Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

11 กันยายน 2557 RS.พรพรรณ ระบุ นิยามของฟรีทีวีในปัจจุบันหมายถึงช่องดิจิตอล รวมถึงช่องอนาล็อก ดั้งนั้น กรณีที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ควรให้เราเข้าเกี่ยวข้องด้วย

ประเด็นหลัก

ทางด้านนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 รายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้นตามหลักประกาศมัสต์ แฮฟ (Must Have) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเห็นด้วยกับประกาศมัสต์ แฮฟ เพราะมองว่าจะทำให้กลไกทางการตลาดเสีย แต่เนื่องจากมีการประกาศออกมาบังคับใช้แล้ว ทางบริษัทจึงยอมรับตามประกาศ โดยมีการยื่นขอความเป็นธรรมฟ้องร้องศาลปกครองแค่ไม่ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง
   
       สำหรับกรณีที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) มีหนังสือขออนุญาต กสทช. เพื่อขออนุญาตเผยแพร่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ผ่านบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่น ที่ไม่ใช่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (ฟรีทีวี) นั้น บริษัทมีความคิดเห็นดังนี้ 1.การแข่งขันเอเชียนเกมส์ถือเป็นรายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้น ตามหลักประกาศมัสต์แฮฟ ซึ่งนิยามของฟรีทีวีในปัจจุบันหมายถึงช่องดิจิตอล รวมถึงช่องอนาล็อกที่ออกอากาศคู่ขนานกับช่องดิจิตอล อันได้แก่ ช่อง 5. ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง NBT และช่องไทยพีบีเอส
   
       2.การขออนุญาตถ่ายทอดสดผ่านบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ฟรีทีวี อันได้แก่ ช่องดาวเทียม รวมถึงช่องอนาล็อกที่ไม่ได้ออกอากาศคู่ขนานกับดิจิตอล ต้องเป็นการถ่ายทอดสดแบบคู่ขนานกับฟรีทีวีเท่านั้น หาก กสท. จะพิจารณาอนุญาตต้องใช้ดุลยพินิจในการอนุญาตอย่างรอบคอบ มีเหตุผลชัดเจน และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และความเสมอภาคในการประกอบกิจการ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในการใช้ดุลยพินิจต่อไปในอนาคต
   
       3.หากจะขออนุญาตถ่ายทอดสดถ่ายบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ฟรีทีวี อันได้แก่ ช่องดาวเทียม รวมถึงช่องอนาล็อกที่ไม่ได้ออกอากาศคู่ขนานกับดิจิตอล โดยนำการแข่งขันในส่วนที่ไม่ได้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวี แต่จะนำมาถ่ายทอดสดทางบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่น กสท. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาอนุญาตได้ เพราะขัดกับหลักประกาศมัสต์แฮฟ ซึ่งกสท. เป็นผู้กำกับดูแลพึงจะต้องปฎิบัติตามกฎ ระเบียบที่ตนเองสร้างขึ้นอย่างเคร่งครัด หากฝืนใช้ดุลยพินิจอนุญาตย่อมเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา
   
       "ถ้าจะบอกว่าไม่มีใครจะรู้ซึ้งกับปัญหาของประกาศมัสต์แฮฟเท่ากับอาร์เอสก็คงไม่ผิด มาวันนี้ กสทช. ซึ่งเป็นผู้ออกประกาศฉบับนี้ ก็จะได้ตระหนักด้วยตนเอง ที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นด้วยกับประกาศมัสต์แฮฟ แต่เมื่อท่านประกาศมาบังคับใช้แล้ว เราก็ยอมรับมัน ตอนที่ฟ้องศาลปกครอง ก็แค่ฟ้องว่าไม่ควรบังคับใช้ย้อนหลัง ดังนั้น ในฐานะผู้ออกกฎและบังคับใช้ วันนี้ กสทช. จะได้เข้าใจว่าแก่นของปัญหาของประกาศมัสต์แฮฟมันคืออะไร” นางพรพรรณกล่าว

















______________________________




ขานรับช่อง3จอดำ คุยไม่จบเรียงช่องทีวี


       ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียม-เคเบิล ไม่ขัดขืน ยันพร้อมงดออกอากาศช่อง 3 หลังได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ พร้อมขอ กสทช. เตรียมแผนตอบข้อสงสัยผู้บริโภค เมื่อถึงวันจอดำ ส่วนเรื่องเรียงช่อง ป้องกันประชาชนสับสน ผู้ให้บริการเสียงแตก มีทั้งหนุนและค้าน ด้านอาร์เอสย้ำ ต้องบังคับใช้กฎมัสต์แอฟอย่างเคร่งครัดกรณีเอเชี่ยนเกมส์
     
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ผู้ให้บริการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี ได้เข้ามาหารือเรื่องการงดออกอากาศช่อง 3 ระบบอนาล็อกบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ร่วมกับตัวแทนกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) คือ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ โดยผู้ประกอบการทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าจะปฏิบัติตามหนังสือที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้ง นับจากวันที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ
     
       ตัวแทนจากจานเหลืองดีทีวี กล่าวว่า ตอนนี้มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรกเรื่องการทำอักษรวิ่งแจ้งให้ผู้บริโภคทราบ เพราะทางผู้ให้บริการคงไม่สามารถทำตัววิ่งไปทับในรายการใดรายการหนึ่งของผู้อื่นได้ และประการที่สอง คือ ถ้าถึงวันที่ช่อง 3 จอดำ จะเกิดคำถามกับประชาชน ซึ่งทางผู้ให้บริการต้องรับศึกหนักกับการตอบคำถามผ่านคอลเซ็นเตอร์ เพราะผู้ให้บริการไม่สามารถรับเรื่องร้องเรียนได้ทั้งหมด สุดท้ายก็จะถูกผู้บริโภคต่อว่า จึงต้องการให้ทาง กสทช.ดูแลเรื่องนี้ด้วย
     
       น.ส.สุภิญญากล่าวว่า ขณะนี้ กสทช. พร้อมส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการโครงข่ายแล้ว โดยจะส่งทางไปรษณีย์แบบตอบรับ คาดว่าจะถึงผู้ให้บริการโครงข่ายที่มีอยู่จำนวนกว่า 400 ผู้ให้บริการภายใน 1-2 วัน ส่วนเรื่องข้อความที่จะวิ่งบนรายการ ทาง กสทช. จะเป็นผู้คิดข้อความให้ ขณะที่เรื่องคอลเซ็นเตอร์ กสทช. ก็จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคโทรเข้ามาสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์ หมายเลข 1200 ของ กสทช. แทน
     
       นอกจากนี้ ผู้ให้บริการโครงข่ายยังได้หารือร่วมกับกรรมการ กสท. เพิ่มเติมถึงปัญหาเรื่องการเรียงช่องใหม่ โดยในการหารือดังกล่าว นอกจากชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์โครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลที่ไม่เห็นด้วยกับการเรียงช่องแล้ว ยังมีตัวแทนจากสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยเข้าร่วมหารือด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน
     
       นายณัฏฐชัย อักษรดิษฐ นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมขอสนับสนุนเรื่องการเรียงช่อง เพราะจะช่วยให้คนดูไม่สับสน หากจะดำเนินการเรื่องเรียงช่องใหม่ ก็ควรรีบดำเนินการเลย โดยผู้ให้บริการที่เป็นสมาชิกของสมาคมกว่า 350 ราย ทุกอำเภอ ทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมเรื่องนี้แล้ว
     
       "เราขอบอกว่าเราเป็นคนละกลุ่มกับชมรมฯ ที่เขาคัดค้าน ชมรมฯ ที่คัดค้าน เขาเพิ่งรวมตัวกันได้ไม่ถึงเดือน เขาก็มาชวนพวกผม แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมจึงต้องยื่นหนังสือสนับสนุน ผมเป็นผู้ให้บริการเคเบิล ผมเก็บเงินกับผู้ชมเป็นรายเดือน เราไม่มีรายได้จากการเก็บค่าเรียงช่อง ส่วนคนอื่นจะเก็บหรือไม่ผมไม่รู้"
     
       ขณะที่ตัวแทนจากชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์โครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ยังคงยืนยันตามหนังสือคัดค้านที่ได้ยื่นไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2557 โดยนายมานพ โตการค้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอพีเอ็ม จำกัด และประธานชมรมฯ กล่าวว่า ชมรมฯ ยังคงต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้เอกชนแข่งขันกันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้กำกับอย่าง กสทช. ต้องดูแลผู้ให้บริการทั้งหมดอย่างทั่วถึง
     
       ทางด้าน พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ชมรมฯ เสนอมาทำให้รู้สึกหนักใจ และต้องกลับไปคิดว่า กสทช. ต้องดูแลพวกท่านด้วย แต่สิ่งที่เราตัดสินใจไป แม้ว่าจะต้องเจอกับก้อนหิน เหมือนอย่างกรณีเรื่องช่อง 3 เราก็ยินดี เพราะก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งโยนดอกไม้ตามมา
     
       ทางด้านนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 รายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้นตามหลักประกาศมัสต์ แฮฟ (Must Have) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเห็นด้วยกับประกาศมัสต์ แฮฟ เพราะมองว่าจะทำให้กลไกทางการตลาดเสีย แต่เนื่องจากมีการประกาศออกมาบังคับใช้แล้ว ทางบริษัทจึงยอมรับตามประกาศ โดยมีการยื่นขอความเป็นธรรมฟ้องร้องศาลปกครองแค่ไม่ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง
     
       สำหรับกรณีที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) มีหนังสือขออนุญาต กสทช. เพื่อขออนุญาตเผยแพร่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ผ่านบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่น ที่ไม่ใช่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (ฟรีทีวี) นั้น บริษัทมีความคิดเห็นดังนี้ 1.การแข่งขันเอเชียนเกมส์ถือเป็นรายการโทรทัศน์สำคัญที่เผยแพร่ได้เฉพาะในฟรีทีวีเท่านั้น ตามหลักประกาศมัสต์แฮฟ ซึ่งนิยามของฟรีทีวีในปัจจุบันหมายถึงช่องดิจิตอล รวมถึงช่องอนาล็อกที่ออกอากาศคู่ขนานกับช่องดิจิตอล อันได้แก่ ช่อง 5. ช่อง 7, ช่อง 9, ช่อง NBT และช่องไทยพีบีเอส
     
       2.การขออนุญาตถ่ายทอดสดผ่านบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ฟรีทีวี อันได้แก่ ช่องดาวเทียม รวมถึงช่องอนาล็อกที่ไม่ได้ออกอากาศคู่ขนานกับดิจิตอล ต้องเป็นการถ่ายทอดสดแบบคู่ขนานกับฟรีทีวีเท่านั้น หาก กสท. จะพิจารณาอนุญาตต้องใช้ดุลยพินิจในการอนุญาตอย่างรอบคอบ มีเหตุผลชัดเจน และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทุกฝ่าย โดยคำนึงถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และความเสมอภาคในการประกอบกิจการ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในการใช้ดุลยพินิจต่อไปในอนาคต
     
       3.หากจะขออนุญาตถ่ายทอดสดถ่ายบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ฟรีทีวี อันได้แก่ ช่องดาวเทียม รวมถึงช่องอนาล็อกที่ไม่ได้ออกอากาศคู่ขนานกับดิจิตอล โดยนำการแข่งขันในส่วนที่ไม่ได้ถ่ายทอดสดทางฟรีทีวี แต่จะนำมาถ่ายทอดสดทางบริการโทรทัศน์ช่องทางอื่น กสท. ไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาอนุญาตได้ เพราะขัดกับหลักประกาศมัสต์แฮฟ ซึ่งกสท. เป็นผู้กำกับดูแลพึงจะต้องปฎิบัติตามกฎ ระเบียบที่ตนเองสร้างขึ้นอย่างเคร่งครัด หากฝืนใช้ดุลยพินิจอนุญาตย่อมเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา
     
       "ถ้าจะบอกว่าไม่มีใครจะรู้ซึ้งกับปัญหาของประกาศมัสต์แฮฟเท่ากับอาร์เอสก็คงไม่ผิด มาวันนี้ กสทช. ซึ่งเป็นผู้ออกประกาศฉบับนี้ ก็จะได้ตระหนักด้วยตนเอง ที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นด้วยกับประกาศมัสต์แฮฟ แต่เมื่อท่านประกาศมาบังคับใช้แล้ว เราก็ยอมรับมัน ตอนที่ฟ้องศาลปกครอง ก็แค่ฟ้องว่าไม่ควรบังคับใช้ย้อนหลัง ดังนั้น ในฐานะผู้ออกกฎและบังคับใช้ วันนี้ กสทช. จะได้เข้าใจว่าแก่นของปัญหาของประกาศมัสต์แฮฟมันคืออะไร” นางพรพรรณกล่าว

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000104216&Keyword=%A1%CA%B7

______________________________________________


?ดาวเทียม-เคเบิล รับถอดช่อง3อนาล็อก?
กสทช . ส่งหนังสือแจ้งเตือนโครงข่ายดาวเทียม เคเบิล กำชับถอดช่อง 3 อนาล็อกภายใน 15 วัน สำรองคอลเซ็นเตอร์ 1200 รองรับผลกระทบผู้บริโภค ด้าน สุภิญญา ชี้ เป็นไปไม่ได้หากให้นำช่อง 3 อนาล็อกมาออกช่องสาธารณะ ลั่นไม่มีใครทำกัน

วันพุธ 10 กันยายน 2557 เวลา 18:42 น.
วันนี้(10ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่าได้เรียกผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีรับทราบแนวทางปฏิบัติให้นำช่อง3อนาล็อกที่ได้สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นฟรีทีวีและห้ามนำเอาช่อง 3อนาล็อกออกอากาศบนโครงข่ายฯภายหลังจากรับหนังสือจากกสทช.ภายใน 15 วันโดยคาดว่าหนังสือจะส่งถึงผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียม และเคเบิลทีวีใน 1-2 วันนี้โดยจะให้ สำนักงาน กสทช.ร่างถ้อยคำที่จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ตัววิ่งให้เหมือนกันพร้อมสำรอง คอล เซ็นเตอร์โทร.1200 ของสำนักงานกสทช.เพื่อตอบข้อซักถามประชาชนภายหลังจากไม่สามารถรับชมช่อง 3อนาล็อกผ่านดาวเทียมเคเบิลได้

ในขณะที่กรณีที่ช่อง 3 อนาล็อกที่ได้ส่งแผนมายังกสท.นั้นเบื้องต้นจะขอดูแผนเอกสารแนวทางการแก้ไขปัญหาช่อง 3อนาล็อกที่ไม่สามารถออกอากาศบนโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลได้ที่ได้ส่งผลให้ผู้รับชมได้รับผลกระทบทั้งนี้หากช่อง 3 ขอออกอากาศแบบเรียลไทม์พาสทู คือ การนำสัญญาณของ ช่อง 3อนาล็อกไปออกอากาศทางทุกช่องทางได้โดยไม่มีการดัดแปลงนั้น ก็ต้องไว้บนช่องของตัวเองคือ ช่อง33 HD ไม่สามารถนำไปออกช่องใดได้เลย ส่วนหากจะให้กสท.นำมาออกในช่องสาธารณะนั้นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน และคงไม่มีใครกล้าที่จะนำช่อง3อนาล็อกไปออกเช่นกัน เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดและใช้ช่องผิดประเภทหรือหากช่อง 3 ต้องการให้กสท.เจรจากับคู่สัญญาสัมปทานเรื่องลดระยะเวลาสัมทานหรือ การลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตก็ยินดี

ด้าน นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เจริญยิ่ง (8888) จำกัด กล่าวว่า ถ้าได้รับหนังสือทางปกครองจากกสทช. แล้วจะนำขึ้นที่หน้าจอทีวีทันทีเพื่อให้ประชาชนเห็นเอกสารอย่างชัดเจนจากนั้นเมื่อครบ 15 วัน หากช่อง 3 เกิดจอดำก็จะนำหนังสือฉบับเดิมขึ้นไว้ที่หน้าจอโดยไม่เอาลง ซึ่งขอให้ช่อง 3 กับ กสท.คุยกันให้ชัดเจนเพราะผู้บริโภคเดือดร้อนได้รับผลกระทบ หากเคเบิลทีวีไม่ทำตามผู้กำกับดูแลที่ให้ใบอนุญาตก็ถูกลงโทษ เมื่อบังคับช่อง 3ไม่ได้ก็ต้องมาบังคับโครงข่ายแทน ส่วนการพูดคุยกับช่อง 3 ที่ผ่านมานั้นช่อง 3 จะยังไม่ออกอากาศคู่ขนานในตอนนี้แต่หลังจากนั้นอีก 5-6 ปีจะนำมาออกช่องดิจิตอลแน่นอน

http://www.dailynews.co.th/Content/IT/265828/ดาวเทียม-เคเบิล+รับถอดช่อง3อนาล็อก

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.