03 กันยายน 2557 priceza.ธนาวัฒน์ ระบุ ตลาดอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าไทย 3 เท่า โดยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 75-90 ล้านราย ขณะที่ลักษณะของธุรกิจหลักในอินโดนีเซียกับไทยคล้ายกัน
ประเด็นหลัก
"ตลาดอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าไทย 3 เท่า โดยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 75-90 ล้านราย ขณะที่ลักษณะของธุรกิจหลักในอินโดนีเซียกับไทยคล้ายกัน ซึ่งก็จะเป็นช่องทางให้ลูกค้าในไทยสามารถขยายตลาดเข้าไปในอินโดนีเซียได้ โดยที่ผ่านมาตลาดอินโดนีเซียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเปิดให้บริการมา 1 ปี มียอดปริมาณรายการสินค้า 2 ล้านรายการใกล้เคียงกับไทยที่เปิดให้บริการมา 5 ปี อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซยังไม่สูงเท่าไทย เนื่องจากไทยมีความคุ้นเคยในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากกว่า และมีการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการสูงถึง 30% ขณะที่อินโดนีเซีย 80-90% นิยมใช้การโอนเงิน"
______________________________
เว็บเทียบราคาสินค้า'ไพรซ์ซ่า'ปักธงตลาดอาเซียน
เว็บเปรียบเทียบราคาสินค้า "ไพรซ์ซ่า" วางยุทธศาสตร์สยายปีกสู่อาเซียน ล่าสุดเตรียมเปิด สนง.ในอินโดฯ หลังชิมลางให้บริการมา 1 ปี เล็งขยายเพิ่มมาเลย์-สิงคโปร์-ฟิลิปปินส์-เวียดนาม ระบุพฤติกรรมช็อปผ่านมือถือมาแรง เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งไพรซ์ซ่าดอตคอม (www.priceza.com) บริษัทไพรซ์ซ่า จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้า เปิดเผยว่าทิศทางของบริษัทมุ่งการขยายธุรกิจ และการให้บริการออกไปสู่ตลาดอาเซียน ภายหลังจากปีที่ผ่านมากลุ่มไซเบอร์เอเยนต์ จากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าร่วมลงทุนสัดส่วนประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้นำร่องเข้าไปให้บริการในประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วผ่านเว็บไซต์ www.priceza.co.id แต่ทีมการจัดการบริหารอยู่ในไทย ล่าสุดอยู่ในกระบวนการจัดตั้งสำนักงานขึ้นมาที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนราว 5-10 ล้านบาท และจะมีการว่าจ้างบุคลากรท้องถิ่นในการจัดการบริหาร 2-3 ราย
"ตลาดอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าไทย 3 เท่า โดยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 75-90 ล้านราย ขณะที่ลักษณะของธุรกิจหลักในอินโดนีเซียกับไทยคล้ายกัน ซึ่งก็จะเป็นช่องทางให้ลูกค้าในไทยสามารถขยายตลาดเข้าไปในอินโดนีเซียได้ โดยที่ผ่านมาตลาดอินโดนีเซียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเปิดให้บริการมา 1 ปี มียอดปริมาณรายการสินค้า 2 ล้านรายการใกล้เคียงกับไทยที่เปิดให้บริการมา 5 ปี อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซยังไม่สูงเท่าไทย เนื่องจากไทยมีความคุ้นเคยในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากกว่า และมีการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการสูงถึง 30% ขณะที่อินโดนีเซีย 80-90% นิยมใช้การโอนเงิน"
ส่วนเป้าหมายต่อไป คือ ขยายธุรกิจไปอีก 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกประเทศที่กำลังขยายธุรกิจเข้าไปก่อนอยู่ โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาชัดเจน แต่คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มอีก 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 60-90 ล้านบาท (คิดที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ) จากนักลงทุนต่างชาติหรือบริษัทอี-คอมเมิร์ซที่สามารถเข้ามาช่วยบริษัทต่อยอดธุรกิจออกไปยังภูมิภาค
สำหรับในไทยนั้นธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มียอดผู้ใช้บริการ 4 ล้านรายต่อเดือน และมีสินค้าให้เช็กราคากว่า 2 ล้านรายการ โดยคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าซื้อขาย ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าพันธมิตรประมาณ 1,200 ล้านบาท
ขณะที่เดือนสิงหาคม 2557 เป็นครั้งแรกที่จำนวนคนเข้ามา ไพรซ์ซ่าจากโทรศัพท์มือถือมากกว่าจำนวนคนที่เข้ามาผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือโน้ตบุ๊ก และ มี 3 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้คนไทยช็อปออนไลน์ คือ ช่วยให้เปรียบเทียบราคาง่ายและประหยัดเงิน ค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่ายและช็อปที่ไหน เมื่อใดก็ได้ โดยสินค้าที่นิยมซื้อผ่านเว็บไซต์ไพรซ์ซ่ามากสุด คือ สินค้าประเภทไอที สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสัดส่วนถึง 60 % และอีก 40 % คือ สินค้าประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
นายธนาวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่าเพื่อกระตุ้นการซื้อขายอี-คอมเมิร์ซครั้งใหญ่ในครึ่งปีหลัง บริษัทจึงได้จัดกิจกรรม "ไพรซ์ซ่าแกรนด์เซลล์" บนเว็บไซต์ไพรซ์ซ่าดอทคอมโฉมใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนหน้า โดยเป็นงานที่รวมพลร้านค้าออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุด!!ลดกระจาย พร้อมลุ้นรางวัลมากมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-9 กันยายน 2557
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,979
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244540:2014-08-29-06-55-22&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VAXYFqPrvGo
"ตลาดอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าไทย 3 เท่า โดยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 75-90 ล้านราย ขณะที่ลักษณะของธุรกิจหลักในอินโดนีเซียกับไทยคล้ายกัน ซึ่งก็จะเป็นช่องทางให้ลูกค้าในไทยสามารถขยายตลาดเข้าไปในอินโดนีเซียได้ โดยที่ผ่านมาตลาดอินโดนีเซียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเปิดให้บริการมา 1 ปี มียอดปริมาณรายการสินค้า 2 ล้านรายการใกล้เคียงกับไทยที่เปิดให้บริการมา 5 ปี อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซยังไม่สูงเท่าไทย เนื่องจากไทยมีความคุ้นเคยในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากกว่า และมีการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการสูงถึง 30% ขณะที่อินโดนีเซีย 80-90% นิยมใช้การโอนเงิน"
______________________________
เว็บเทียบราคาสินค้า'ไพรซ์ซ่า'ปักธงตลาดอาเซียน
เว็บเปรียบเทียบราคาสินค้า "ไพรซ์ซ่า" วางยุทธศาสตร์สยายปีกสู่อาเซียน ล่าสุดเตรียมเปิด สนง.ในอินโดฯ หลังชิมลางให้บริการมา 1 ปี เล็งขยายเพิ่มมาเลย์-สิงคโปร์-ฟิลิปปินส์-เวียดนาม ระบุพฤติกรรมช็อปผ่านมือถือมาแรง เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งไพรซ์ซ่าดอตคอม (www.priceza.com) บริษัทไพรซ์ซ่า จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้า เปิดเผยว่าทิศทางของบริษัทมุ่งการขยายธุรกิจ และการให้บริการออกไปสู่ตลาดอาเซียน ภายหลังจากปีที่ผ่านมากลุ่มไซเบอร์เอเยนต์ จากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าร่วมลงทุนสัดส่วนประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้นำร่องเข้าไปให้บริการในประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วผ่านเว็บไซต์ www.priceza.co.id แต่ทีมการจัดการบริหารอยู่ในไทย ล่าสุดอยู่ในกระบวนการจัดตั้งสำนักงานขึ้นมาที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนราว 5-10 ล้านบาท และจะมีการว่าจ้างบุคลากรท้องถิ่นในการจัดการบริหาร 2-3 ราย
"ตลาดอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าไทย 3 เท่า โดยมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 75-90 ล้านราย ขณะที่ลักษณะของธุรกิจหลักในอินโดนีเซียกับไทยคล้ายกัน ซึ่งก็จะเป็นช่องทางให้ลูกค้าในไทยสามารถขยายตลาดเข้าไปในอินโดนีเซียได้ โดยที่ผ่านมาตลาดอินโดนีเซียมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเปิดให้บริการมา 1 ปี มียอดปริมาณรายการสินค้า 2 ล้านรายการใกล้เคียงกับไทยที่เปิดให้บริการมา 5 ปี อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซยังไม่สูงเท่าไทย เนื่องจากไทยมีความคุ้นเคยในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากกว่า และมีการใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการสูงถึง 30% ขณะที่อินโดนีเซีย 80-90% นิยมใช้การโอนเงิน"
ส่วนเป้าหมายต่อไป คือ ขยายธุรกิจไปอีก 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกประเทศที่กำลังขยายธุรกิจเข้าไปก่อนอยู่ โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาชัดเจน แต่คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มอีก 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 60-90 ล้านบาท (คิดที่ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ) จากนักลงทุนต่างชาติหรือบริษัทอี-คอมเมิร์ซที่สามารถเข้ามาช่วยบริษัทต่อยอดธุรกิจออกไปยังภูมิภาค
สำหรับในไทยนั้นธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มียอดผู้ใช้บริการ 4 ล้านรายต่อเดือน และมีสินค้าให้เช็กราคากว่า 2 ล้านรายการ โดยคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าซื้อขาย ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าพันธมิตรประมาณ 1,200 ล้านบาท
ขณะที่เดือนสิงหาคม 2557 เป็นครั้งแรกที่จำนวนคนเข้ามา ไพรซ์ซ่าจากโทรศัพท์มือถือมากกว่าจำนวนคนที่เข้ามาผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือโน้ตบุ๊ก และ มี 3 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้คนไทยช็อปออนไลน์ คือ ช่วยให้เปรียบเทียบราคาง่ายและประหยัดเงิน ค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่ายและช็อปที่ไหน เมื่อใดก็ได้ โดยสินค้าที่นิยมซื้อผ่านเว็บไซต์ไพรซ์ซ่ามากสุด คือ สินค้าประเภทไอที สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสัดส่วนถึง 60 % และอีก 40 % คือ สินค้าประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
นายธนาวัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่าเพื่อกระตุ้นการซื้อขายอี-คอมเมิร์ซครั้งใหญ่ในครึ่งปีหลัง บริษัทจึงได้จัดกิจกรรม "ไพรซ์ซ่าแกรนด์เซลล์" บนเว็บไซต์ไพรซ์ซ่าดอทคอมโฉมใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนหน้า โดยเป็นงานที่รวมพลร้านค้าออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุด!!ลดกระจาย พร้อมลุ้นรางวัลมากมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-9 กันยายน 2557
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,979
http://www.thannews.th.com/index.php?option=com_content&view=article&id=244540:2014-08-29-06-55-22&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.VAXYFqPrvGo
ไม่มีความคิดเห็น: