03 กันยายน 2557 เพย์โซลูชั่น.ศุภชัย ระบุการเจาะอีคอมเมิร์ซ ที่มีเป็นจำนวน มาก ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้งานบริการเป็น 1,200 รายภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 400% จากที่มีในขณะนี้ 360 ราย
ประเด็นหลัก
นายศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจปัจจุบันให้ความสำคัญกับช่องทางขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย และเจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมกว่าเดิม แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจตลาดออนไลน์ และเทคโนโลยีเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสนำเสนอบริการของบริษัทไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่มีเป็นจำนวน มาก ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้งานบริการเป็น 1,200 รายภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 400% จากที่มีในขณะนี้ 360 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม
"ปี ที่แล้วเราซื้อธุรกิจของไทยอีเพย์ ซึ่งเป็นระบบเพย์เมนต์เกตเวย์อันดับหนึ่งของไทยที่เปิดมานานกว่า 10 ปี เราซื้อเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากในไทยมีผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ 3-4 ราย ตลาดจึงยังค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อนำมารวมกับโซลูชั่นต่าง ๆ ที่เรามีอยู่แล้ว จะทำให้การให้บริการสมบูรณ์แบบ"
บริการ ของ "เพย์ โซลูชั่น" มีทั้งในรูปแบบช็อปปิ้งมอลล์ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้ได้ทันที หรือเป็นโค้ดที่ต้องนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระบบของแต่ละองค์กรตนเอง แบ่งได้ 6 แบบ ได้แก่ ระบบอีเพย์เมนต์ (ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์), อีคาร์ต (ระบบตะกร้าสินค้าเพื่อช่วยให้การซื้อของง่ายขึ้น), อีบุ๊กกิ้ง (ระบบจองห้องพักออนไลน์), อีชาริตี้ (ระบบบริจาคเงิน), อีกอล์ฟ (ระบบการจัดการสนามกอล์ฟ) และอีช็อป (ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์) ทั้งหมดนี้จะเชื่อมต่อกับระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยมากขึ้น
______________________________
เพย์โซลูชั่นเจาะอีคอมเมิร์ซ ดันรายย่อยขึ้นออนไลน์รับ AEC
"เพย์ โซลูชั่น" พร้อมส่งแพลตฟอร์ม "อีคอมเมิร์ซ" ครบวงจรขยายฐานลูกค้า "เอสเอ็มอี" ตั้งเป้าดึงผู้ประกอบการรายย่อยโกออนไลน์ เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการจากหลักร้อยขึ้นหลักพันรายภายในปีหน้า ทั้งเตรียมความพร้อมบุกตลาดอาเซียน
นายศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจปัจจุบันให้ความสำคัญกับช่องทางขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย และเจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมกว่าเดิม แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจตลาดออนไลน์ และเทคโนโลยีเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสนำเสนอบริการของบริษัทไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่มีเป็นจำนวนมาก ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้งานบริการเป็น 1,200 รายภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 400% จากที่มีในขณะนี้ 360 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม
"ปีที่แล้วเราซื้อธุรกิจของไทยอีเพย์ ซึ่งเป็นระบบเพย์เมนต์เกตเวย์อันดับหนึ่งของไทยที่เปิดมานานกว่า 10 ปี เราซื้อเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากในไทยมีผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ 3-4 ราย ตลาดจึงยังค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อนำมารวมกับโซลูชั่นต่าง ๆ ที่เรามีอยู่แล้ว จะทำให้การให้บริการสมบูรณ์แบบ"
บริการของ "เพย์ โซลูชั่น" มีทั้งในรูปแบบช็อปปิ้งมอลล์ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้ได้ทันที หรือเป็นโค้ดที่ต้องนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระบบของแต่ละองค์กรตนเอง แบ่งได้ 6 แบบ ได้แก่ ระบบอีเพย์เมนต์ (ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์), อีคาร์ต (ระบบตะกร้าสินค้าเพื่อช่วยให้การซื้อของง่ายขึ้น), อีบุ๊กกิ้ง (ระบบจองห้องพักออนไลน์), อีชาริตี้ (ระบบบริจาคเงิน), อีกอล์ฟ (ระบบการจัดการสนามกอล์ฟ) และอีช็อป (ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์) ทั้งหมดนี้จะเชื่อมต่อกับระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจุบันเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทยังเชื่อมต่อแค่บัตรเครดิตของวีซ่า และมาสเตอร์การ์ด แต่หลังจากนี้จะเร่งเจรจาเพื่อเชื่อมต่อระบบกับอีวอลเลตของเพย์สบาย และเพย์พาล รวมถึงเปิดระบบชำระเงินออฟไลน์ผ่านร้านสะดวกซื้อ และบัตรเงินสดรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ และในไตรมาสสุดท้ายของปีจะเปิดบริการที่เกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มเติม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและบริษัทวิจัยยูโรมอนิเตอร์วิเคราะห์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตกว่า 20-30% ทุกปีในส่วนของการซื้อขายระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค เพราะการซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น จองโรงแรม หรือจองตั๋วเครื่องบิน มีมูลค่าสูงมาก ทำให้ปีที่แล้วมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของบริการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท จากทั้งหมดกว่า 7 แสนล้านบาท (ธุรกิจกับภาครัฐ 3.4 แสนล้านบาท, ธุรกิจกับธุรกิจ 2.8 แสนล้านบาท) ถ้าเจาะไปที่การซื้อขายสินค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% ทุกปี
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้าจะไปรุกตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติม เนื่องจากมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต และความต้องการสินค้าที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ขณะที่ผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์มีไม่มาก โดยระหว่างนี้จะสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการในประเทศไทยก่อน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1409572931
นายศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจปัจจุบันให้ความสำคัญกับช่องทางขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย และเจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมกว่าเดิม แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจตลาดออนไลน์ และเทคโนโลยีเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสนำเสนอบริการของบริษัทไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่มีเป็นจำนวน มาก ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้งานบริการเป็น 1,200 รายภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 400% จากที่มีในขณะนี้ 360 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม
"ปี ที่แล้วเราซื้อธุรกิจของไทยอีเพย์ ซึ่งเป็นระบบเพย์เมนต์เกตเวย์อันดับหนึ่งของไทยที่เปิดมานานกว่า 10 ปี เราซื้อเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากในไทยมีผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ 3-4 ราย ตลาดจึงยังค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อนำมารวมกับโซลูชั่นต่าง ๆ ที่เรามีอยู่แล้ว จะทำให้การให้บริการสมบูรณ์แบบ"
บริการ ของ "เพย์ โซลูชั่น" มีทั้งในรูปแบบช็อปปิ้งมอลล์ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้ได้ทันที หรือเป็นโค้ดที่ต้องนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระบบของแต่ละองค์กรตนเอง แบ่งได้ 6 แบบ ได้แก่ ระบบอีเพย์เมนต์ (ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์), อีคาร์ต (ระบบตะกร้าสินค้าเพื่อช่วยให้การซื้อของง่ายขึ้น), อีบุ๊กกิ้ง (ระบบจองห้องพักออนไลน์), อีชาริตี้ (ระบบบริจาคเงิน), อีกอล์ฟ (ระบบการจัดการสนามกอล์ฟ) และอีช็อป (ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์) ทั้งหมดนี้จะเชื่อมต่อกับระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยมากขึ้น
______________________________
เพย์โซลูชั่นเจาะอีคอมเมิร์ซ ดันรายย่อยขึ้นออนไลน์รับ AEC
"เพย์ โซลูชั่น" พร้อมส่งแพลตฟอร์ม "อีคอมเมิร์ซ" ครบวงจรขยายฐานลูกค้า "เอสเอ็มอี" ตั้งเป้าดึงผู้ประกอบการรายย่อยโกออนไลน์ เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการจากหลักร้อยขึ้นหลักพันรายภายในปีหน้า ทั้งเตรียมความพร้อมบุกตลาดอาเซียน
นายศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจปัจจุบันให้ความสำคัญกับช่องทางขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย และเจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุมกว่าเดิม แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจตลาดออนไลน์ และเทคโนโลยีเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสนำเสนอบริการของบริษัทไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่มีเป็นจำนวนมาก ตั้งเป้าเพิ่มฐานผู้ใช้งานบริการเป็น 1,200 รายภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้น 400% จากที่มีในขณะนี้ 360 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม
"ปีที่แล้วเราซื้อธุรกิจของไทยอีเพย์ ซึ่งเป็นระบบเพย์เมนต์เกตเวย์อันดับหนึ่งของไทยที่เปิดมานานกว่า 10 ปี เราซื้อเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากในไทยมีผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์ 3-4 ราย ตลาดจึงยังค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อนำมารวมกับโซลูชั่นต่าง ๆ ที่เรามีอยู่แล้ว จะทำให้การให้บริการสมบูรณ์แบบ"
บริการของ "เพย์ โซลูชั่น" มีทั้งในรูปแบบช็อปปิ้งมอลล์ที่ผู้ประกอบการนำไปใช้ได้ทันที หรือเป็นโค้ดที่ต้องนำไปพัฒนาต่อเพื่อใช้ในระบบของแต่ละองค์กรตนเอง แบ่งได้ 6 แบบ ได้แก่ ระบบอีเพย์เมนต์ (ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์), อีคาร์ต (ระบบตะกร้าสินค้าเพื่อช่วยให้การซื้อของง่ายขึ้น), อีบุ๊กกิ้ง (ระบบจองห้องพักออนไลน์), อีชาริตี้ (ระบบบริจาคเงิน), อีกอล์ฟ (ระบบการจัดการสนามกอล์ฟ) และอีช็อป (ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์) ทั้งหมดนี้จะเชื่อมต่อกับระบบเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจุบันเพย์เมนต์เกตเวย์ของบริษัทยังเชื่อมต่อแค่บัตรเครดิตของวีซ่า และมาสเตอร์การ์ด แต่หลังจากนี้จะเร่งเจรจาเพื่อเชื่อมต่อระบบกับอีวอลเลตของเพย์สบาย และเพย์พาล รวมถึงเปิดระบบชำระเงินออฟไลน์ผ่านร้านสะดวกซื้อ และบัตรเงินสดรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ และในไตรมาสสุดท้ายของปีจะเปิดบริการที่เกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มเติม
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและบริษัทวิจัยยูโรมอนิเตอร์วิเคราะห์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตกว่า 20-30% ทุกปีในส่วนของการซื้อขายระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค เพราะการซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น จองโรงแรม หรือจองตั๋วเครื่องบิน มีมูลค่าสูงมาก ทำให้ปีที่แล้วมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของบริการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท จากทั้งหมดกว่า 7 แสนล้านบาท (ธุรกิจกับภาครัฐ 3.4 แสนล้านบาท, ธุรกิจกับธุรกิจ 2.8 แสนล้านบาท) ถ้าเจาะไปที่การซื้อขายสินค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% ทุกปี
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ในอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้าจะไปรุกตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติม เนื่องจากมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต และความต้องการสินค้าที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ขณะที่ผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์มีไม่มาก โดยระหว่างนี้จะสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการในประเทศไทยก่อน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1409572931
ไม่มีความคิดเห็น: