Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

11 กันยายน 2557 CAT ระบุ 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีค 57 ซึ่งสตง.สอบทานแล้วมีกำไรสุทธิที่ 94.89 ล้านบาท และ 3G 850 เริ่มไม่เพียงพอกับความต้องการ

ประเด็นหลัก



    ด้านนายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กสท โทรคมนาคม หรือ CAT กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา บอร์ดได้รับทราบงบการดำเนินงานงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.57 พบว่ามีรายได้อยู่ที่ 12,673.55 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ 12,578.66 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 94.89 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปัจจัยมาจากรายได้สัมปทานที่หายไปประมาณ 4.7 พันล้านบาท
    สำหรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการ 3 จี ที่มีอยู่นั้น กสทฯ จะใช้วิธีการหาพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจรายใหม่ที่ดำเนินธุรกิจในสัญญาเพื่อให้บริการ 3 จี ในลักษณะเดียวกันกับบริษัท เรียลมูฟ จำกัด และบริษัท 356 คอมมูนิเคชั่น จำกัด ส่วนการเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์นั้น ทันทีที่ กสทช.เปิดประมูล กสทฯ จะยังคงแผนเดิมที่จะเข้าร่วมประมูลคลื่นดังกล่าวเพื่อมาให้บริการ 4 จีแน่นอน.


       นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะทำสัญญากับ MVNOรายใหม่ได้ เพราะขณะนี้ยังคุยเรื่องสัญญากับ เทสโก้ อยู่ ซึ่ง กสท ต้องเพิ่มระบบไอทีเพื่อรองรับกับการทำงานนี้ คาดว่าจะใช้งานและเซ็นสัญญาได้ภายในต้นปีหน้า ส่วนการใช้คลื่น 850MHz นั้น กสท สามารถใช้ได้ถึงปี 2568 ซึ่ง กสท กำลังเนินการขอทำเรื่อง 4G ในคลื่น 1800 MHz เพื่อขอร่วมประมูลกับกสทช.ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ของลูกค้าเริ่มไปทางนี้ และ 3G เริ่มไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่วนกลยุทธ์บรอดแบนด์เริ่มเจาะตลาด FTTxมากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์
     


      สำหรับงบดำเนินการงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีค 57 ซึ่งสตง.สอบทานแล้วแต่ยังไม่ได้ลงนามมีรายได้ 12,673.55 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,578.66 ล้านบาท เหลือกำไรสุทธิ 94.89 ล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาสนี้งบการเงินลดลงเนื่องจากมีรายได้บางตัวอย่างโฮลเซลล์ ไร้สาย ที่ยังไม่เข้าเป้าจากแผนเดิมที่บริษัทเรียลมูฟจะต้องซื้อเพิ่มอีก 17% ในไตรมาสแรก แต่ยังไม่ได้ซื้อเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 80%ทำให้รายได้ในส่วนนี้ยังไม่ขยับ ประกอบกับรายได้สัมปทานที่หายไปจากที่เคยได้รับในปี 56 และดีแทคทำการย้ายลูกค้า ทำให้ในปีนี้น่าจะมีรายได้หายไปประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท



______________________________




ทรูยิ้มล้างหนี้5หมื่นล. CATพร้อมชิงคลื่น4จี
  ทรูจับมือไชน่า โมบายล์ ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน คาดปลายปีทำกำไรพร้อมปันผลได้ เผยร่วมทุนครั้งนี้ช่วยปลดหนี้ธนาคาร 5.5 หมื่นล้านบาท ฟาก กสทฯ มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท แต่รายได้สัมปทานหาย
    นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทรูร่วมลงนามสัญญาเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการกับบริษัท ไชน่า โมบายล์ จำกัด ว่า ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้กลุ่มทรูมีมูลค่าของเงินทุนเพิ่ม 65,000 ล้านบาท ผ่านการจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง โดยหุ้นที่ไชน่า โมบายล์ เข้ามาถือมีมูลค่าประมาณ 28,600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 18% ของหุ้นทั้งหมด และการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 36,400 ล้านบาท
    ทั้งนี้ การร่วมเป็นพันธมิตรจะทำให้บริษัทสามารถชำระหนี้จากธนาคารได้ 55,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้กลุ่มทรูมีหนี้สินต่อกำไรสุทธิก่อนหักค่าเสื่อม (อีบีด้า) เหลือ 1 :1.5 เท่า จากเดิมที่มีอยู่ 5 เท่า ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยถึง 4,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งคาดว่าในไตรมาส 4/2557 บริษัทจะสามารถทำกำไรหลังคืนหนี้เรียบร้อยแล้วและสามารถปันผลได้ ซึ่งผลกำไรในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,146.36 ล้านบาท
    ด้านนายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กสท โทรคมนาคม หรือ CAT กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา บอร์ดได้รับทราบงบการดำเนินงานงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.57 พบว่ามีรายได้อยู่ที่ 12,673.55 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ 12,578.66 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 94.89 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปัจจัยมาจากรายได้สัมปทานที่หายไปประมาณ 4.7 พันล้านบาท
    สำหรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคลื่น 850 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการ 3 จี ที่มีอยู่นั้น กสทฯ จะใช้วิธีการหาพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจรายใหม่ที่ดำเนินธุรกิจในสัญญาเพื่อให้บริการ 3 จี ในลักษณะเดียวกันกับบริษัท เรียลมูฟ จำกัด และบริษัท 356 คอมมูนิเคชั่น จำกัด ส่วนการเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์นั้น ทันทีที่ กสทช.เปิดประมูล กสทฯ จะยังคงแผนเดิมที่จะเข้าร่วมประมูลคลื่นดังกล่าวเพื่อมาให้บริการ 4 จีแน่นอน.


http://www.thaipost.net/news/120914/96019


___________________________


3 เดือนแรก กสท กำไร 94 ล้านบาท


นายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT

       บอร์ด สั่ง กสท เน้นการทำงานต้องยึดคุณธรรม ธรรมาภิบาล โปร่งใส เผยงบดำเนินการ 3 เดือนแรก กำไรสุทธิ 94.89 ล้านบาท พลาดเป้าจากการขายส่งบริการให้เรียลมูฟ ด้านความคืบหน้า FTTx ส่งเรื่องให้กระทรวงไอซีทีเรียบร้อยแล้ว รอพิจารณาส่วนเรื่อง Due Diligence ยังไม่คืบรอความชัดเจนว่าจะให้วิเคราะห์ลึกในระดับไหน เตรียมรื้อองค์กรใหม่จ้างเอาต์ซอร์สและสร้างความเข้าใจพนักงาน
     
       นายวิโรจน์ โตเจริญวาณิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า การประชุมบอร์ดกสท เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีการมอบนโยบายเน้นเรื่องการทำงานของ กสท ต้องปฏิบัติโดยยึดคุณธรรม ความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล ลงทุนในสิ่งที่ก่อให้เกิดรายได้ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยให้ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของกรรมการชุดต่างๆ อาทิคณะกรรมการตรวจสอบฯ คณะกรรมการสรรหาฯ คณะกำกับโครงการคณะเจรจาด้านสัญญาต่างๆ ให้มีความเหมาะสม
       สำหรับงบดำเนินการงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีค 57 ซึ่งสตง.สอบทานแล้วแต่ยังไม่ได้ลงนามมีรายได้ 12,673.55 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,578.66 ล้านบาท เหลือกำไรสุทธิ 94.89 ล้านบาท โดยคาดว่าในไตรมาสนี้งบการเงินลดลงเนื่องจากมีรายได้บางตัวอย่างโฮลเซลล์ ไร้สาย ที่ยังไม่เข้าเป้าจากแผนเดิมที่บริษัทเรียลมูฟจะต้องซื้อเพิ่มอีก 17% ในไตรมาสแรก แต่ยังไม่ได้ซื้อเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 80%ทำให้รายได้ในส่วนนี้ยังไม่ขยับ ประกอบกับรายได้สัมปทานที่หายไปจากที่เคยได้รับในปี 56 และดีแทคทำการย้ายลูกค้า ทำให้ในปีนี้น่าจะมีรายได้หายไปประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท
     
       ส่วนเรื่องสำคัญที่กำลังดำเนินการคือ การขอทราบรายละเอียดของการเตรียมว่าจ้างบริษัทภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ เพื่อทำการทดสอบและวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) ทั้งทางด้านการเงินและทางด้านกฏหมาย ซึ่ง กสท ได้หารือกับ สคร. เพื่อขอทราบขอบเขตการจ้างที่ปรึกษาในการแยกการทำบัญชีทรัพย์สินและบริการทั้ง 6 กลุ่ม เหมือนทีโอที ว่าการวิเคราะห์นั้นจะวิเคราะห์ในระดับใด
       หากเป็นเพียงให้ กสท แยกบัญชีทรัพย์สินที่มีอยู่ว่าไปอยู่ในกลุ่มไหน จาก 6 กลุ่ม เช่น กลุ่มมือถือ กลุ่มเสาสัญญาณ เป็นต้น ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานประมาณ 3 เดือน แต่หากแยกออกมาแล้วต้องการให้วิเคราะห์ว่าใน 6 กลุ่มนี้ กลุ่มใดจะไปรุ่งหรือใครจะไปไม่รอด หรือทำการวิเคราะห์ลึกว่าถ้าไปรอดแล้วจะไปต่อแบบไหน ต้องศึกษาแนวทางเพิ่มหรือไม่ หรือถ้าไปไม่รอดจะลดเหลือกี่กลุ่ม ซึ่งจะต้องใช้ที่ปรึกษาเชิงธุรกิจที่ลึกขึ้น และอาจจะต้องใช้เวลานานกว่า 3 เดือน
     
       นอกจากนี้ยังได้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการ FTTx ในส่วนภูมิภาค ซึ่งมี 12 สัญญา จำนวน 1 แสนพอร์ต มูลค่าสัญญา 4,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้มีหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดของ กสท ให้ กสท จัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อประกอบการพิจารณาของบประมาณมาดำเนินโครงการต่อไป ซึ่งทาง กสท ได้ส่งรายละเอียดไปให้ต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว
     
       นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของแผนฟื้นฟูที่กำลังทำอยู่ เป็นแผนปี 58-62 กสท ได้ทำการร่างแผนแล้วเตรียมให้บอร์ดพิจารณาเพื่อทำเวิร์กชอปร่วมกัน เพื่อให้บอร์ดลงความเห็น น่าจะดำเนินการได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคม
     
       'ธุรกิจหลักของเรายังเป็นไร้สายกับบรอดแบนด์ และกำลังศึกษาบริการเสริมอื่นๆ ในอนาคตอย่างเช่นคลาวด์ ซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิส ว่าจะเป็นการให้บริการกับประชาชนแบบไหน จะนำมาใช้งานภายในได้อย่างไร นอกจากนี้จะยังมีบางธุรกิจที่จะยุบรวมกัน หรือยกเลิก อย่างเช่น บริการบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศจะมีการรวมกันเป็นก้อนเดียว จัดการโอเปอเรชันให้มาทำเป็นที่เดียวกัน ใช้อุปกรณ์ชุดเดียวกัน เพื่อประหยัดงบประมาณและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด'
     
       ส่วนธุรกิจที่อาจจะยกเลิกอย่างเช่น บริการเฟรมรีเลย์ (FRAME RELEY) กำลังพิจารณาอยู่ เพราะอุปกรณ์ 1 ชุดมีลูกค้าใช้น้อย จะเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าเพื่อให้ใช้บริการอื่นทดแทน ซึ่งการลดบริการอื่นๆ นี้จะทำให้กสทสามารถนำบุคคลากรไปใช้งานอื่นๆ ได้ดีขึ้น ส่วนเคเบิลยังเป็นโครงข่ายหลักที่ กสท ต้องมี โดยนับจากนี้จะพยายามกระจายพอร์ตฟอริโอให้มากขึ้น เช่น นำมาขายให้กับโอเปอเรเตอร์เพื่อนบ้านอย่างลาว พม่า
     
       นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะทำสัญญากับ MVNOรายใหม่ได้ เพราะขณะนี้ยังคุยเรื่องสัญญากับ เทสโก้ อยู่ ซึ่ง กสท ต้องเพิ่มระบบไอทีเพื่อรองรับกับการทำงานนี้ คาดว่าจะใช้งานและเซ็นสัญญาได้ภายในต้นปีหน้า ส่วนการใช้คลื่น 850MHz นั้น กสท สามารถใช้ได้ถึงปี 2568 ซึ่ง กสท กำลังเนินการขอทำเรื่อง 4G ในคลื่น 1800 MHz เพื่อขอร่วมประมูลกับกสทช.ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ของลูกค้าเริ่มไปทางนี้ และ 3G เริ่มไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่วนกลยุทธ์บรอดแบนด์เริ่มเจาะตลาด FTTxมากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์
     
       'ในส่วนของผลประกอบการของกสทยังอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวัง ดังนั้นเราต้องพยายามหาธุรกิจที่จะมาเสริมให้ทำให้เราไม่อยู่ในกลุ่มสีแดง รวมไปถึงต้องหาวิธีจัดการกับการทำงานภายใน เช่น การแก้ไขด้านบริการลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว แต่กระบวนการหลายๆ อย่างเรายังตามไม่ทันเพราะติดข้อกฏหมาย ส่วนการสื่อสารภายในองค์กรจะมีการชี้แจงภายในเพื่อให้พนักงานรับรู้ในเรื่องสภาพปัญหา และสถานะการดำเนินงานในปัจจุบันของ กสท เพื่อร่วมกันแก้ไข ในขณะที่งานด้านอื่นๆ จะเน้นเรื่องการเอาต์ซอร์สมากขึ้น ไม่เน้นรับคน เน้นลูกค้าที่ชัดเจนมากขึ้น หลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง'


http://www.manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000104377

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.