19 พฤษภาคม 2557 วันทูวัน.สุกัญญา ระบุ การ บริการศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก
ประเด็นหลัก
นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO บริษัทในกลุ่มสามารถ ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) เปิดเผยว่า ธุรกิจให้บริการข้อมูลลูกค้า หรือ Outsource Customer Services ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก จากแนวโน้มการแข่งขันพัฒนาคุณภาพบริการขององค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้องค์กร
และเพื่อพัฒนาบริการและขยายธุรกิจรองรับการเติบโต ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 50% เช่น ระบบคลาวด์ และอีก 50% ขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา, ลาว, พม่า และเวียดนาม เพราะมีโอกาสเติบโตได้ดี โดยจะให้บริการครอบคลุมการติดตั้งระบบแบบเทิร์นคีย์ และรับจ้างให้คำปรึกษา และให้บริการเอาต์ซอร์ซ
______________________________________
"วันทูวัน" โหมคอนแท็กต์เซ็นเตอร์ปั๊มรายได้โต 40%
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"วันทูวัน" รุกหนักตลาดคอนแท็กต์เซ็นเตอร์เร่งระดมทุน-ขยายธุรกิจควัก 300 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มทั้งในและต่างประเทศเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ตั้งเป้าปั๊มรายได้ทะลุพันล้านบาทในสิ้นปีเติบโต 40% ทั้งขยับสัดส่วนลูกค้าเอกชนเพิ่มเป็น 45% หวังลดความเสี่ยงภาครัฐลงทุนไม่ต่อเนื่อง
นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO บริษัทในกลุ่มสามารถ ผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) เปิดเผยว่า ธุรกิจให้บริการข้อมูลลูกค้า หรือ Outsource Customer Services ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก จากแนวโน้มการแข่งขันพัฒนาคุณภาพบริการขององค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้องค์กร
และเพื่อพัฒนาบริการและขยายธุรกิจรองรับการเติบโต ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 50% เช่น ระบบคลาวด์ และอีก 50% ขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา, ลาว, พม่า และเวียดนาม เพราะมีโอกาสเติบโตได้ดี โดยจะให้บริการครอบคลุมการติดตั้งระบบแบบเทิร์นคีย์ และรับจ้างให้คำปรึกษา และให้บริการเอาต์ซอร์ซ
"การแข่งขันในประเทศกลุ่มนี้เป็นการแข่งขันกับบริษัทนานาชาติที่เข้ามาลงทุนเช่นกัน คู่แข่งที่น่ากลัวในขณะนี้คือ ฟิลิปปินส์ เพราะประชากรมีความได้เปรียบด้านภาษาอังกฤษ และค่าแรงที่ต่ำ ปัจจุบันมีชาวฟิลิปปินส์ทำงานในคอนแท็กต์เซ็นเตอร์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน"
และจากความต้องการในการขยายธุรกิจไปในระดับภูมิภาค บริษัทได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ มี บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นสามัญ รวม 80 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 5.40 บาท (เสนอขายครั้งแรก 15 พ.ค. 2557) คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และระดมทุนได้กว่า 400 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายธุรกิจ
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 700 ล้านบาท มีกำไร 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เทียบปีที่ผ่านมาที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 3 ปีต่อเนื่อง (ปี 2554-2556 ที่ 38 ล้านบาท, 74 ล้านบาท และ 90 ล้านบาท ตามลำดับ)
ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน คิดเป็นสัดส่วน 60 : 40 เช่น ธุรกิจสายการบิน, ประกันภัย, ธุรกิจบริการ และธุรกิจการเงิน เป็นต้น มีพนักงานให้บริการกว่า 2,000 ที่นั่ง เฉลี่ยแล้วมีจำนวนสายโทร.เข้าปีละ 23 ล้านสาย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งบริษัทต้องการเพิ่มลูกค้าในส่วนของเอกชนมากขึ้นเป็น 45% เพราะภาครัฐมีปัญหาความไม่ต่อเนื่องแม้จะเป็นตลาดใหญ่
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1400315932
ไม่มีความคิดเห็น: