Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

10 กันยายน 2556 กสทช.ประวิทย์ ชี้TRUEMOVEการโอนย้ายอัตโนมัติขัดต่อประกาศ กทช.เรื่องสัญญาและคงสิทธิเลขหมาย(ต้องสมัครใจและอยู่เกิน90วัน)


ประเด็นหลัก



ทั้งนี้ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัททรูมูฟ ได้เริ่มส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ แจ้งว่า ทาง กสทช. ได้กำหนดให้บริษัทแจ้งว่าการให้บริการของบริษัทในคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 56 และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจะดำเนินการอัพเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนวันสิ้นบริการ 15 ก.ย. 56 กรณีไม่ต้องการอัพเกรดจะต้องโทรแจ้ง ซึ่งต่อมาปรากฏข้อความลักษณะเดียวกันบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทด้วย

เรื่องดังกล่าวมีการวิจารณ์จากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ในประเด็นที่ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสัมปทานสิ้นสุดลง ตลอดจนมีประเด็นกระทบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้บริโภคต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม หรือบางรายไม่ได้อยากใช้บริการของทรูมูฟเอชและพร้อมจะยุติการใช้บริการไปพร้อมกับการยุติบริการของทรูมูฟ เป็นต้น

ต่อเรื่องนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องและได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย

“ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลัก “เสนอสนองตรงกัน” ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเขนว่า “การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิของผู้ใช้บริการ” และข้อ 9 กำหนดว่า “ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ...” เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ”

กสทช. ประวิทย์ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบริษัทมีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิการโอนย้าย นอกจากนี้ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นเรื่องมีปัญหาในการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น กสทช. ประวิทย์ชี้ว่าน่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้นจึงขอส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานของบริษัท และหากประสบปัญหาก็แจ้งร้องเรียนมายัง กสทช. หมายเลข 1200 ได้..







______________________________________




ผู้บริโภคเจอ “ซิมดับ” ล่วงหน้าก่อนสัมปทานสิ้นสุด เหตุถูกโอนย้ายอัตโนมัติ

“หมอลี่” จี้สำนักงาน กสทช. เร่งบังคับผู้ให้บริการมือถือทำตามกฎหมาย

แม้ยังไม่ถึงวันที่ 15 กันยายน  ที่สัญญาสัมปทานการให้บริการมือถือจะสิ้นสุดลง แต่ผู้ใช้บริการมือถือค่ายทรูมูฟบางส่วนประสบปัญหา “ซิมดับ” เรียบร้อยแล้ว หลังถูกโอนย้ายไปยังบริการทรูมูฟ-เอชโดยอัตโนมัติและถูกล็อกห้ามย้ายกลับหรือย้ายไปค่ายอื่นใน 90 วัน “หมอลี่” ชี้การโอนย้ายบริการเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่ต้องแสดงเจตนา การที่ผู้ให้บริการกำหนดกติกาว่าใครไม่แจ้งความประสงค์แปลว่าต้องการโอนย้าย เข้าข่ายผิดประกาศของ กสทช. ทั้งเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ได้ทำหนังสือให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อกฎหมายพร้อมเร่งดำเนินการให้ถูกต้องแล้ว

จากกรณีสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเครือข่ายทรูมูฟและดีพีซีหรือดิจิตอลโฟนกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน ศกนี้ อันเป็นที่มาให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ออกประกาศ เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่ กสทช. เรียกว่า “ประกาศห้ามซิมดับ” แต่ปรากฏว่าในขณะนี้กลับเกิดปัญหา “ซิมดับ” ขึ้นแล้ว โดยตลอดช่วงต้นผู้ใช้บริการของเครือข่ายทรูมูฟมีการร้องเรียนและการโพสข้อความตามเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก  ว่าประสบปัญหาไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยบางกรณีเพียงไม่สามารถรับสายได้ แต่บางกรณีใช้ไม่ได้ทั้งโทรออกและรับสาย ภายหลังจากที่ถูกโอนย้ายบริการไปยังเครือข่ายทรูมูฟ-เอช ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่มีการร้องเรียนและแสดงความคิดเห็นกันมาก เนื่องจากในการโอนย้ายดังกล่าวนั้น ทางผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นฝ่ายแจ้งความประสงค์ แต่เกิดจากการดำเนินการโดยอัตโนมัติของทางบริษัท

ทั้งนี้ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัททรูมูฟ ได้เริ่มส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ แจ้งว่า ทาง กสทช. ได้กำหนดให้บริษัทแจ้งว่าการให้บริการของบริษัทในคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 56 และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจะดำเนินการอัพเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนวันสิ้นบริการ 15 ก.ย. 56 กรณีไม่ต้องการอัพเกรดจะต้องโทรแจ้ง ซึ่งต่อมาปรากฏข้อความลักษณะเดียวกันบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทด้วย

เรื่องดังกล่าวมีการวิจารณ์จากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ในประเด็นที่ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสัมปทานสิ้นสุดลง ตลอดจนมีประเด็นกระทบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้บริโภคต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม หรือบางรายไม่ได้อยากใช้บริการของทรูมูฟเอชและพร้อมจะยุติการใช้บริการไปพร้อมกับการยุติบริการของทรูมูฟ เป็นต้น

ต่อเรื่องนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องและได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย

“ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลัก “เสนอสนองตรงกัน” ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเขนว่า “การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิของผู้ใช้บริการ” และข้อ 9 กำหนดว่า “ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ...” เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ”

กสทช. ประวิทย์ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบริษัทมีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิการโอนย้าย นอกจากนี้ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นเรื่องมีปัญหาในการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น กสทช. ประวิทย์ชี้ว่าน่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้นจึงขอส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานของบริษัท และหากประสบปัญหาก็แจ้งร้องเรียนมายัง กสทช. หมายเลข 1200 ได้..


จดหมายถึงผม NBTC Rights


_______________________________________________


ผู้บริโภคเจอ “ซิมดับ” ล่วงหน้าก่อนสัมปทานสิ้นสุด“หมอลี่” จี้บังคับผู้ให้บริการมือถือทำตามก.ม.

แม้ยังไม่ถึงวันที่ 15 กันยายน  ที่สัญญาสัมปทานการให้บริการมือถือจะสิ้นสุดลง แต่ผู้ใช้บริการมือถือค่ายทรูมูฟบางส่วนประสบปัญหา “ซิมดับ” เรียบร้อยแล้ว หลังถูกโอนย้ายไปยังบริการทรูมูฟ-เอชโดยอัตโนมัติและถูกล็อกห้ามย้ายกลับหรือย้ายไปค่ายอื่นใน 90 วัน “หมอลี่” ชี้การโอนย้ายบริการเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่ต้องแสดงเจตนา การที่ผู้ให้บริการกำหนดกติกาว่าใครไม่แจ้งความประสงค์แปลว่าต้องการโอนย้าย เข้าข่ายผิดประกาศของ กสทช. ทั้งเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งนี้ได้ทำหนังสือให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อกฎหมายพร้อมเร่งดำเนินการให้ถูกต้องแล้ว

จากกรณีสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเครือข่ายทรูมูฟและดีพีซีหรือดิจิตอลโฟนกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน ศกนี้ อันเป็นที่มาให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ออกประกาศ เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่ กสทช. เรียกว่า “ประกาศห้ามซิมดับ” แต่ปรากฏว่าในขณะนี้กลับเกิดปัญหา “ซิมดับ” ขึ้นแล้ว โดยตลอดช่วงต้นผู้ใช้บริการของเครือข่ายทรูมูฟมีการร้องเรียนและการโพสข้อความตามเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก  ว่าประสบปัญหาไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยบางกรณีเพียงไม่สามารถรับสายได้ แต่บางกรณีใช้ไม่ได้ทั้งโทรออกและรับสาย ภายหลังจากที่ถูกโอนย้ายบริการไปยังเครือข่ายทรูมูฟ-เอช ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่มีการร้องเรียนและแสดงความคิดเห็นกันมาก เนื่องจากในการโอนย้ายดังกล่าวนั้น ทางผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นฝ่ายแจ้งความประสงค์ แต่เกิดจากการดำเนินการโดยอัตโนมัติของทางบริษัท

ทั้งนี้ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัททรูมูฟ ได้เริ่มส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ แจ้งว่า ทาง กสทช. ได้กำหนดให้บริษัทแจ้งว่าการให้บริการของบริษัทในคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 56 และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจะดำเนินการอัพเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนวันสิ้นบริการ 15 ก.ย. 56 กรณีไม่ต้องการอัพเกรดจะต้องโทรแจ้ง ซึ่งต่อมาปรากฏข้อความลักษณะเดียวกันบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทด้วย

เรื่องดังกล่าวมีการวิจารณ์จากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ในประเด็นที่ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสัมปทานสิ้นสุดลง ตลอดจนมีประเด็นกระทบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้บริโภคต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม หรือบางรายไม่ได้อยากใช้บริการของทรูมูฟเอชและพร้อมจะยุติการใช้บริการไปพร้อมกับการยุติบริการของทรูมูฟ เป็นต้น

ต่อเรื่องนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องและได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย

“ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลัก “เสนอสนองตรงกัน” ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเขนว่า “การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิของผู้ใช้บริการ” และข้อ 9 กำหนดว่า “ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ...” เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ”

กสทช. ประวิทย์ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบริษัทมีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิการโอนย้าย นอกจากนี้ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นเรื่องมีปัญหาในการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น กสทช. ประวิทย์ชี้ว่าน่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้นจึงขอส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานของบริษัท และหากประสบปัญหาก็แจ้งร้องเรียนมายัง กสทช. หมายเลข 1200 ได้


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=198446:2013-09-10-11-23-
24&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524


_______________________________________


ผู้บริโภคเจอ 'ซิมดับ' ทรูมูฟ มัดมือชกลูกค้าย้ายค่ายไปทรูมูฟเอชเสี่ยงผิดกม.



       แม้ยังไม่ถึงวันที่ 15 ก.ย.ที่สัญญาสัมปทานการให้บริการมือถือจะสิ้นสุดลง แต่ผู้ใช้บริการมือถือค่ายทรูมูฟบางส่วนประสบปัญหา 'ซิมดับ' เรียบร้อยแล้ว หลังถูกโอนย้ายไปยังบริการทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติและถูกล็อกห้ามย้ายกลับหรือย้ายไปค่ายอื่นใน 90 วัน 'กสทช.ประวิทย์' ชี้ทรูมูฟทำผิดประกาศกสทช.ทั้งเรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโดยได้ทำหนังสือให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อกฎหมายพร้อมเร่งดำเนินการให้ถูกต้องแล้ว
     
       จากกรณีสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์มือถือของเครือข่ายทรูมูฟและดีพีซีหรือดิจิตอลโฟนกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.ย. อันเป็นที่มาให้ กสทช. ออกประกาศ เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราวในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่ กสทช. เรียกว่า 'ประกาศห้ามซิมดับ' แต่ปรากฏว่าในขณะนี้กลับเกิดปัญหา 'ซิมดับ' ขึ้นแล้ว
     
       ทั้งนี้ผู้ใช้บริการของเครือข่ายทรูมูฟมีการร้องเรียนและการโพสต์ข้อความตามเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก ว่าประสบปัญหาไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยบางกรณีเพียงไม่สามารถรับสายได้ แต่บางกรณีใช้ไม่ได้ทั้งโทร.ออกและรับสาย ภายหลังจากที่ถูกโอนย้ายบริการไปยังเครือข่ายทรูมูฟ-เอช ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่มีการร้องเรียนและแสดงความคิดเห็นกันมาก เนื่องจากในการโอนย้ายดังกล่าวนั้น ทางผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นฝ่ายแจ้งความประสงค์ แต่เกิดจากการดำเนินการโดยอัตโนมัติของทางบริษัท
     
       โดยตั้งแต่ประมาณกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางบริษัททรูมูฟ ได้เริ่มส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ แจ้งว่า ทาง กสทช. ได้กำหนดให้บริษัทแจ้งว่าการให้บริการของบริษัทในคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลง 15 ก.ย. 56 และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 และเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจะดำเนินการอัปเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนวันสิ้นบริการ 15 ก.ย. 56 กรณีไม่ต้องการอัปเกรดจะต้องโทร.แจ้ง ซึ่งต่อมาปรากฏข้อความลักษณะเดียวกันบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัทด้วย
     
       เรื่องดังกล่าวมีการวิจารณ์จากผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ในประเด็นที่ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสัมปทานสิ้นสุดลง ตลอดจนมีประเด็นกระทบถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น ผู้บริโภคต้องการใช้โปรโมชันเดิม หรือบางรายไม่ได้อยากใช้บริการของทรูมูฟเอชและพร้อมจะยุติการใช้บริการไปพร้อมกับการยุติบริการของทรูมูฟ เป็นต้น
     
       กรณีดังกล่าว น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องและได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่าการโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้นเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย
     
       'ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลัก เสนอสนองตรงกัน ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเจนว่า การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิของผู้ใช้บริการ และข้อ 9 กำหนดว่า ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ... เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ'
     
       น.พ.ประวิทย์ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบริษัทมีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิการโอนย้าย นอกจากนี้ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย
     
       ส่วนประเด็นเรื่องมีปัญหาในการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น น่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้นจึงขอส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานของบริษัท และหากประสบปัญหาก็แจ้งร้องเรียนมายัง กสทช. หมายเลข 1200 ได้
     

http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000114142


__________________________________________


บี้ กสทช.สอบ ทรูมูฟมัดมือลูกค้า โอนย้ายอัตโนมัติ
หน้าหลัก » เศรษฐกิจ

กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคฯ ยื่นหนังสือสำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ทรูมูฟ โอนย้ายผู้ใช้บริการอัตโนมัติขัดประกาศ กทช.หรือไม่ หลังพบผู้ใช้บริการเครือข่ายทรูมูฟร้องเรียนปัญหา จ่อรับก่อนครบกำหนดสิ้นสุดอายุสัมปทาน 15ก.ย.นี้ ...

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดปัญหา “ซิมดับ” ขึ้นแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ กสทช.แสดงความกังวลกรณีอายุสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรูมูฟ และ ดีพีซี หรือดิจิตอลโฟน จะครบกำหนดสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.นี้  โดยพบว่าขณะนี้ผู้ใช้บริการเครือข่ายทรูมูฟมีการร้องเรียนและการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียถึงปัญหาไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยบางกรณีเพียงไม่สามารถรับสายได้ แต่บางกรณีไม่สามารถใช้การได้ทั้งโทรออกและรับสาย  ภายหลังจากถูกโอนย้ายบริการไปยังเครือข่ายทรูมูฟ-เอช ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่มีการร้องเรียนและแสดงความคิดเห็นมาก เนื่องจากในการโอนย้ายดังกล่าวนั้น ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการไม่ได้เป็นฝ่ายแจ้งความประสงค์ แต่เกิดจากการดำเนินการโดยอัตโนมัติของทรู

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ทรูมูฟ ได้ส่งข้อความสั้น (SMS) ถึงผู้ใช้บริการ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือบนคลื่น 1800 MHz จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.ย. นี้ และจะใช้งานต่อได้ไม่เกิน 15 ก.ย. 57 โดยทรูมูฟจะอัพเกรดเลขหมายให้เป็นทรูมูฟเอชโดยอัตโนมัติก่อนสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน ทั้งนี้ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง  ส่วนกรณีไม่ต้องการอัพเกรดลูกค้าจะต้องโทรแจ้งให้ทรูมูฟทราบ

อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่าเป็นรูปแบบของการบังคับโอนย้ายโดยผู้บริโภคไม่ได้เลือก และโอนย้ายก่อนถึงวันสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน  ซึ่งกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคในกรณีต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม หรือ บางรายไม่ต้องการใช้บริการเครือข่ายทรูมูฟ หรือยุติการใช้บริการ

นายประวิทย์ กล่าวว่า ตนได้รับทราบปัญหาดังกล่าว และทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. แล้ว เพื่อให้ตรวจสอบว่า การโอนย้ายผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัตินั้น เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และสอดคล้องกับมติ กทค. หรือไม่ ตลอดจนให้สำนักงาน กสทช. กำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วย

“ในส่วนการวิเคราะห์ของผมเห็นว่าเรื่องการโอนย้ายอัตโนมัตินั้นขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และเรื่องหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิ์เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2549 เพราะไม่เป็นไปตามหลักเสนอสนองตรงกัน  ขณะเดียวกันก็ขัดต่อประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์บริการคงสิทธิ์เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย เพราะประกาศข้อ 6 ระบุชัดเขนว่า การคงสิทธิ์เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นสิทธิ์ของผู้ใช้บริการ และข้อ 9 กำหนดว่า ในการขอโอนย้ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ผู้ใช้บริการยื่นคำขอ เพราะข้อกำหนดของบริษัทกลายเป็นว่า ใครไม่อยากถูกโอนย้ายต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่อง หากอยู่เฉยเท่ากับยอมรับการโอนย้ายอัตโนมัติ” นายประวิทย์ กล่าว

กรรมการ กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ยังกล่าวด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของ ทรูมูฟ มีการอ้าง กสทช. ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ทั้งที่ความจริงที่ กสทช. ให้ทำคือให้แจ้งเรื่องวันสิ้นสุดสัมปทานและแจ้งสิทธิ์การโอนย้าย นอกจากนี้ ในการพิจารณากรณีร่างประกาศเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็ยืนยันหลักการโอนย้ายตามความสมัครใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับมติ กทค. ด้วย จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะบังคับให้บริษัทดำเนินการให้ถูกต้องตามมติและตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นปัญหาการใช้บริการหลังโอนย้ายนั้น น่าจะเป็นข้อขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งบริษัทจะต้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่มีหลักกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วคือ หากผู้บริโภคประสงค์จะโอนย้ายค่ายเมื่อไร ทางผู้ให้บริการจะต้องตอบสนอง ไม่สามารถอ้างเรื่องต้องคงอยู่จนครบ 90 วันได้ เพราะ กสทช. ไม่เคยให้ความเห็นชอบกับการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เป็นหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการไปกำหนดกันเอาเอง ดังนั้น จึงสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิ์ โดยไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของพนักงานททรูมูฟ  หรือแจ้งร้องเรียนต่อ กสทช. ผ่านหมายเลข 1200.

โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/eco/368988

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.