Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

22 พฤษภาคม 2557 i-mobile บุกต่างประเทศ ยอดส่งออกมือถือไอ-โมบายอยู่ที่ 30,000 เครื่อง/ปี หลังใช้รุ่นดีทีวีเป็นตัวนำยอดส่งออกน่าจะแตะ 500,000 เครื่อง เพราะมี 20 ประเทศที่ทีวีดิจิทัลใช้ DVB-T2


ประเด็นหลัก

"เรามีบทเรียนจากการทำตลาดในต่างประเทศมาแล้ว ได้เรียนรู้สิ่งผิดพลาดในอดีตจึงปรับปรุงไม่ให้ซ้ำรอย เมื่อก่อนบุกไปตั้งสาขาในประเทศนั้นเอง จากนี้จะเป็นแค่คนขายสินค้า ดีลเลอร์รายไหนอยากได้เท่าไรก็สั่งซื้อ-วางเงินมาแล้วไปทำตลาดเอง ใน Business Unit จะมีทีมอบรมด้านเทคนิคให้ทีมบริการหลังการขายของดีลเลอร์ด้วย ตอนนี้ยอดส่งออกมือถือไอ-โมบายอยู่ที่ 30,000 เครื่อง/ปี หลังใช้รุ่นดีทีวีเป็นตัวนำยอดส่งออกน่าจะแตะ 500,000 เครื่อง เพราะมี 20 ประเทศที่ทีวีดิจิทัลใช้ DVB-T2 ตลาดไทยอย่างเดียว ปีหนึ่งก็ขายได้ 1-2 ล้านเครื่อง ถ้าส่งออกได้เชื่อว่าจะดันยอดขายรวมต่อปีถึง 10 ล้านเครื่องใน 2 ปีข้างหน้า พม่า ตะวันออกกลาง แอฟริกา เป็นเป้าหมายสำคัญ"



______________________________________


สามารถฯดันไอ-โมบายดีทีวีหัวหอกบุกตลาดต่างประเทศ



สามารถฯบุกเต็มสูบ ดัน "ไอ-โมบายดีทีวี" เป็นหัวหอกบุกต่างประเทศ ตะลุย 20 ประเทศที่ใช้ระบบ DVB-T2 ตั้งส่วนธุรกิจใหม่ใหม่คุมส่งออกหวังยอดทะลุ 5 แสนเครื่องภายในสิ้นปี วาดฝันตลาดอินเตอร์ดันยอดขายต่อปีแตะ 10 ล้านเครื่องภายใน 2 ปีข้างหน้า เล็งปรับสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเหลือ 30% รับมือรัฐบาลผันผวน

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 6,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิรวม 403 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 15% โดยมีรายได้จาก บมจ.สามารถ ไอ-โมบายเป็นแรงผลักดันสำคัญ ซึ่งในไตรมาส 1 ปีนี้มีรายได้ 3,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32% กำไรสุทธิ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%

โดยกระแสสมาร์ทโฟนและดิจิทัลทีวีเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาด แม้ยังมีปัญหาการเมือง แต่ยอดขายไอ-โมบายไตรมาสแรกปีนี้ทะลุ 1 ล้านเครื่องแล้ว จึงมั่นใจว่า 4 ล้านเครื่องปีนี้เป็นไปได้แน่ โดยเฉพาะหลังเปิดตัวไอ-โมบายดีทีวี 4 รุ่น มือถือแบรนด์แรกของโลกที่ดูทีวีดิจิทัลระบบ DVB-T2 ได้ฟรี เปิดตัวสัปดาห์เดียวขายได้ 20,000 เครื่องแล้ว ในไตรมาส 2 ตั้งเป้าเปิด 7 รุ่น ถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 10-12 รุ่น

ขณะที่บรรดาเจ้าของช่องทีวีดิจิทัลหลายราย อยากนำทั้งไอ-โมบายดีทีวี และเซตท็อปบ็อกซ์ (กล่องแปลงสัญญาณ) ทีวีดิจิทัลไปทำโปรโมชั่นกับผู้บริโภค น่าจะทำให้ยอดขายเฉพาะรุ่นดีทีวี ณ สิ้นปีเพิ่มมากกว่า 1.5 ล้านเครื่องจากเป้าเดิม รวมถึงมีดีลเลอร์ในต่างประเทศที่ใช้ทีวีดิจิทัลระบบ DVB-T2 ติดต่อนำไอ-โมบายดีทีวีไปขายด้วย จึงจะตั้ง Business Unit ขึ้นมาดูแลการส่งออกโดยเฉพาะ

"เรามีบทเรียนจากการทำตลาดในต่างประเทศมาแล้ว ได้เรียนรู้สิ่งผิดพลาดในอดีตจึงปรับปรุงไม่ให้ซ้ำรอย เมื่อก่อนบุกไปตั้งสาขาในประเทศนั้นเอง จากนี้จะเป็นแค่คนขายสินค้า ดีลเลอร์รายไหนอยากได้เท่าไรก็สั่งซื้อ-วางเงินมาแล้วไปทำตลาดเอง ใน Business Unit จะมีทีมอบรมด้านเทคนิคให้ทีมบริการหลังการขายของดีลเลอร์ด้วย ตอนนี้ยอดส่งออกมือถือไอ-โมบายอยู่ที่ 30,000 เครื่อง/ปี หลังใช้รุ่นดีทีวีเป็นตัวนำยอดส่งออกน่าจะแตะ 500,000 เครื่อง เพราะมี 20 ประเทศที่ทีวีดิจิทัลใช้ DVB-T2 ตลาดไทยอย่างเดียว ปีหนึ่งก็ขายได้ 1-2 ล้านเครื่อง ถ้าส่งออกได้เชื่อว่าจะดันยอดขายรวมต่อปีถึง 10 ล้านเครื่องใน 2 ปีข้างหน้า พม่า ตะวันออกกลาง แอฟริกา เป็นเป้าหมายสำคัญ"

ขณะที่ตลาดในประเทศแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี แต่กระแสเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ยอดขายไอ-โมบายยังไปได้เพราะเทียบสเป็กแล้วได้ของดีกว่าในราคาที่ถูกกว่า ยิ่งในต่างจังหวัดมีการเติบโตสูงมากเพราะเริ่มเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรก นโยบายบริษัทที่ปรับทิศทางจากฟีเจอร์โฟนมาสมาร์ทโฟนตั้งแต่ 2 ปีก่อน มาถูกทางแล้วช่วยดันราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องให้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 2,937 บาท/เครื่อง เพิ่มจากไตรมาสก่อนนี้ 11% เฉลี่ยเครื่องละ 2,641 บาท คาดว่าในไตรมาสหน้าจะทะลุ 3,000 บาท/เครื่อง ทำให้กำไรต่อเครื่องเพิ่มขึ้นด้วย

"ปีนี้กลุ่มสามารถพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจดิจิทัลทีวี ทั้งงานติดตั้งโครงข่ายสถานีของกรมประชาสัมพันธ์ที่อยู่ระหว่างการประมูล การจำหน่ายเซตท็อปบ็อกซ์ที่จะเข้าร่วมโครงการคูปองส่วนลดของ กสทช. ที่ปีนี้จะแจกคูปอง 11 ล้านครัวเรือน ทางสามารถวิศวกรรมเตรียมผลิตรุ่นพิเศษทั้งกล่องและเสาอากาศ 2 ล้านชุด ในราคาที่ประชาชนใช้คูปองได้เลยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม"

ส่วนการดำเนินงานของบริษัทสามารถเทลคอม จะพยายามหาลูกค้าเอกชนรายใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนภาครัฐในภาวะที่ยังมีปัญหาการเมือง โดยในไตรมาสแรกมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ไปแล้ว 1,152 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการในมือ เกือบ 7,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่รอเข้าประมูลปีนี้มีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท และจะพยายามหาแหล่งรายได้ประจำ อาทิ งานบำรุงรักษาระบบเพื่อให้มีความมั่นคงทางรายได้ในระยะยาว รวมถึงเป็นงานที่ทำกำไรได้ 20-30% ด้วย โดยปัจจุบันสามารถเทลคอมมีสัดส่วนรายได้ประจำอยู่ที่ 35.5% ของรายได้รวม

"ที่ผ่านมาบริษัทเรียนรู้จากวิกฤตการเมืองมาเยอะ จึงพยายามบาลานซ์รายได้มาตลอด ปัจจุบันมีรายได้จากภาครัฐ 40% แต่ปีหน้าจะพยายามลดบทบาทงานราชการให้เหลือ 30% ให้ได้ เพื่อไม่ต้องได้รับผลกระทบจากความผันผวนของรัฐบาล"



http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1400646805

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.