Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

19 พฤษภาคม 2557 GMM ระบุ “ช่อง one” เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผังรายการส่วนใหญ่ เป็นผังรายการเดิมของช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และ “ช่อง BiG” จะเริ่มออกอากาศวันที่ 23 พ.ค.


ประเด็นหลัก

       “ช่อง one” เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผังรายการส่วนใหญ่ เป็นผังรายการเดิมของช่องโทรทัศน์ผ่านดาว เทียม ซึ่งเป็นรายการ re-run แต่หลักจากนี้จะเริ่มมีรายการใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อรายการต่างๆเข้ามาเติมเต็มผัง รายการมากขึ้น ภาพลักษณ์ของช่อง one ก็จะชัดเจนมากขึ้น โดยความสมบูรณ์ของผังรายการนี้จะอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ไปจนถึงต้นปี 2558 ซึ่งจะปรับตัวให้เหมาะสม และสอดคล้องกับ กระแสตอบรับของตลาด
   
       สำหรับ “ช่อง BiG” จะเริ่มออกอากาศวันที่ 23 พ.ค. นี้ ซึ่งบริษัทฯ จะคัดเลือกรายการยอดนิยมจาก 6 ช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ฟรีทูแอร์) ที่บริษัทฯ มี มาลงในช่อง BIG โดยรายการดังกล่าว จะเป็นรายการที่ฐานผู้ชมที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว จะช่วยผลักดันให้ช่อง BiG ติดตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น


______________________________________


จีเอ็มเอ็มปลื้มนิวบิสซิเนส ยันทีวีดิจิตอลคือตัวต่อยอด



       จีเอ็มเอ็ม คุยโว นิวบิสซิเนสพุ่งแรง โฮมช้อปปิ้ง โต 181% พร้อมขาย กล่องรับสัญญาณดาวเทียม 2.7 ล้านกล่อง ด้านPay TV เพิ่มฐานสมาชิกได้ 1.8 แสนราย ดัน “ช่อง one” “ช่อง BiG” เสริมทัพ
     
       นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ “แกรมมี่” เปิดเผยว่า ปี 2557 นี้ เป็นปีแห่งธุรกิจทีวีดิจิตลตั้งแต่การประมูลช่องรายการทีวีดิจิตอลเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ ชนะการประมูลช่องทีวีดิจิตอล จำนวน 2 ช่อง คือ ช่องรายการทั่วไปประเภทความคมชัดสูง (Variety – HD) หรือช่อง “one” ที่หมายเลข 31 และช่องรายการทั่วไป ประเภทความคมชัดปกติ (Variety – SD) หรือช่อง “BiG” ที่หมายเลข 25 ด้วยจุดขายคือ คอนเทนต์คุณภาพ ที่มีให้รับชมอย่างหลากหลาย และถูกใจผู้ชม ดังผลงานที่เป็นที่ยอมรับที่ผ่านมา
     
       การลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิตอลนี้ สิ่งที่ได้ คือ การประหยัดต้นทุนค่าเช่าเวลาในช่องฟรีทีวีถึงปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งการเลือกที่จะมีช่องทีวีดิจิตอลของตนเองจะเปลี่ยนต้นทุนจากการเช่าเวลา มาเป็นต้นทุนจากการบริหารซึ่งคงที่ แม้รวมค่าเช่าโครงข่าย และค่าใบอนุญาตเฉลี่ยจ่ายรายปีแล้ว ก็รวมอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาทเท่านั้น ต่อไปธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ หลักให้กับบริษัทฯ”
       
       “ช่อง one” เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผังรายการส่วนใหญ่ เป็นผังรายการเดิมของช่องโทรทัศน์ผ่านดาว เทียม ซึ่งเป็นรายการ re-run แต่หลักจากนี้จะเริ่มมีรายการใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อรายการต่างๆเข้ามาเติมเต็มผัง รายการมากขึ้น ภาพลักษณ์ของช่อง one ก็จะชัดเจนมากขึ้น โดยความสมบูรณ์ของผังรายการนี้จะอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ไปจนถึงต้นปี 2558 ซึ่งจะปรับตัวให้เหมาะสม และสอดคล้องกับ กระแสตอบรับของตลาด
     
       สำหรับ “ช่อง BiG” จะเริ่มออกอากาศวันที่ 23 พ.ค. นี้ ซึ่งบริษัทฯ จะคัดเลือกรายการยอดนิยมจาก 6 ช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ฟรีทูแอร์) ที่บริษัทฯ มี มาลงในช่อง BIG โดยรายการดังกล่าว จะเป็นรายการที่ฐานผู้ชมที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว จะช่วยผลักดันให้ช่อง BiG ติดตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น
     
       “บริษัทฯ มีแผนในการลงทุนในธุรกิจใหม่นี้อย่างรอบคอบ จึงได้แบ่งการออกอากาศเป็นระยะ ซึ่งระยะแรกในช่วงเดือนกรกฎาคม จะเพิ่มความน่าสนใจของผังรายการด้วยรายการข่าว และรายการวาไรตี้ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่จะเข้ามา ธุรกิจทีวีดิจิตอลจะไม่ใช่ ธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ แต่จะเป็นธุรกิจที่ต่อยอด และเสริมทัพให้กับ ธุรกิจที่บริษัทฯดำเนินอยู่ เป็นการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่บริษัทฯ มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเป็นช่องทางให้ผลงานคุณภาพ ได้ออกสู่สายตาประชาชน บริษัทฯ จะดึงจุดแข็ง และความ
       ได้เปรียบในธุรกิจทีวีและคอนเทนต์ทั้งหมด ผลักดันให้ช่องทีวีดิจิตอลทั้ง 2 เป็นช่องรายการฮิตที่อยู่ในใจของผู้ชมได้ บริษัทฯ ยังเชื่อว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจใหม่นี้ให้เติบโตได้อย่าง มีเสถียรภาพ ซึ่งจะสร้างทั้งรายได้ และกำไรให้กับบริษัทฯ นอกจากนั้น การแจกคูปอง 22 ล้านใบ ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อแลกซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ซึ่งคาดว่าเป็นผลดีต่อการเติบโต ของธุรกิจทีวีดิจิตอล ช่วยให้ฐานผู้รับชมทีวีดิจิตอลเพิ่มได้รวดเร็วมากขึ้น และทำให้ช่องได้รับค่าโฆษณาในอัตราที่ดีขึ้น เร็วยิ่งขึ้น” นายปรีย์มน กล่าวเสริม
     
       สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 รายได้จากธุรกิจใหม่ ธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง ซึ่งมีการเติบโตอย่างมาก มีรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส เดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 181 ธุรกิจแพลตฟอร์ม GMM Z มีรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26 สร้างยอดขาย กล่องรับสัญญาณดาวเทียมถึง 2.7 ล้านกล่อง ธุรกิจ Pay TV สามารถขยายฐานสมาชิกได้ประมาณ 1.8 แสนราย ถือเป็นความสำเร็จ ในอีกระดับหนึ่งสำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ปัจจุบัน มีสัดส่วนของรายได้ธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 27 ของรายได้รวม
     
       ในขณะที่รายได้ของธุรกิจเดิม ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่มีความไม่แน่นอน และมีการชะลอการ ซื้อสื่อโฆษณาออกไป การแสดงคอนเสิร์ตต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วง ครึ่งหลังของปี จากการลงทุนในธุรกิจใหม่นี้ส่งผลให้ผลการ ดำเนินงานมีผลขาดทุน 791 ล้านบาท ถือเป็นลักษณะปกติ ของธุรกิจที่อยู่ในช่วงลงทุน ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถพลิกรายได้ให้กลับมาสู่ระดับปกติ ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
     
       ในไตรมาสที่ 2 ด้านการจัดการแสดงดนตรี แกรมมี่ได้รับกระแสตอบรับ ที่ดีจากจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดงดนตรีได้เต็มหมดทุกที่นั่ง อาทิเช่น “Genie Fest 16 ปี แห่งความร็อก” ที่จำหน่ายบัตรหมดได้อย่างรวดเร็ว และ “กล่อมกรุง” คอนเสิร์ตทรงคุณค่า จากศิลปินระดับตำนาน ที่ได้รับกระแสตอบรับดีไม่แพ้กัน เป็นสัญญาณบ่งชี้ผู้บริโภคได้ปรับตัว และกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากการจัดแสดงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และสำหรับธุรกิจภาพยนตร์ “คิดถึงวิทยา” โดยจีทีเอช สร้างรายได้ box office ทะลุ 100 ล้านบาทเช่นเคย ซึ่งจะมีรายรับบางส่วน เข้ามาในไตรมาสที่ 2 ด้วยเช่นกัน
     
       “แกรมมี่ มีแผนการลงทุนในปี 2557 โดยการใช้เงินทุนจากเงินสด ที่มีอยู่และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing Debt to Equity) อยู่ที่ 1.61 เท่า” นายปรีย์มนกล่าวสรุป


http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000054880

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.