Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

05 กันยายน 2557 Samsung.บุญเลิศ ระบุ ตลาด B2B (Business to Business) มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้รวมจากทั่วโลก และอีก 23% ในส่วนของประเทศไทย ขณะเดียวกันยังได้เปิดศูนย์ "ซัมซุง บิสสิเนท โซลูชั่น เซอร์เตอร์" ด้วยงบประมาณ 21 ล้านบาท บนพื้นที่ 170 ตร.ม. เทียบกับศูนย์เดิมที่มีพื้นที่ 50 ตร.ม.

ประเด็นหลัก



"บุญเลิศ"  บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญในการขยายตลาดกลุ่มธุรกิจบีทูบี  โดยมีเป้าหมายในอีก 6 ปีข้างหน้า (ปี 2563) จะผลักดันกลุ่มธุรกิจบีทีบูให้มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้รวมจากทั่วโลก และอีก 23% ในส่วนของประเทศไทย ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีสัดส่วนรายได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังจากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าและเจาะตลาดลูกค้าองค์กรอย่างจริงจัง
    ทั้งนี้แผนงานที่จะเข้ามารองรับเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ การออกสินค้านวัตกรรมและการใช้งานที่ง่ายขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้าที่ตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือลัคกี้ ไดร์ฟ แท็ปเล็ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะเริ่มทำตลาดได้ในช่วงอีกเดือนครึ่ง เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ควบคู่กับการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ การจัดงานอีเวนต์และงานแสดงสินค้าต่างๆ ราว 70 รายการเพื่อสร้างแบรนด์ ความสัมพันธ์กับลูกค้า ภายใต้งบการตลาด 10% ของยอดขาย เพื่อแนะนำสินค้ากับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
    นอกจากนี้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งจัดสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งจัดทีมงานที่มีอยู่ 110 ราย และจะเพิ่มอีก 10% ในปีนี้ คอยให้การแนะนำและปรึกษาให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันยังได้เปิดศูนย์ "ซัมซุง บิสสิเนท โซลูชั่น เซอร์เตอร์" ด้วยงบประมาณ 21 ล้านบาท บนพื้นที่ 170 ตร.ม. เทียบกับศูนย์เดิมที่มีพื้นที่ 50 ตร.ม. โดยใช้เป็นห้องสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ทุกหมวดผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่บริษัทได้ให้ความสำคัญ และมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีการเติบโตเร็ว ใน  8  กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาล 2.โรงแรม 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธนาคาร สถาบันการเงิน และประกันภัย 5.หน่วยงานราชการ 6. สถาบันการศึกษา 7.อสังหาริมทรัพย์ และ 8.ธุรกิจองค์กร
    ทั้งนี้ในปัจจุบันมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 2 พันราย เป็น 2.6 พันราย และตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 30% สำหรับสัดส่วนลูกค้านั้นแบ่งเป็นหน่วยงานราชการ 20% และภาคเอกชน 80%  นอกจากนี้ทางซัมซุงยังสนใจที่เข้าไปทำตลาดในกลุ่มธุรกิจพลังงาน

______________________________




เปิดแผน 'ซัมซุง' รุกธุรกิจบีทูบี ดันรายได้ทะยาน



กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การตลาด MARKETING - คอลัมน์ : การตลาด MARKETING พิมพ์



 "เทคโนโลยี" เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่ต้องการนวัตกรรมและความรวดเร็ว ออพชันที่ครอบคลุมทุกความต้องการถูกนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตสินค้าเพื่อป้อนสู่ท้องตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีทั้งหลาย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด ยิ่งเฉพาะในตลาดองค์กรที่มีความต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรมล้ำหน้า มาเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ได้มากที่สุด ผู้ผลิตยักษ์สินค้ายิ่งต้องมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อเข้ามาเสริมทัพมากยิ่งขึ้น ตามไปด้วย
    alt"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับนายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ถึงทิศทางการแข่งขันในท้องตลาดสินค้าไอที กับตลาด B2B (Business to Business) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญที่มาแรง

++เปิดแผนกระตุ้นตลาดบีทูบี
    "บุญเลิศ"  บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญในการขยายตลาดกลุ่มธุรกิจบีทูบี  โดยมีเป้าหมายในอีก 6 ปีข้างหน้า (ปี 2563) จะผลักดันกลุ่มธุรกิจบีทีบูให้มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้รวมจากทั่วโลก และอีก 23% ในส่วนของประเทศไทย ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีสัดส่วนรายได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังจากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าและเจาะตลาดลูกค้าองค์กรอย่างจริงจัง
    ทั้งนี้แผนงานที่จะเข้ามารองรับเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ การออกสินค้านวัตกรรมและการใช้งานที่ง่ายขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้าที่ตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือลัคกี้ ไดร์ฟ แท็ปเล็ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะเริ่มทำตลาดได้ในช่วงอีกเดือนครึ่ง เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ควบคู่กับการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ การจัดงานอีเวนต์และงานแสดงสินค้าต่างๆ ราว 70 รายการเพื่อสร้างแบรนด์ ความสัมพันธ์กับลูกค้า ภายใต้งบการตลาด 10% ของยอดขาย เพื่อแนะนำสินค้ากับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
    นอกจากนี้ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งจัดสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งจัดทีมงานที่มีอยู่ 110 ราย และจะเพิ่มอีก 10% ในปีนี้ คอยให้การแนะนำและปรึกษาให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันยังได้เปิดศูนย์ "ซัมซุง บิสสิเนท โซลูชั่น เซอร์เตอร์" ด้วยงบประมาณ 21 ล้านบาท บนพื้นที่ 170 ตร.ม. เทียบกับศูนย์เดิมที่มีพื้นที่ 50 ตร.ม. โดยใช้เป็นห้องสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ทุกหมวดผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่บริษัทได้ให้ความสำคัญ และมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีการเติบโตเร็ว ใน  8  กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาล 2.โรงแรม 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธนาคาร สถาบันการเงิน และประกันภัย 5.หน่วยงานราชการ 6. สถาบันการศึกษา 7.อสังหาริมทรัพย์ และ 8.ธุรกิจองค์กร
    ทั้งนี้ในปัจจุบันมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 2 พันราย เป็น 2.6 พันราย และตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 30% สำหรับสัดส่วนลูกค้านั้นแบ่งเป็นหน่วยงานราชการ 20% และภาคเอกชน 80%  นอกจากนี้ทางซัมซุงยังสนใจที่เข้าไปทำตลาดในกลุ่มธุรกิจพลังงาน
++ชูเทคโนโลยีเสริมแกร่ง  
    อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจลูกค้าองค์กร ซึ่งมีอยู่ 2 เทรนด์หลักๆ ที่น่าจับตามองได้แก่ 1.ผู้บริโภคคือผู้ที่กำหนดเทรนด์ต่างๆ ทางเทคโนโลยี โดยผู้บริโภคจะนำดีไวซ์ของตนเองไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเลต หรือโน้ตบุ๊กมาใช้ในการทำงานมากขึ้น เพราะง่ายต่อการทำงาน และการเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต หรือการติดต่อสื่อสารแบบออนไลน์ต่างๆ ทำได้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าในอดีต ทำให้เส้นแบ่งระหว่างอุปกรณ์ส่วนตัว และการทำงานผ่านระบบองค์กร ค่อยๆ หายไป ซึ่งองค์กรเองก็ต้องปรับระบบให้ใช้ง่ายขึ้น เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย และ 2.การปฏิวัติทางเทคโนโลยีสำหรับโมเดลทางธุรกิจต่างๆ บทบาทของเทคโนโลยีในทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนไป เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงหน่วยสนับสนุนของธุรกิจใดๆ อีกต่อไป แต่เทคโนโลยีกลายมาเป็นหัวใจสำคัญของทุกโมเดลธุรกิจ การเลือกใช้เทคโนโลยีใดๆ ในองค์กรสามารถเป็นจุดชี้ขาดของโมเดลทางธุรกิจนั้นๆ ได้
    "สำหรับกลยุทธ์ในการบุกตลาดบีทูบีของซัมซุงในปีนี้ จะเน้นย้ำกลยุทธ์การตอบโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆของลูกค้าองค์กร โดยนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้าของซัมซุง ผสานกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเพื่อตอกย้ำการเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร จัดสัมมนาต่างๆเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าองค์กร  การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จต่างๆ กับความสำเร็จของซัมซุงที่ผ่านมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้า รวมถึงการจัดเตรียมงานที่มีประสบการณ์คอยสนับสนุน โดยในปีนี้บริษัทได้เปิด "Samsung Business Solutions Center" ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 170 ตร.ม. เพื่อให้เป็นห้องสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ซัมซุงครบทุกหมวดหมู่ให้แก่ลูกค้าองค์กรกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มลูกค้าที่สนใจเข้าชมและทดลองใช้งานจริง โดยมีทีมงานคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดอีกด้วย"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=245012:2014-09-02-08-16-11&catid=106:-marketing&Itemid=456#.VAlbQ0tAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.