27 พฤษภาคม 2557 (เกาะติดประมูล4G) TRUE ต้องลงประมูลแน่นอน เพราะคลื่น 1800 MHz ที่จะประมูลเดือน ส.ค.จะนำมาให้บริการ 4G เพื่อเสริมคุณภาพ 4G คลื่น 2100 MHz ที่ให้บริการอยู่
ประเด็นหลัก
"การใช้งานดาต้าของลูกค้าเพิ่มขึ้นเร็วมาก แม้เราจะมี 3G และ 4G ให้บริการเพียงพอในตอนนี้ แต่ในอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน ดังนั้น การมีความจุคลื่นยิ่งมากจะเป็นประโยชน์ในการให้บริการ นอกจากช่วยเรื่องคุณภาพสัญญาณแล้ว ยังสร้างความแตกต่างเรื่องความเร็วกับค่ายอื่นด้วย เพราะคลื่น 1800 MHz ที่จะประมูลเดือน ส.ค.จะนำมาให้บริการ 4G เพื่อเสริมคุณภาพ 4G คลื่น 2100 MHz ที่ให้บริการอยู่ แต่ขอติง กสทช.เกี่ยวกับราคาตั้งต้นประมูลของทั้งสองคลื่นที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับประเทศอื่นโดยรอบ"
______________________________________
กลุ่มทรูเตรียมสู้ศึกชิงคลื่นใหม่ การเมืองฉุดมู้ดจับจ่ายงัดแผนระยะสั้นคุมค่าใช้จ่าย
"ทรู" ปักธงชิงดำ 2 คลื่นใหม่ ลั่นมีเงินพร้อมสู้ศึกเต็มสูบ ตั้งเป้าคว้าไลเซนส์ 1800 MHz เพิ่มคลื่นเสริมศักยภาพ 4G รองรับปริมาณการใช้งาน "ดาต้า" ที่โตฉุดไม่หยุด เผยพิษการเมืองไม่กระทบบริการมือถือ แต่ฉุดยอดขายเครื่อง เหตุผู้บริโภคชะลอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ทั้งเตรียมเสนอตัวเข้าร่วมโครงการคูปองส่วนลด กสทช.
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดราคาตั้งต้น และกรอบเวลาประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ในปีนี้ (ส.ค.และ พ.ย.ตามลำดับ) บริษัทได้เตรียมงบประมาณ และวางแผนกลยุทธ์เพื่อเข้าประมูลความถี่ทั้งสองคลื่น เนื่องจากการใช้ข้อมูล (ดาต้า) ของลูกค้าปัจจุบันเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การมีความจุคลื่นมากจะเป็นประโยชน์ในอนาคต ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับทุกคลื่นความถี่ และมีเป้าหมายประมูลชนะในคลื่น 1800 MHz ให้ได้ก่อน
"การใช้งานดาต้าของลูกค้าเพิ่มขึ้นเร็วมาก แม้เราจะมี 3G และ 4G ให้บริการเพียงพอในตอนนี้ แต่ในอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน ดังนั้น การมีความจุคลื่นยิ่งมากจะเป็นประโยชน์ในการให้บริการ นอกจากช่วยเรื่องคุณภาพสัญญาณแล้ว ยังสร้างความแตกต่างเรื่องความเร็วกับค่ายอื่นด้วย เพราะคลื่น 1800 MHz ที่จะประมูลเดือน ส.ค.จะนำมาให้บริการ 4G เพื่อเสริมคุณภาพ 4G คลื่น 2100 MHz ที่ให้บริการอยู่ แต่ขอติง กสทช.เกี่ยวกับราคาตั้งต้นประมูลของทั้งสองคลื่นที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับประเทศอื่นโดยรอบ"
จากปัจจัยทางการเมืองในขณะนี้มีผลกระทบต่อธุรกิจโทรคมนาคม และกลุ่มทรูได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่คิดเป็นสัดส่วนน้อย เนื่องจากลูกค้ายังชำระค่าบริการทั้งรายเดือน เติมเงินตรงเวลา และมีการใช้งานเพิ่มขึ้นตลอด เนื่องจากโมบายอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่รายได้จากการจำหน่ายเครื่องลดลง เพราะผู้บริโภคชะลอการเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากสถานการณ์ดีขึ้น ยอดขายคงกลับมาปกติ เพราะสมาร์ทโฟนมีราคาถูกลง
แต่ธุรกิจทีวีแบบบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี) ของทรูวิชั่นส์โดนผลกระทบพอสมควร เนื่องจากต้องสมัครสมาชิกรายเดือน และมีทีวีดิจิทัลเป็นทางเลือกใหม่ ทำให้ยอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในแพ็กเกจเริ่มต้น บริษัทจึงเตรียมแผนการตลาด เพื่อจูงใจผู้บริโภคกลับมาสมัครใช้บริการ เช่น เพิ่มช่องรายการความคมชัดสูง (เอชดี) และมีคอนเทนต์เสริมในแต่ละแพ็กเกจ เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างรายการทีวีดิจิทัล และดาวเทียมแบบฟรีทูแอร์
สำหรับการหาพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ปัจจุบันคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว รวมถึงการลงทุนขยายโครงข่ายที่ยังเดินหน้า แต่ในระยะสั้นจะมีการปรับแผนเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการเมืองที่ยังไม่นิ่ง โดยจะควบคุมค่าใช้จ่ายปลีกย่อยมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
นายศุภชัยเปิดเผยต่อว่า ธุรกิจเกี่ยวกับทีวีดิจิทัล นอกจากบริษัทมีช่องรายการเป็นของตัวเองแล้ว ยังรอเข้าร่วมโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล หรือคูปองส่วนลดด้วย โดยจะนำเข้ากล่องทีวีดาวเทียมที่ได้รับมาตรฐานจาก กสทช.เข้ามาจำหน่าย เพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ครัวเรือนในประเทศไทยจะหันไปชมทีวีดิจิทัลมากขึ้น
"กฎ Must Carry ที่ให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีนำช่องรายการที่อยู่ในทีวีดิจิทัล 36 ช่องขึ้นไปออกอากาศ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยเพิ่มคอนเทนต์ให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีทันที แต่สำหรับกลุ่มเพย์ทีวีไม่ควรกำหนดให้เรียงช่องรายการตามที่ออกอากาศในทีวีดิจิทัล ถึงแม้รายการเหล่านั้นจะมีเนื้อหาดี เพราะผู้บริโภคที่รับชมเพย์ทีวีต้องเสียค่าบริการ จึงควรได้รับสิทธิ์เรียงช่องที่สนใจได้เอง"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1400820091
ไม่มีความคิดเห็น: