27 พฤษภาคม 2557 IDC ได้คาดการณ์ อัตราการเติบโตของตลาดไอซีทีในประเทศไทย โดยปี 2557 คาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 5.5% หรือ คิดเป็นมูลค่าตลาดโดยรวมทั้ง 25.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 784.3 พันล้านบาท
ประเด็นหลัก
ไอดีซีได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ถึงอัตราการเติบโตของตลาดไอซีทีในประเทศไทยว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงของภูมิภาคนี้ แต่ขณะนี้เชื่อว่าอัตราการเติบโตดังกล่าวกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปี 2557 คาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 5.5% หรือ คิดเป็นมูลค่าตลาดโดยรวมทั้ง 25.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 784.3 พันล้านบาท (คิดที่ 31 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
โดยนายไมเคิล อาราเน็ตต้า หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ บริษัทไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดไอซีทีได้สูญเสียเม็ดเงินไปอย่างน้อย 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 23,250 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง แม้ว่าธุรกิจไอทีหลายสาขาจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไปจากวิกฤติที่ยัง ดำเนินอยู่ แต่ทว่าผลกระทบที่ใหญ่กว่าคือเม็ดเงินลงทุนของโครงการต่าง ๆ ที่มาจากหน่วยงานรัฐฯ ซึ่งได้ชะลอหรือถูกยกเลิกไป
"โครงการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นด้านของซอฟต์แวร์และบริการไอทีเป็นสำคัญ และกำลังเป็นเรื่องเศร้าของโครงการลงทุนเหล่านี้ที่ส่งผลลบต่อผู้ผลิต ซอฟต์แวร์ในประเทศและผู้รับเหมาวางระบบที่เป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องของการติด ตั้งใช้งาน โดยบริษัทในประเทศเหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง"
______________________________________
ตลาดICT ปี 57 วูบ2หมื่นล้าน
ไอดีซี ชี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักอย่างกะทันหันการใช้จ่ายด้านไอซีที โดยเฉพาะโครงการภาครัฐ ระบุ 6 เดือนเม็ดเงินลงทุนหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมีธุรกิจไอซีทีหลายสาขาได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว
alt รายงานการศึกษาล่าสุดของไอดีซี ประเทศไทย ที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับผลกระทบของความไม่มั่นคงทางการเมืองที่ยังดำเนินต่อไปได้ส่งผลลบต่อการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี
ไอดีซีได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ถึงอัตราการเติบโตของตลาดไอซีทีในประเทศไทยว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงของภูมิภาคนี้ แต่ขณะนี้เชื่อว่าอัตราการเติบโตดังกล่าวกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปี 2557 คาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 5.5% หรือ คิดเป็นมูลค่าตลาดโดยรวมทั้ง 25.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 784.3 พันล้านบาท (คิดที่ 31 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
โดยนายไมเคิล อาราเน็ตต้า หัวหน้าส่วนปฏิบัติการ บริษัทไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดไอซีทีได้สูญเสียเม็ดเงินไปอย่างน้อย 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 23,250 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง แม้ว่าธุรกิจไอทีหลายสาขาจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไปจากวิกฤติที่ยังดำเนินอยู่ แต่ทว่าผลกระทบที่ใหญ่กว่าคือเม็ดเงินลงทุนของโครงการต่าง ๆ ที่มาจากหน่วยงานรัฐฯ ซึ่งได้ชะลอหรือถูกยกเลิกไป
"โครงการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นด้านของซอฟต์แวร์และบริการไอทีเป็นสำคัญ และกำลังเป็นเรื่องเศร้าของโครงการลงทุนเหล่านี้ที่ส่งผลลบต่อผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในประเทศและผู้รับเหมาวางระบบที่เป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องของการติดตั้งใช้งาน โดยบริษัทในประเทศเหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับกลุ่มธุรกิจไอซีทีด้านอื่น ๆ พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของการลงทุนด้านไอซีทีอย่างต่อเนื่อง ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์นั้นเรากำลังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อบริษัทต่าง ๆ มุ่งให้ความสนใจในเรื่องความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ (Business Continuity)
นายไมเคิล กล่าวต่อไปว่าการขยายดาต้าเซ็นเตอร์และการทำเวอร์ชวลไลเซชันสำหรับดูแลรักษาระบบไอทีภายในองค์กรต่าง ๆ กำลังเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก
"สิ่งนี้ได้ส่งผลให้หลายๆ บริษัทในประเทศไทย เกิดความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่องสำหรับสตอเรจและซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย รวมถึงผลักดันให้เกิดความต้องการใช้งานบริการด้านบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคของห้างดาต้าเซ็นเตอร์ และการให้บริการบริหารงานไอทีสำหรับองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย"
ขณะที่นายจาริตร์ สิทธุ นักวิเคราะห์อาวุโสประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าวว่า "กลุ่มผู้บริโภคและเอสเอ็มอีเป็นกลุ่มที่มีผลกระทบอย่างมากจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของธุรกิจต่าง ๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดพีซีและแท็บเลตกำลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวดังกล่าว ส่วนตลาดโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผู้บริโภคก็ยังคงระมัดระวังและหันไปมองสินค้าที่มีราคาไม่สูง
นายจาริตร์ กล่าวต่อไปอีกว่า"ไอดีซี คาดว่า วิกฤตการณ์การเมืองจะส่งผลทำให้ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ พีซี ปีนี้หดตัวลง 20% และตลาดแท็บเลตหดตัวลง 27% ในขณะที่ตลาดโทรศัพท์มือถือคาดว่าจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยโดยลดลงเพียง 4%
ด้านนางสาวนีรนุช กนกวิไลรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโสประจำไอดีซีประเทศไทย กล่าว "การใช้จ่ายสำหรับบริการและอุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทเอกชนต่าง ๆ กำลังถูกชะลอออกไป โดยบริษัทต่าง ๆ กำลังอยู่ในสถานะที่รอคอยความชัดเจนก่อนและจะใช้จ่ายเฉพาะเรื่องที่จำเป็นในขณะนี้เท่านั้น"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=232137:ict--57-2&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U4QbRF5AfM4
ไม่มีความคิดเห็น: