีการนำเอาไปรวมกับ 2 แผนแม่บท เพราะเนื่องจากตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการ ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค
การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะตามมาตรา 27 (13) กำหนดให้คณะกรรมการกิจการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบ จากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพ ของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความ ถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ประกอบกับมาตรา 28 ให้ กสทช.จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ทั่วไป เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลกระทบต่อประชาชน
ดัง นั้น เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของ กสทช.ที่มุ่งหวังจะเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ กสทช.จึงได้จัดให้มีเวทีเสวนาขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานของ กสทช.เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และประเทศชาติ ทั้งนี้ได้มีการเสนอความคาดหวังจากภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนด้านผู้บริโภค เด็ก คนพิการ ผู้ใช้แรงงาน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน นักวิชาการ ตัวแทนวิทยุชุมชนเข้าร่วม
________________________________________________________
สังคมไทยหวังใช้ไอซีทีอย่างมีคุณค่า กสทช.เร่งสร้างกรอบตอบโจทย์ผู้บริโภค
กสทช. เปิดเวทีสัมมนา NBTC Public Forum เวทีแรก เผยต้องการนำเอาความคิดเห็นที่ได้มารวบรวมไปสู่ขั้นแผนการปฏิบัติ งาน ด้านอดีตกรรมการนโยบาย เสนอ กสทช. ต้องกำหนด 3 ข้อเพื่อประชาชนอย่าง วิทยุชุมชน ภาคเอกชน และสาธารณะ ซึ่งท้าทายต่อการทำงานอย่างยิ่ง
พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม หรือกสทช. เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดเวที NBTC Public Forum หรือ ความคาดหวังของภาคประชาสังคมต่อ กสทช. นั้นเพื่อต้องการให้ภาคประชาชนแสดงความคิดเห็นและความต้องการ ซึ่ง กสทช.จะนำความคิดเห็นที่ได้นั้นไปประมวลผลออกมาในแผนการปฏิบัติงาน ซึ่งจะไม่ได้มีการนำเอาไปรวมกับ 2 แผนแม่บท เพราะเนื่องจากตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการ ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค
การมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะตามมาตรา 27 (13) กำหนดให้คณะกรรมการกิจการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. มีอำนาจหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบ จากผู้ประกอบกิจการและคุ้มครองสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพ ของบุคคลในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความ ถี่ที่ใช้ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ประกอบกับมาตรา 28 ให้ กสทช.จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชน ทั่วไป เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลกระทบต่อประชาชน
ดัง นั้น เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของ กสทช.ที่มุ่งหวังจะเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ กสทช.จึงได้จัดให้มีเวทีเสวนาขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการมีส่วนร่วมในการดำ เนินงานของ กสทช.เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และประเทศชาติ ทั้งนี้ได้มีการเสนอความคาดหวังจากภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนด้านผู้บริโภค เด็ก คนพิการ ผู้ใช้แรงงาน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน นักวิชาการ ตัวแทนวิทยุชุมชนเข้าร่วม
ด้าน นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตกรรมการนโยบายองค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ กล่าวว่า ในปัจจุบันแผนการบริหารคลื่นความถี่โทรทัศน์และคลื่นความถี่วิทยุที่ ได้เกิดขึ้นนั้น มีการตั้งคำถามว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร เพราะเนื่องจากในปัจจุบันสื่อวิทยุบางแห่งกลายเป็นธุรกิจไปเป็นที่ เรียบร้อย แล้วนอกจากนี้ในส่วนของสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุในขณะเดียวกันกลับ กลายเป็นเครื่องมือเพื่อสื่อสารให้ประชาชนว่า ต้องทำอะไร ใช้อะไรต้องคิดอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นการสื่อสารทางเดียวที่ประชาชนไม่สามารถที่จะตอบกลับ ความคิดเห็นของตนเองได้ รวมทั้งสื่อวิทยุก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากสื่อโทรทัศน์ แม้ว่าจะเป็นสื่อที่ประชาชนสามารถที่จะเข้าใจได้ง่ายแต่กลับมีปัญหา ในเรื่องของผลประโยชน์ที่ตกอยู่กับคนบางกลุ่มเท่านั้น
สำหรับการ กำหนดคลื่นความถี่ต้องมีการแบ่งออกเป็น 3 ภาคส่วน คือ 1.วิทยุชุมชน ที่ กสทช.ต้องให้ความสำคัญมากกว่าการออกใบอนุญาตตามปกติ เพราะเนื่องจากจะต้องมีระบบการพิจารณาและตรวจสอบ เช่น วิทยุชุมชน เป็นของประชาชนจริงหรือไม่ ซึ่งวิทยุชุมชนต้องรับใช้ประชาชนที่หลากหลายทั้งกลุ่มชาติพันธุ์และ วัฒนธรรม ซึ่งถือว่าเป็นวิทยุที่มีความเป็นประชาธิปไตยที่สุด โดยต้องไม่ให้ตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจ ส่วนภาคธุรกิจ ก็ต้องสร้างรายได้ให้ กสทช. เพื่อนำรายได้ไปส่งเสริมให้กับวิทยุภาคชุมชน และภาคสาธารณะ โดยวิทยุภาคสาธารณประโยชน์ เป็นได้ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่ง กสทช.ควรจัดสรรรูปแบบเนื้อหาให้ชัดเจน เพื่อให้รองรับกลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วน เช่น สถานีวิทยุที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิง เด็ก และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
2.ภาค เอกชน ที่ต้องมีการให้บริการได้อย่างมีคุณภาพในเรื่องของความบันเทิง ซึ่ง กสทช.ต้องยอมรับว่ารายได้ส่วนหนึ่งของ กสทช.มาจากการให้บริการของภาคเอกชน แต่ทั้งนี้ภาคเอกชนก็ต้องส่งเสริมให้วิทยุชุมชนและวิทยุสาธารณประ โยชน์ มากกว่าการแสวงหาผลกำไรระกับชาติ แต่ให้มีการดำเนินธุรกิจในระดับท้องถิ่นแทน และ 3.ภาคสาธารณประโยชน์ ที่ภาครัฐ หรือภาคเอ็นจีโอ ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ดังนั้น กสทช. มีสิทธิ์ในการกำหนดเนื้อหาได้อย่างทันท่วงที มีการเน้นการให้บริการในกลุ่มของชาติพันธุ์ เด็ก ผู้ใหญ่ ให้มีการสนับสนุนในเรื่องของความรู้ความเข้าใจให้เกิดประโยชน์ และหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้มองว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ดิจิตอลในอีก 4-5 ปีนั้น เสนอว่าเมื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ควรที่จะเปลี่ยนในเรื่องของการ พัฒนาเนื้อหาเพื่อประโยชน์ของประเทศ ต้องเน้นในการสร้างความเข้าใจในเนื้อหาเพื่อที่จะไม่กระทบต่อประ เทศเพื่อนบ้าน มากกว่าการที่จะเปลี่ยนไปสู่ดิจิตอลแต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน เรื่องของเนื้อหา ซึ่งทั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของ กสทช. อย่างมาก เพราะเนื่องจากในมุมมองนั้นเสนอให้สื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุกลาย เป็นการศึกษานอกระบบ เร่งและกระตุ้นการศึกษาให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายประ เวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานั้นสังคมไทยขาดการเคารพศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นคนในระดับ ล่าง ขาดการส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม จึงทำให้สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำนำไปสู่ความรุนแรง ประชาธิปไตยต้องสร้างจากฐานรากให้ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดจัดการตนเอง ระบบสื่อสารที่ดีสามารถสร้างปัญญา สังคมไทยต้องพัฒนาระบบสื่อสารเพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่ ใช้การสื่อสารสร้างรูปธรรมทางความคิด สร้างจิตสำนึกเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งนี้เพื่อนำสังคมไปสู่สังคมแห่งความรู้มากยิ่งขึ้น
อย่างไร ก็ตามสำหรับการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนถือว่าเป็นสิ่งที่ กสทช.ต้องนำไปปฏิบัติ เพราะเนื่องจากตาม พ.ร.บ.กสทช. นั้นได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะการเปิดเวทีเพื่อรับฟัง ซึ่งในขณะเดียวกันเวทีดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นเวทีแรก ซึ่งหลังจากนี้เวทีดังกล่าวจะเปิดให้มีการเสวนาในทุกๆ ปี ซึ่งที่สำคัญสำหรับความคิดเห็นที่กำหนดให้ 3 คลื่น อย่างวิทยุชุมชน ภาคเอกชน และสาธารณประโยชน์นั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติจะเป็นการช่วยพัฒนา ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และนอกเหนือไปจากนั้นคือเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ด้วยเช่นเดียวกัน
บ้านเมือง
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1310573
ไม่มีความคิดเห็น: