Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

25 มีนาคม 2556 สารีและพวกแฉ!! AIS ไม่ทำตามกฏ ค่าบริการไม่เกิน 0.99 บาทต่อนาที(โดยเฉพาะPROคุยสะใจ) // เสนอกสทช.ออกPROเบสิคแพ็คเกจคุมPROมือถือมั่ว


ประเด็นหลัก


นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า  แพคเก็จ "คุยสะใจ" ของเอไอเอส ที่คิดค่าบริการขั้นต่ำรายเดือน 350 บาท โทรทุกเครือข่ายได้ 360 นาที ทั้งๆ ที่แพคเก็จก่อนหน้านี้มีขั้นต่ำอยู่ที่เดือนละ 200 บาท ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานต่อผู้บริโภคแล้ว รวมถึงการคิดค่าบริการของแพ็คเกจนี้คิดเป็นรูปแบบเหมาจ่ายคือ จ่าย 2.75 บาท คุยได้ 3 นาที ซึ่งเมื่อเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 0.92 บาท ไม่เกินประกาศกำหนด และหากโทรเกินกว่านั้นจะคิดนาทีละ 0.50 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้าผู้บริโภคใช้งานเพียง 1 นาที หรือไม่เกิน 3 นาที ก็จะต้องจ่าย 2.75 บาททันที ทำให้ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ที่สำคัญหากผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนมาใช้แพ็คเกจขั้นต่ำตัวใหม่ ยังต้องเสียงค่าธรรมเนียม 10 - 30 บาทด้วย ซึ่งเป็นค่าบริการที่ไม่ควรคิด


"บางบริษัทยังมีการคิดค่าบริการเกิน 99 สตางค์อยู่ โดยอ้างว่าเป็นการเรียกเก็บตามแพ็คเกจเก่าที่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน และถ้าผู้บริโภคต้องการจะเปลี่ยนก็ต้องเสียเงิน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง และแม้จะมีแพ็คขั้นต่ำให้ลูกค้าเลือก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะราคายังสูงเกินความจำเป็นที่ต้องใช้ ดังนั้นค่ายมือถือต่างๆ ควรกำหนดเป็นแพ็คเกจที่คิดตามจริงมากกว่า ผ่านอัตราบริการนาทีละ 99 สตางค์ ไม่ใช่ยัดเยียดให้ผู้บริโภคแบบนี้"


ดร.ไพบูลย์  ช่วงทอง อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมว่า การคิดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงเพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งบังคับใช้เฉพาะบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาด ๒ รายคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็ดเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น พบว่า ผู้บริโภคยังประสบปัญหาในการใช้บริการดังต่อไปนี้คือ


       
“จนถึงขณะนี้เกือบครบ ๙๐ วันของการบังคับใช้ประกาศอัตราขั้นสูงแล้ว บริษัทยังไม่มีการดำเนินการปรับลดอัตราค่าบริการเสียงให้กับผู้บริโภคแบบอัตโนมัติ แต่อ้างรายการส่งเสริมการขายเดิม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กสทช.  ทั้งยังเอาเปรียบโดยหากผู้ใช้บริการต้องการใช้รายการส่งเสริมการขายที่เป็นไปตามกฎหมายจะต้องเสียเงินค่าเปลี่ยนโปรโมชั่นเองทั้งที่บริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย  นอกจากนี้บริษัทยังได้ออกรายการส่งเสริมการขายใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นไปตามกฎหมายแต่รายการส่งเสริมการขายดังกล่าวก็มีราคาสูงและเกินกว่าความจำเป็นของผู้บริโภคในการใช้บริการ เช่น กรณีที่ผู้ร้องใช้โทรศัพท์โทรไม่ถึง ๒๐๐ นาที แต่ถูกบังคับด้วยโปรโมชั่น เหมาจ่าย ๓๕๐ บาท โดยได้ ๓๖๐ นาที เท่ากับต้องจ่ายนาทีละ ๑.๗๕ บาท แม้บริษัทจะไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่ผู้ร้องต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากขึ้นจากเทคนิคของบริษัท “ดร.ไพบูลย์กล่าว
 
อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมกล่าวต่อไปว่า  สิ่งที่ต้องพิจารณานอกจาก สำนักงาน กสทช.  ควรต้องเร่งดำเนินการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ให้เป็นจริงแล้ว ควรมีการกำหนดเงื่อนไขการคิดค่าบริการแบบ Basic package หรือการมีโปรหลัก โดยให้ผู้บริโภคได้เลือกจากพฤติกรรมที่สอดคล้องกับการใช้งานของตน  ไม่มีสิทธิพิเศษเพิ่ม แต่ค่าบริการเรียกเก็บตามประกาศอัตราขั้นสูงฯ หรือเรียกเก็บตามที่ได้มีการใช้บริการจริง ขณะที่โปรโมชั่น หรือรายการส่งเสริมการขายคือสิ่งที่ผู้บริโภคสามารถเลือกเพื่อไปเสริมการใช้งานทั่วไปของตน และส่วนใหญ่จะมีการกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิไม่นาน เช่น ๓๐ วัน หรือ ๑๒ รอบบิล ขณะที่โปรหลักจะไม่มีการกำหนดระยะเวลา
 
“กสทช. ควรกำหนดนิยามของคำว่า รายการส่งเสริมการขาย และกำหนดเงื่อนไขการคิดค่าบริการให้ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอัตราค่าบริการ ไม่ควรนำเรื่อง Basic package มาปนกันมั่วกับส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย เพราะจะทำให้บริษัทสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้ กสทช. จึงต้องเข้าไปกำกับให้มีโปรหลัก และให้มีอัตราค่าบริการของ โปรหลักต่างๆไม่เกิน ๙๙ สตางค์ต่อนาที ส่วนรายการส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย ก็ต้องหมายถึงโปรเสริมซึ่งผู้บริโภคมีโอกาสเลือกได้ว่าจะจ่ายเพิ่มหรือไม่ ถ้าผู้บริโภคเลือกไม่จ่ายเพิ่ม ค่าบริการทุกนาทีของเขาก็จะต้องไม่เกิน ๙๙ สตางค์โดยผลของกฎหมาย” ดร.ไพบูลย์กล่าว\



_________________________________________



อนุฯคุ้มครองผู้บริโภคจี้กสทช.คุม99สต.


คณะคุ้มครองฯจวกกสทช.ไม่จริงจังบังคับใช้ประกาศอัตราขั้นสูง99สต. ระบุแม้ออกประกาศลงในราชกิจจาฯไปจะครบ90วัน ยังไม่เห็นค่ายมือถือยอมปฏิบัติ

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กสทช. ได้ประกาศเรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555 โดยกำหนดให้บริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาดทั้งสองรายคือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เนื่องจาก มีส่วนแบ่งการตลาดเกินกว่า 25% ไม่ให้คิดค่าบริการด้านเสียง (วอยซ์) เกินกว่า 0.99 บาทต่อนาทีนั้น ผ่านมากว่า 90 วัน ยังไม่มีบริษัทใดปฏิบัติตามประกาศนี้ รวมถึงยังยัดเยียดแพ็คเกจในรูปแบบที่ผิดกับประกาศที่กำหนดไว้อีกด้วย

เธอ ยกตัวอย่างว่า แพคเก็จ "คุยสะใจ" ของเอไอเอส ที่คิดค่าบริการขั้นต่ำรายเดือน 350 บาท โทรทุกเครือข่ายได้ 360 นาที ทั้งๆ ที่แพคเก็จก่อนหน้านี้มีขั้นต่ำอยู่ที่เดือนละ 200 บาท ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานต่อผู้บริโภคแล้ว รวมถึงการคิดค่าบริการของแพ็คเกจนี้คิดเป็นรูปแบบเหมาจ่ายคือ จ่าย 2.75 บาท คุยได้ 3 นาที ซึ่งเมื่อเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 0.92 บาท ไม่เกินประกาศกำหนด และหากโทรเกินกว่านั้นจะคิดนาทีละ 0.50 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้าผู้บริโภคใช้งานเพียง 1 นาที หรือไม่เกิน 3 นาที ก็จะต้องจ่าย 2.75 บาททันที ทำให้ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ที่สำคัญหากผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนมาใช้แพ็คเกจขั้นต่ำตัวใหม่ ยังต้องเสียงค่าธรรมเนียม 10 - 30 บาทด้วย ซึ่งเป็นค่าบริการที่ไม่ควรคิด

"บางบริษัทยังมีการคิดค่าบริการเกิน 99 สตางค์อยู่ โดยอ้างว่าเป็นการเรียกเก็บตามแพ็คเกจเก่าที่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน และถ้าผู้บริโภคต้องการจะเปลี่ยนก็ต้องเสียเงิน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง และแม้จะมีแพ็คขั้นต่ำให้ลูกค้าเลือก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะราคายังสูงเกินความจำเป็นที่ต้องใช้ ดังนั้นค่ายมือถือต่างๆ ควรกำหนดเป็นแพ็คเกจที่คิดตามจริงมากกว่า ผ่านอัตราบริการนาทีละ 99 สตางค์ ไม่ใช่ยัดเยียดให้ผู้บริโภคแบบนี้"

อย่างไรก็ดี การกระทำของผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย ถือเป็นการตีความประกาศที่กสทช. บังคับใช้ผิด เพื่อหาช่องทางคิดค่าบริการให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป แต่กสทช. ก็จำเป็นต้องมาวิเคราะห์ประกาศตัวดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างนี้ขึ้นมาอีกในอนาคต ที่สำคัญควรลงมากำกับค่าบริการนี้ให้เข้มข้นขึ้นอีก ดังนั้น ในต้นเดือนเมษายนนี้หากเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไข คณะอนุฯ จะเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้าไป เพราะครบ 90 วันแล้ว โดยเสนอให้มีการคิดค่าบริการแบบ “เบสิค แพคเก็จ” หรือการมีแพ็คเกจหลักที่มีราคาสมเหตุผล และคิดค่าบริการวอยซ์ไม่เกินนาทีละ 0.99 บาท ที่สำคัญต้องมีทั้งแบบเหมาจ่าย และคิดค่าบริการตามจริง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130325/496930/%CD%B9%D8%CF%A4%D8%E9%C1
%A4%C3%CD%A7%BC%D9%E9%BA%C3%D4%E2%C0%A4%A8%D5%E9%A1%CA%B7%AA.%A4%D8%C199%CA%B5..html


_____________________________________________



อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯเสนอกสทช.ออกเบสิคแพ็คเกจคุมโปรฯมือถือมั่ว



แฉหลังพบโปรโมชั่นมือถือมั่ว โปรหลักโปรเสริม แถมใช้เล่ห์บีบผู้บริโภคจ่ายแพงกว่าเดิม ๒ เท่า ด้วยแพ็คเกจเหมาจ่ายราคาสูงขึ้นแต่ไม่เกิน ๙๙ สตางค์ต่อนาที อนุกรรมการฯชี้ทางออกต้องมี เบสิคแพ็คเกจ คิดค่าโทรตรงไปตรงมา ตามประกาศอัตราขั้นสูงฯ


ดร.ไพบูลย์  ช่วงทอง อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมว่า การคิดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงเพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งบังคับใช้เฉพาะบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาด ๒ รายคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็ดเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น พบว่า ผู้บริโภคยังประสบปัญหาในการใช้บริการดังต่อไปนี้คือ

๑) ผู้บริโภคถูกบริษัทเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนโปรโมชั่น เนื่องจากบริษัทมิได้ปรับลดค่าบริการตามรายการส่งเสริมการขายต่างๆให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่องอัตราขั้นสูงฯ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้อย่างอัตโนมัติ ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการเสียค่าบริการในอัตราไม่เกิน ๙๙ สตางค์ ต่อนาที ต้องเลือกรายการส่งเสริมการขายที่บริษัทจัดไว้ให้ และต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงรายการส่งเสริมการขาย
๒) บริษัทฯ ยังคงเรียกเก็บค่าบริการเกิน ๙๙ สตางค์ เช่น คิดค่าโทรนอกเครือข่ายและนอกเวลาส่งเสริมการขาย ๑.๒๙ บาทต่อนาที โดยอ้างว่าเป็นการเรียกเก็บตามรายการส่งเสริมการขายเดิมจนกว่าระยะเวลาส่งเสริมการขายเดิมจะสิ้นสุด
๓) บริษัทฯมีการกำหนดเงื่อนไขการส่งเสริมการขายที่มีอัตราค่าบริการสูงขึ้น โดยไม่มีทางเลือกให้กับผู้บริโภค  เช่น กำหนดให้ต้องใช้ รายการ คุยสะใจ ค่าบริการขั้นต่ำรายเดือน ๓๕๐ บาท โทรทุกเครือข่าย ๓๖๐ นาที จากเดิมที่ผู้ร้องอาจใช้บริการเพียง ประมาณ ๒๐๐ บาทต่อเดือน
และ ๔) บริษัทมีการกำหนดเงื่อนไขการส่งเสริมการขาย เช่น รายการโทรสะใจ อัตราค่าโทรคิดแบบเหมาจ่ายคือ ๒.๗๕ บาท โทรได้ ๓ นาที เฉลี่ยนาทีละ ๙๒ สตางค์ โทรเกิน ๓ นาทีคิดนาทีละ ๕๐ สตางค์ ทุกเครือข่ายตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งหากผู้ใช้บริการโทรเพียง ๑ นาทีก็ต้องจ่ายค่าบริการในราคาเหมาจ่ายคือ ๒.๗๕ บาท
       
“จนถึงขณะนี้เกือบครบ ๙๐ วันของการบังคับใช้ประกาศอัตราขั้นสูงแล้ว บริษัทยังไม่มีการดำเนินการปรับลดอัตราค่าบริการเสียงให้กับผู้บริโภคแบบอัตโนมัติ แต่อ้างรายการส่งเสริมการขายเดิม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กสทช.  ทั้งยังเอาเปรียบโดยหากผู้ใช้บริการต้องการใช้รายการส่งเสริมการขายที่เป็นไปตามกฎหมายจะต้องเสียเงินค่าเปลี่ยนโปรโมชั่นเองทั้งที่บริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย  นอกจากนี้บริษัทยังได้ออกรายการส่งเสริมการขายใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นไปตามกฎหมายแต่รายการส่งเสริมการขายดังกล่าวก็มีราคาสูงและเกินกว่าความจำเป็นของผู้บริโภคในการใช้บริการ เช่น กรณีที่ผู้ร้องใช้โทรศัพท์โทรไม่ถึง ๒๐๐ นาที แต่ถูกบังคับด้วยโปรโมชั่น เหมาจ่าย ๓๕๐ บาท โดยได้ ๓๖๐ นาที เท่ากับต้องจ่ายนาทีละ ๑.๗๕ บาท แม้บริษัทจะไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่ผู้ร้องต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากขึ้นจากเทคนิคของบริษัท “ดร.ไพบูลย์กล่าว
 
อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมกล่าวต่อไปว่า  สิ่งที่ต้องพิจารณานอกจาก สำนักงาน กสทช.  ควรต้องเร่งดำเนินการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ให้เป็นจริงแล้ว ควรมีการกำหนดเงื่อนไขการคิดค่าบริการแบบ Basic package หรือการมีโปรหลัก โดยให้ผู้บริโภคได้เลือกจากพฤติกรรมที่สอดคล้องกับการใช้งานของตน  ไม่มีสิทธิพิเศษเพิ่ม แต่ค่าบริการเรียกเก็บตามประกาศอัตราขั้นสูงฯ หรือเรียกเก็บตามที่ได้มีการใช้บริการจริง ขณะที่โปรโมชั่น หรือรายการส่งเสริมการขายคือสิ่งที่ผู้บริโภคสามารถเลือกเพื่อไปเสริมการใช้งานทั่วไปของตน และส่วนใหญ่จะมีการกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิไม่นาน เช่น ๓๐ วัน หรือ ๑๒ รอบบิล ขณะที่โปรหลักจะไม่มีการกำหนดระยะเวลา
 
“กสทช. ควรกำหนดนิยามของคำว่า รายการส่งเสริมการขาย และกำหนดเงื่อนไขการคิดค่าบริการให้ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอัตราค่าบริการ ไม่ควรนำเรื่อง Basic package มาปนกันมั่วกับส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย เพราะจะทำให้บริษัทสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้ กสทช. จึงต้องเข้าไปกำกับให้มีโปรหลัก และให้มีอัตราค่าบริการของ โปรหลักต่างๆไม่เกิน ๙๙ สตางค์ต่อนาที ส่วนรายการส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย ก็ต้องหมายถึงโปรเสริมซึ่งผู้บริโภคมีโอกาสเลือกได้ว่าจะจ่ายเพิ่มหรือไม่ ถ้าผู้บริโภคเลือกไม่จ่ายเพิ่ม ค่าบริการทุกนาทีของเขาก็จะต้องไม่เกิน ๙๙ สตางค์โดยผลของกฎหมาย” ดร.ไพบูลย์กล่าว\
    ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค.56 มีเรื่องร้องเรียนกรณีเรื่องอัตราขั้นสูงค่าบริการเสียงจำนวน ๓๐๐ กว่าเรื่อง


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=175778:2013-03-25-09-41-22&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.