01 มกราคม 2555 จอใหญ่ทะลักตลาด 2555!!! มือถือจอใหญ่ต้องขนาด 8.5 นิ้ว // 5.5 นิ้ว // 5 นิ้ว // 4.8 นิ้ว
จอใหญ่ทะลักตลาด 2555!!! มือถือจอใหญ่ต้องขนาด
8.5 นิ้ว // 5.5 นิ้ว // 5 นิ้ว // 4.8 นิ้ว
ประเด็นหลัก
Phablet นั้นเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหน้าจอใหญ่กว่า
5 นิ้วที่ยังไม่มีการนิยามชัดเจน
ขอเพียงเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถโทรศัพท์ได้
จุดนี้ทำให้เกิดความสับสนในตลาดเล็กน้อยเพราะค่ายไอทีแดนมังกรอย่างหัวเว่ยซึ่งเปิดตัวอุปกรณ์หน้าจอใหญ่
8 นิ้วแต่ยังประชาสัมพันธ์ในฐานะสมาร์ทโฟน
โดยวางจุดยืนของผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากแท็บเล็ตที่ความแคบและยาวกว่าเพื่อให้เหมาะกับการพกพา
ความสำเร็จของ Phablet รุ่นใหญ่อย่างซัมซุง แกแลกซี่ โน้ต 2
ในปี 2555 ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าจะมีสมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่า 5
นิ้วออกสู่ตลาดมากขึ้นนับจากนี้
โดยค่ายที่ประกาศมาแล้วว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีทั้งหัวเว่ยโฟน (หน้าจอ 8.5
นิ้ว) แอลจี ออปติมัส จี2 (หน้าจอ 5.5
นิ้ว) เอชทีซี ดรอยด์ ดีเอ็นเอ (หน้าจอ 5 นิ้ว) ซัมซุง เอทีฟ เอส (หน้าจอ 4.8
นิ้ว) รวมถึงค่ายใหญ่อย่างโซนีและโนเกียที่กำลังจะเปิดตัว Phablet รุ่นใหม่เต็มตัวในปี
2556
หัวเว่ยโฟน (Huawei Phone) หน้าจอใหญ่
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เดสก์ท็อปกำลังถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในไม่ได้
จุดนี้ทำให้ไม่มีใครอยากมาใช้เดสก์ท็อปซึ่งกำลังจะเป็น Death top ในไม่ช้า
เชื่อว่าปี 2556 ยอดขายเดสก์ท็อปจะลดลง"
"ทั้งหมดนี้ทำให้ปี
2556 คือปีแห่ง Ubiquitous คำว่า
Ubiquitous คือช่วงเวลาที่คนไอทีเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในหลังยุคแห่งพีซี
อุปกรณ์จะทำให้คนเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องอยู่กับมัน"
***ปีแห่งจุดเริ่มต้น
3G เต็มใบของไทย
"แนวโน้มตลาดไอทีบ้านเราคือผู้บริโภคจะซื้ออุปกรณ์มากขึ้น
สิ่งที่หลายคนคาดหวังคือ 3G จะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์มากขึ้น
ซึ่งต้องมีคอนเทนต์เพิ่มขึ้น แต่ถ้าถามเรื่องสินค้าแต่ละตัว เชื่อว่าวินโดวส์ 8
จะต้องใช้เวลากว่าจะเริ่มขยายตัวแพร่หลายในช่วงไตรมาส 3
ปีหน้า เพราะต้นปียังเป็นการเทกระจาด ไตรมาส 2
เป็นการเปิดตลาดสินค้าใหม่ เชื่อว่าไตรมาส 3
จึงจะแพร่หลาย"
สำหรับตลาดไทย ประสิทธิ์เชื่อว่าอัลตราบุ๊กจะมาแรงในปี 2556
หากสามารถทำราคาลดลงถึงระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
เมื่อนั้นอัลตราบุ๊กจะสามารถทานกระแสแท็บเล็ตได้ เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊กที่สามารถถอดเปลี่ยนแปลงร่างหรือ
Convertible จะยังต้องใช้เวลา และต้องดูปัจจัยราคาเป็นสำคัญ
_________________________________
2556 ปีแห่งมือถือจอยักษ์!?!
ถอดรหัสเทรนด์ร้อนตลาดไอซีที ฟันธงปี 2556
คือปีแห่งสมาร์ทโฟนจอยักษ์ที่เรียกว่า Phablet (อ่านว่าแฟบเล็ต)
ลูกผสมระหว่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตซึ่งจะแข่งขันดุเดือดอย่างชัดเจน
เทรนด์ควรจับตาในปีนี้คือพัฒนาการของ"สมาร์ททีวี"ทีวีต่ออินเทอร์เน็ตที่จะมีบทบาทมากขึ้น
รวมถึงอิทธิพลของระบบเก็บข้อมูลคลาวด์คอมพิวติงส่วนตัว
และการเปลี่ยนแปลงของระบบ"รหัสผ่าน"หรือพาสเวิร์ดซึ่งเชื่อว่าจะเห็นพัฒนาการที่แตกต่างชัดเจนในปีนี้
ด้านตลาดพีซีถูกจัดเป็นตลาดที่"น่าเป็นห่วง"เพราะมีแนวโน้มยอดขายทรงตัวตลอดปี
เทรนด์โลกไอทีปี 2556 เหล่านี้เป็นข้อสังเกตของประสิทธิ์
วรฉัตราวณิช รองผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายนิวมีเดียและอีคอมเมิร์ช บริษัท
เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน)
หนึ่งในหัวเรือใหญ่ทีมผู้จัดงาน"คอมมาร์ต"รายนี้เชื่อว่าตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอยักษ์ราว
5-7 นิ้วซึ่งถูกตั้งชื่อว่า Phablet (คำผสมระหว่าง
Phone และ Tablet) จะขยายตัวอย่างมากในปี
2556 ซึ่งจะนำไปสู่ยุคแห่ง Ubiquitous ช่วงเวลาหลังยุคพีซีที่ชาวโลกจะสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนเป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอดเวลา
"เพราะคนต้องการอุปกรณ์หนึ่งเดียวที่ทำงานได้ครบ
แทนที่จะต้องพกอุปกรณ์หลายชิ้น พัฒนาการแบบนี้จะทำให้ปี 2556
เป็นจุดเริ่มต้นของยุค Ubiquitous บน 3
ปัจจัยที่เกื้อหนุน คือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ (3G) มีความพร้อม
ขณะที่คอนเทนต์ดิจิตอลเพิ่มขึ้นชัดเจน ในเวลาที่อุปกรณ์มาแล้ว
ทั้งหมดนี้ทำให้คนรู้ว่าจะทำงานด้วยอะไรบ้าง"
Phablet นั้นเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหน้าจอใหญ่กว่า
5 นิ้วที่ยังไม่มีการนิยามชัดเจน
ขอเพียงเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่สามารถโทรศัพท์ได้
จุดนี้ทำให้เกิดความสับสนในตลาดเล็กน้อยเพราะค่ายไอทีแดนมังกรอย่างหัวเว่ยซึ่งเปิดตัวอุปกรณ์หน้าจอใหญ่
8 นิ้วแต่ยังประชาสัมพันธ์ในฐานะสมาร์ทโฟน
โดยวางจุดยืนของผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากแท็บเล็ตที่ความแคบและยาวกว่าเพื่อให้เหมาะกับการพกพา
ความสำเร็จของ Phablet รุ่นใหญ่อย่างซัมซุง แกแลกซี่ โน้ต 2
ในปี 2555 ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าจะมีสมาร์ทโฟนจอใหญ่กว่า 5
นิ้วออกสู่ตลาดมากขึ้นนับจากนี้
โดยค่ายที่ประกาศมาแล้วว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีทั้งหัวเว่ยโฟน (หน้าจอ 8.5
นิ้ว) แอลจี ออปติมัส จี2 (หน้าจอ 5.5
นิ้ว) เอชทีซี ดรอยด์ ดีเอ็นเอ (หน้าจอ 5 นิ้ว) ซัมซุง เอทีฟ เอส (หน้าจอ 4.8
นิ้ว) รวมถึงค่ายใหญ่อย่างโซนีและโนเกียที่กำลังจะเปิดตัว Phablet รุ่นใหม่เต็มตัวในปี
2556
การสำรวจจากบริษัทวิจัยทั่วโลกคาดว่า ยอดขายอุปกรณ์ไอทีปี 2556
ทั่วโลกจะทะลุ 1,500 ล้านเครื่อง เพิ่มจากปี 2555
ที่เชื่อว่ายอดจำหน่ายอยู่ที่เฉลี่ย 1 พันล้านเครื่อง
โดยยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ
สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรวมกันนั้นแซงหน้ายอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีหลายเท่าตัวต่อเนื่อง
และจะยังเป็นแนวโน้มมากขึ้นต่อไปอีกหลายปี
แนวโน้มนี้กระทบตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือเดสก์ท็อปโดยตรง
จุดนี้ประสิทธิ์เชื่อว่าแนวโน้มนี้เห็นได้ชัดเจนเมื่อไมโครซอฟท์ประกาศนโยบายวินโดวส์
8
ว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันใหม่จะรันบนโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตเป็นหลัก
การไม่มีชื่อเดสก์ท็อปเป็นสัญญาณว่าตลาดเดสก์ท็อปกำลังถึงทางตัน
หัวเว่ยโฟน (Huawei Phone) หน้าจอใหญ่
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เดสก์ท็อปกำลังถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในไม่ได้
จุดนี้ทำให้ไม่มีใครอยากมาใช้เดสก์ท็อปซึ่งกำลังจะเป็น Death top ในไม่ช้า
เชื่อว่าปี 2556 ยอดขายเดสก์ท็อปจะลดลง"
***ปีแห่งระบบนิเวศน์ดิจิตอล
อนาคตย่อมเป็นผลจากปัจจุบัน ตลาดไอทีปี 2556
ก็จะเป็นปีที่รับอิทธิพลจากระบบนิเวศน์ดิจิตอลในปี 2555
เช่นกัน
เชื่อว่าตลาดออนไลน์ปีนี้จะได้รับแรงหนุนจากนโยบายของยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์
"ปี 2555
มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ผิดเพี้ยนไปจากที่คาดการณ์ เช่นการเปิดตัววินโดวส์ 8
ที่ไมโครซอฟท์เลื่อนจากกำหนดการเดิมคือกลางปีมาเป็นปลายปีจนทำให้ตลาดพีซีซบเซาไปตามกัน
หรือการสั่นสะเทือนบัลลังก์ยักษ์ใหญ่แอปเปิล
ซึ่งแอนดรอยด์สามารถขยายฐานอำนาจได้รวดเร็วในปี55
พร้อมกับพี่ใหญ่วงการไอทีที่เริ่มเปลี่ยนจากฝั่งญี่ปุ่นมาเป็นเกาหลี
ทั้งหมดนี้มีผลกับปี 56 ทั้งสิ้น"
ประสิทธิ์เชื่อว่านโยบายไมโครซอฟท์ที่เปลี่ยนตัวเองจากบริษัทซอฟต์แวร์เป็นบริษัทฮาร์ดแวร์นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกับตลาดไอทีแล้วในขณะนี้
ยังมียักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่างอินเทลที่กำลังขยายไปยังอุปกรณ์พกพา
รวมถึงยักษ์ใหญ่โลกออนไลน์อย่างกูเกิล ที่มีแผนปรับเปลี่ยนผลการค้นหาหรือผลเสิร์ช
ให้นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันทุกด้านเป็นกลุ่มก้อนที่จะให้ความรู้ได้ครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งหมดจะส่งผลถึงผู้บริโภคในปี 2556
"การแข่งขันของแอปเปิลในสมรภูมิไอทีปี
2556 นั้นเป็นเรื่องน่าสนใจ
เพราะรูปแบบการแข่งขันจะย้อนไปเหมือนสมัยพีซี
ไมโครซอฟท์ร่วมกับผู้ผลิตพีซีทั่วโลกสู้กับแอปเปิลที่ไม่มีพันธมิตรรายใด
ในตลาดสมาร์ทโฟน แอปเปิลก็กำลังต้องสู้กับผู้ผลิตทุกค่ายที่ใช้แอนดรอยด์เหมือนกัน
โดยซัมซุงในปี 2556
เชื่อว่าจะยังคิดต่างด้วยการต่อยอดและพัฒนาขึ้น"
ในมุมตลาดออนไลน์
ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างอเมซอนนั้นชูนโยบายพัฒนาฮาร์ดแวร์ราคาประหยัดเพื่อบุกตลาดคอนซูเมอร์
จุดนี้แม้จะยังไม่แน่ว่าจะทำอะไรอีกในปี 2556
แต่เชื่อว่าตลาดจะได้รับแรงดันจากการเคลื่อนไหวของอเมซอนโดยตรง
นอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมสุดฮิตที่กำลังพยายามทำเงินจากบริการของตัวเอง
เช่น การสั่งของขวัญให้เพื่อน
การส่งเฟซบุ๊กให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกทางอีเมลแล้วเก็บค่าบริการ 1
เหรียญ ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กไม่ต้องพึ่งรายได้จากการโฆษณาทั้งหมด ขณะเดียวกัน
เฟซบุ๊กก็พยายามทำระบบค้นหาหรือเสิร์ชให้เก่งขึ้น เพื่อรองรับโฆษณาให้ดีขึ้น
"มีแนวโน้มว่าเฟซบุ๊กจะสร้างฮาร์ดแวร์
แต่ยังไม่ออกสักที คาดว่าไม่พ้นจากสมาร์ทโฟน และอาจได้เห็นในปี 2556
ผมเชื่อว่าเครื่องจะรันแอปพลิเคชันได้
และสามารถเชื่อมต่อกับเน็ตเพื่อเข้าถึงคลาวด์ คอนเซ็ปต์หลักของอุปกรณ์คือแบบนี้
เชื่อว่าทีวีในอนาคตก็จะเป็นแบบนี้ เข้าสู่ห้องนั่งเล่น
เชื่อว่าจะมีการพัฒนาให้สามารถใช้ได้จอเดียว จากปัจจุบันที่ใช้หลายจอ"
ประสิทธิ์เชื่อว่าทีวีจะมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในปี 2556
โดยอาจจะมีการพัฒนาเป็นทีวีที่สามารถสื่อสารกับผู้ชมได้ 2
ทาง แก้ปัญหาดั้งเดิมของทีวีที่สื่อสารทางเดียว หรือต้องใช้อุปกรณ์อื่นด้วย
เช่นโทรศัพท์
"ทั้งหมดนี้ทำให้ปี
2556 คือปีแห่ง Ubiquitous คำว่า
Ubiquitous คือช่วงเวลาที่คนไอทีเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในหลังยุคแห่งพีซี
อุปกรณ์จะทำให้คนเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องอยู่กับมัน"
ประสิทธิ์เชื่อว่าทีวีจะมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนในปี
2556
***หลายเทคโนโลยีเปลี่ยนและยังไม่เกิด
ประสิทธิ์เชื่อว่าอัลตราบุ๊ก
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพกพาขนาดบางเบาพิเศษที่อินเทลจงใจปั้นแต่งนั้นจะยังไม่แพร่หลายในปี
2556 เหตุผลคือราคายังแพงจนอาจทำให้โครมบุ๊ก (Chrome
book) ของกูเกิลมีอิทธิพลมากกว่า
หากในตลาดมีเครือข่ายที่พร้อม เพราะเครื่องสามารถใช้งานได้รวดเร็ว สะดวกสบาย
และราคาถูก
โครมบุ๊กคือโน้ตบุ๊กที่ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ลงในเครื่อง
แต่จะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันและเก็บบันทึกไฟล์ให้สามารถเปิดเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลา
จุดนี้ส่งผลถึงอุปกรณ์ระบบ"คลาวด์ส่วนตัว"ที่จะมีอิทธิพลมากขึ้นในปี 2556
โดยเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบคลาวด์ของบ้าน
(ที่มีความจุมากกว่าระบบคลาวด์ของระบบสมาร์ทโฟน)
จะได้รับความนิยมในรูปอุปกรณ์เอ็กซ์เทอร์นอลฮาร์ดไดร์ฟที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ได้
โดยผู้ใช้สามารถส่งภาพหรือไฟล์เพื่อแบ่งปันให้สมาชิกในบ้านได้สะดวกกว่า
อุปกรณ์นี้เริ่มจำหน่ายในไทยแล้วด้วยราคา 4 พันบาท
อีกเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงไปคืออีอิงก์
หรือหมึกอิเล็กทรอนิกส์ที่จะพัฒนาไปเป็นอุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากเครื่องอ่านอีบุ๊กมากขึ้นในปีนี้
โดยอาจไปอยู่บนบัตรเครดิต หรือบนเคสโทรศัพท์มือถือสำหรับดูข้อมูลที่ไม่ต้องการอัปเดทเรียลไทม์
ซึ่งจะลดการใช้พลังงานของสมาร์ทโฟนลงเพราะผู้ใช้ไม่ต้องเปิดหา
เบื้องต้นเคสลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า"เคสดูอัลสกรีน"
กำหนดการวางขายคือปี 2556
ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดกับเทคโนโลยีรหัสผ่านด้วยในปี 2556
รหัสผ่านจะถูกมองว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไปเพราะข่าวการแฮกหรือความผิดพลาดซึ่งทำให้เกิดความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทั้งหมดนี้ทำให้การตั้งรหัสผ่านด้วยข้อความกำลังลดอิทธิพล
และจะส่งให้เกิดแนวคิดใหม่ของการตั้งรหัสผ่านในปีนี้
"รหัสผ่านที่คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในปีหน้าคือการใช้ภาพ
โดยผู้ใช้จะตั้งค่าจุดที่สัมผัสเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ยังมีการใช้ข้อมูลชีวภาพ เช่น
ระบบลายนิ้วมือหรือการใช้ระบบเส้นเลือดดำ
รวมถึงการใช้ข้อมูลส่วนตัวหลายข้อเป็นคำถาม (Multi factor Password) และการใช้สมาร์ทการ์ด"
***ปีแห่งอีคอมเมิร์ชหลายช่องทาง
"อีคอมเมิร์ชก่อนนี้อยู่เฉพาะบนคอมพิวเตอร์
วันนี้จะเป็น Multi Storefront E Commerce ที่จะพร้อมขายได้บนหลายอุปกรณ์ทั้งสมาร์ทโฟน
แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อป"
โครมบุ๊ก (Chrome book) ของกูเกิล
ประสิทธิ์อธิบายว่าสิ่งที่เกิดวันนี้คือการค้าออนไลน์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกันหรือ
C2C นั้นเติบโตต่อเนื่อง
เชื่อว่าทิศทางนี้จะขยายตัวต่อไปในปี 2556
ปัจจัยเอื้อที่สำคัญคือความพร้อมของอุปกรณ์พกพาที่พร้อมให้ผู้บริโภคสร้างคอนเทนต์และลงมาจำหน่ายสินค้าออนไลน์ด้วยตัวเอง
ขณะที่เครือข่ายสังคมอย่าง Pinterest ก็ช่วยให้เกิดการขายได้ตลอดเวลา
แนวโน้มเหล่านี้ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชส่อแววปรับตัวต่อเนื่องในปี 2556
บางส่วนอาจปรับตัวเองให้สามารถทำเงินกับระบบ C2C ที่มากกว่าโฆษณา
เช่น การลงทุนระบบเครื่องมือเปรียบเทียบราคา
หรือการร่วมมืออื่นๆที่ส่งเสริมให้เกิด C2C ที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจ
"ประเด็นที่น่าสนใจคืออีคอมเมิร์ชยุคปัจจุบันกำลังทำให้ร้านค้าจริงเป็นแค่โชว์รูมหรือเป็นจุดรับสินค้าเท่านั้น
โดยลูกค้าดิจิตอลจะเทียบราคาเพื่อนำไปซื้อบนออนไลน์ ตรงนี้เริ่มเห็นหลายเจ้าปรับตัว
เช่น บิ๊กซี หรือโลตัส ที่เริ่มขยายตลาดเข้าไปบนโลกอุปกรณ์ไอทีพกพา"
อีกแนวโน้มที่เชื่อว่าจะมาแรงในปี 2556
คือเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
เครื่องพิมพ์งานที่สามารถพิมพ์ชิ้นงานทั้งชิ้นได้
เช่นการพิมพ์ภาพปืนหนึ่งกระบอกทั้งด้านกว้าง ยาว และสูงลงในวัสดุพลาสติก
ข้อมูลระบุว่าขณะนี้ราคาเครื่องลดลงเหลือต่ำกว่า 1,000
เหรียญสหรัฐฯ
ซึ่งประสิทธิ์คาดว่าจะสามารถนำเครื่องมาโชว์ในงานคอมมาร์ตได้ช่วงกลางปี 2556
***ปีแห่งจุดเริ่มต้น
3G เต็มใบของไทย
"แนวโน้มตลาดไอทีบ้านเราคือผู้บริโภคจะซื้ออุปกรณ์มากขึ้น
สิ่งที่หลายคนคาดหวังคือ 3G จะทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์มากขึ้น
ซึ่งต้องมีคอนเทนต์เพิ่มขึ้น แต่ถ้าถามเรื่องสินค้าแต่ละตัว เชื่อว่าวินโดวส์ 8
จะต้องใช้เวลากว่าจะเริ่มขยายตัวแพร่หลายในช่วงไตรมาส 3
ปีหน้า เพราะต้นปียังเป็นการเทกระจาด ไตรมาส 2
เป็นการเปิดตลาดสินค้าใหม่ เชื่อว่าไตรมาส 3
จึงจะแพร่หลาย"
สำหรับตลาดไทย ประสิทธิ์เชื่อว่าอัลตราบุ๊กจะมาแรงในปี 2556
หากสามารถทำราคาลดลงถึงระดับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
เมื่อนั้นอัลตราบุ๊กจะสามารถทานกระแสแท็บเล็ตได้ เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊กที่สามารถถอดเปลี่ยนแปลงร่างหรือ
Convertible จะยังต้องใช้เวลา และต้องดูปัจจัยราคาเป็นสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น: