07 สิงหาคม 2557 ช่อง 7 ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด
ประเด็นหลัก
ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด ขณะที่การควบรวมช่องครั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนค่าคอนเทนต์และค่าเช่าทรานสพอนเดอร์กว่า 20% นอกจากนี้บริษัทมีแผนร่วมเป็นพันธมิตรกับช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องใหม่ ในการผลิตรายการให้ ซึ่งบริษัทได้นำเสนอคอนเทนต์ทั้งในรูปแบบละคร ข่าว และรายการวาไรตีเข้าไปเสนอ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีทางเลือกหลากหลายมากขึ้นและมีทิศทางการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
"อุตสาหกรรมโทรทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น นอกจากเทรนด์ของผู้ชมที่เปลี่ยนไปแล้ว ในแง่การทำธุรกิจโทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย ต่อไปช่องต่างๆจะไม่ใช่คู่แข่งแต่จะกลายเป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันมากขึ้น"
______________________________
ช่อง7ควบรวมทีวีดาวเทียม ลดเสี่ยงเหลือช่องเดียว
ชี้แพลตฟอร์มทีวีเปลี่ยน จับตาดิจิตอลแรงแซงดาวเทียม "มีเดีย สตูดิโอ" พลิกตัวประกาศควบรวมช่องดาวเทียมเหลือ "มีเดีย แชนแนล" เริ่ม 12 สิงหาคมนี้ เผยเล็งจับมือพันธมิตรผลิตคอนเทนต์เพิ่ม หวังกวาดรายได้ปีหน้าทะลุหลักพันล้านบาท
นางสาวสุภาพรรณ วิสฤตาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด บริษัทเครือช่อง 7 เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ควบรวมช่องทีวีดาวเทียม คือ มีเดีย นิวส์ และ มีเดีย แชนแนล เข้ามาไว้ในช่องเดียวกัน เนื่องจากบริษัทมองเห็นแนวทางอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในประเทศไทยที่เปลี่ยนไป อีกทั้งเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้ชมขณะนี้ยังให้ความสนใจกับสื่อฟรีทีวีเป็นหลักทั้งในรูปแบบอะนาล็อกและดิจิตอล ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับแผนให้เหลือเพียง 1 ช่อง โดยมีเดีย นิวส์จะยุติการออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ พร้อมกับการรีลอนช์แบรนด์ "มีเดีย แชนแนล" ออกสู่ตลาด ซึ่งการควบรวมครั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 20%
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหรือเอเยนซีจะเลือกช่องทีวีทั้งในแพลตฟอร์มฟรีทีวี ทีวีดิจิตอล และทีวีดาวเทียมจะเลือกช่องทีวีที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของแต่ละแพลตฟอร์ม ดังนั้นภายในปี 2558 บริษัทจะพยายามผลักดันให้ช่องดังกล่าวติดอันดับ 1 ใน 3 ของทีวีดาวเทียม ขณะที่แพลตฟอร์มทีวีระบบอะนาล็อกยังได้เรตติ้งจากประชาชนเป็นอันดับ 1 และต่อไปทีวีดิจิตอลจะกลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 2 ที่ได้รับกระแสความนิยม ขณะที่สื่อทีวีดาวเทียมต่อไปจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาเติมเต็มเท่านั้น"
ขณะเดียวกันผังรายการใหม่จะเริ่มออกอากาศแบบเต็มรูปแบบในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยคอนเทนต์ที่ช่องมีเดีย แชนแนลจะนำมาออกอากาศโดยเฉพาะละครจะเป็นคอนเทนต์เก่าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ที่เคยมีเรตติ้งดีจะถูกนำกลับมาฉายซ้ำในช่องนี้อีกครั้ง
ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด ขณะที่การควบรวมช่องครั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนค่าคอนเทนต์และค่าเช่าทรานสพอนเดอร์กว่า 20% นอกจากนี้บริษัทมีแผนร่วมเป็นพันธมิตรกับช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องใหม่ ในการผลิตรายการให้ ซึ่งบริษัทได้นำเสนอคอนเทนต์ทั้งในรูปแบบละคร ข่าว และรายการวาไรตีเข้าไปเสนอ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีทางเลือกหลากหลายมากขึ้นและมีทิศทางการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
"อุตสาหกรรมโทรทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น นอกจากเทรนด์ของผู้ชมที่เปลี่ยนไปแล้ว ในแง่การทำธุรกิจโทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย ต่อไปช่องต่างๆจะไม่ใช่คู่แข่งแต่จะกลายเป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันมากขึ้น"
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยมาจาก 3 ธุรกิจคือ ฟรีทีวี 80% ทีวีดาวเทียม 10% และทีวีดิจิตอล 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=241307:7-&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.U-JF3VZAeuw
ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด ขณะที่การควบรวมช่องครั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนค่าคอนเทนต์และค่าเช่าทรานสพอนเดอร์กว่า 20% นอกจากนี้บริษัทมีแผนร่วมเป็นพันธมิตรกับช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องใหม่ ในการผลิตรายการให้ ซึ่งบริษัทได้นำเสนอคอนเทนต์ทั้งในรูปแบบละคร ข่าว และรายการวาไรตีเข้าไปเสนอ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีทางเลือกหลากหลายมากขึ้นและมีทิศทางการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
"อุตสาหกรรมโทรทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น นอกจากเทรนด์ของผู้ชมที่เปลี่ยนไปแล้ว ในแง่การทำธุรกิจโทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย ต่อไปช่องต่างๆจะไม่ใช่คู่แข่งแต่จะกลายเป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันมากขึ้น"
______________________________
ช่อง7ควบรวมทีวีดาวเทียม ลดเสี่ยงเหลือช่องเดียว
ชี้แพลตฟอร์มทีวีเปลี่ยน จับตาดิจิตอลแรงแซงดาวเทียม "มีเดีย สตูดิโอ" พลิกตัวประกาศควบรวมช่องดาวเทียมเหลือ "มีเดีย แชนแนล" เริ่ม 12 สิงหาคมนี้ เผยเล็งจับมือพันธมิตรผลิตคอนเทนต์เพิ่ม หวังกวาดรายได้ปีหน้าทะลุหลักพันล้านบาท
นางสาวสุภาพรรณ วิสฤตาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด บริษัทเครือช่อง 7 เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ควบรวมช่องทีวีดาวเทียม คือ มีเดีย นิวส์ และ มีเดีย แชนแนล เข้ามาไว้ในช่องเดียวกัน เนื่องจากบริษัทมองเห็นแนวทางอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในประเทศไทยที่เปลี่ยนไป อีกทั้งเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้ชมขณะนี้ยังให้ความสนใจกับสื่อฟรีทีวีเป็นหลักทั้งในรูปแบบอะนาล็อกและดิจิตอล ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับแผนให้เหลือเพียง 1 ช่อง โดยมีเดีย นิวส์จะยุติการออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ พร้อมกับการรีลอนช์แบรนด์ "มีเดีย แชนแนล" ออกสู่ตลาด ซึ่งการควบรวมครั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 20%
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหรือเอเยนซีจะเลือกช่องทีวีทั้งในแพลตฟอร์มฟรีทีวี ทีวีดิจิตอล และทีวีดาวเทียมจะเลือกช่องทีวีที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของแต่ละแพลตฟอร์ม ดังนั้นภายในปี 2558 บริษัทจะพยายามผลักดันให้ช่องดังกล่าวติดอันดับ 1 ใน 3 ของทีวีดาวเทียม ขณะที่แพลตฟอร์มทีวีระบบอะนาล็อกยังได้เรตติ้งจากประชาชนเป็นอันดับ 1 และต่อไปทีวีดิจิตอลจะกลายเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 2 ที่ได้รับกระแสความนิยม ขณะที่สื่อทีวีดาวเทียมต่อไปจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาเติมเต็มเท่านั้น"
ขณะเดียวกันผังรายการใหม่จะเริ่มออกอากาศแบบเต็มรูปแบบในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยคอนเทนต์ที่ช่องมีเดีย แชนแนลจะนำมาออกอากาศโดยเฉพาะละครจะเป็นคอนเทนต์เก่าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ที่เคยมีเรตติ้งดีจะถูกนำกลับมาฉายซ้ำในช่องนี้อีกครั้ง
ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สำหรับปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรายการและการออกอากาศมาเป็นระบบ HD ทั้งหมด ขณะที่การควบรวมช่องครั้งนี้ยังช่วยลดต้นทุนค่าคอนเทนต์และค่าเช่าทรานสพอนเดอร์กว่า 20% นอกจากนี้บริษัทมีแผนร่วมเป็นพันธมิตรกับช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องใหม่ ในการผลิตรายการให้ ซึ่งบริษัทได้นำเสนอคอนเทนต์ทั้งในรูปแบบละคร ข่าว และรายการวาไรตีเข้าไปเสนอ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีทางเลือกหลากหลายมากขึ้นและมีทิศทางการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
"อุตสาหกรรมโทรทัศน์มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น นอกจากเทรนด์ของผู้ชมที่เปลี่ยนไปแล้ว ในแง่การทำธุรกิจโทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย ต่อไปช่องต่างๆจะไม่ใช่คู่แข่งแต่จะกลายเป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันมากขึ้น"
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 960 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากฟรีทีวี 800 ล้านบาท และทีวีดาวเทียม 160 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยมาจาก 3 ธุรกิจคือ ฟรีทีวี 80% ทีวีดาวเทียม 10% และทีวีดิจิตอล 10%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=241307:7-&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.U-JF3VZAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: