06 มกราคม 2558 วรรณี รัตนพล ระบุในปี 2558 สื่อที่จะมาแรง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และทรานซิต โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากปีหน้าการแข่งขันของทีวีดิจิตอลจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง
ประเด็นหลัก
alt อุตสาหกรรมโทรทัศน์ เป็นสื่อมีเดียที่ทรงพลังอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับสื่ออื่น และมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ของอุตสาหกรรมสื่อทั้งหมดซึ่งมีเม็ดเงินรวมกว่า 1.15 แสนล้านบาทในปี 2556 ขณะที่ในปี 2558 วงการเอเยนซีทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อว่าตลาดดังกล่าวจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสื่อทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันเม็ดเงินของสื่อประเภทอื่นจะลดลง และจะถูกแบ่งงบมาที่สื่อทีวีมากขึ้น
"ทีวีดิจิตอล" จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากที่ในปี 2557 ถือเป็นปีก่อกำเนิด การเริ่มต้นที่ยังไม่สมบูรณ์แบบจากปัญหาความไม่พร้อมทั้งเรื่องของกล่องรับสัญญาณ การแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการรับชม และปัญหาโครงข่าย ฯลฯ ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การรับชมของผู้ชมทั่วประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างครอบคลุม และมีเสียงครหาจากผู้ประกอบการจำนวนมากถึงปัญหาที่เกิดในด้านต่างๆ ส่งผลให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กุมขมับและเร่งหาวิธีแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน
ทั้งการแจกคูปองที่ก้าวเข้าสู่เฟส 3 การเรียกผู้ประกอบการโครงข่ายเข้ามาไล่บี้ปัญหาความล่าสุด ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ "ทีวีดิจิตอล" ในปี 2558 เดินหน้าได้เต็มสปีด
_____________________________________________________
2558 ทีวีดิจิตอล เดินหน้าเต็มสปีด
alt อุตสาหกรรมโทรทัศน์ เป็นสื่อมีเดียที่ทรงพลังอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับสื่ออื่น และมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ของอุตสาหกรรมสื่อทั้งหมดซึ่งมีเม็ดเงินรวมกว่า 1.15 แสนล้านบาทในปี 2556 ขณะที่ในปี 2558 วงการเอเยนซีทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อว่าตลาดดังกล่าวจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสื่อทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันเม็ดเงินของสื่อประเภทอื่นจะลดลง และจะถูกแบ่งงบมาที่สื่อทีวีมากขึ้น
"ทีวีดิจิตอล" จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากที่ในปี 2557 ถือเป็นปีก่อกำเนิด การเริ่มต้นที่ยังไม่สมบูรณ์แบบจากปัญหาความไม่พร้อมทั้งเรื่องของกล่องรับสัญญาณ การแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการรับชม และปัญหาโครงข่าย ฯลฯ ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การรับชมของผู้ชมทั่วประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างครอบคลุม และมีเสียงครหาจากผู้ประกอบการจำนวนมากถึงปัญหาที่เกิดในด้านต่างๆ ส่งผลให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กุมขมับและเร่งหาวิธีแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน
ทั้งการแจกคูปองที่ก้าวเข้าสู่เฟส 3 การเรียกผู้ประกอบการโครงข่ายเข้ามาไล่บี้ปัญหาความล่าสุด ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ "ทีวีดิจิตอล" ในปี 2558 เดินหน้าได้เต็มสปีด
++ จับตาเวิร์คพอยท์ช่องดัง ต้องแยกวง
มุมของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ที่ต่างกางแผนเดินหน้าเพื่อเรียกเรตติ้งจากผู้ชมให้ได้มากที่สุด และเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาหลังจากมีช่องทีวีน้องใหม่ที่เคยอยู่ในแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีมาร่วมแข่งขันในสนามฟรีทีวี และเมื่อปล่อยผังโทรทัศน์มาได้สักพัก ช่องเวิร์คพอยท์ก็สามารถแย่งเรตติ้งแซงช่องฟรีทีวีเดิมรายใหญ่อย่างช่อง 5 ได้แล้ว
"ชลากรณ์ ปัญญาโฉม" ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์การตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เวิร์คพอยท์จะถอดรายการออกจากผังรายการของช่อง 5 และช่อง 9 ทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีช่องทีวีดิจิตอลแล้ว ประกอบกับขณะนี้เรตติ้งของช่องเวิร์คพอยท์แซงฟรีทีวีบางช่อง จึงได้มองเห็นโอกาสการเติบโตและประเมินแล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำรายการที่เคยอยู่ในช่อง 5 และช่อง 9 มาออกอากาศในช่องเวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟทีวีแทน
"มกราคมนี้ เวิร์คพอยท์จะนำรายการที่เคยอยู่ในช่อง 5 และช่อง 9 ทั้งหมดออกและนำมาไว้ในช่องเวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟทีวีแทน หลังจากที่เรตติ้งของเวิร์คพอยท์เริ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันรายการที่บริษัทจะนำออกมาจากช่อง 5 และช่อง 9 มีจำนวนประมาณ 9 รายการ ได้แก่ ตลก 6 ฉาก ระเบิดเที่ยงแถวตรง หนูน้อยกู้อีจู้ คนอวดผี แฟนพันธุ์แท้ คุณพระช่วย ชิงช้าสวรรค์ MY Man Can แฟนฉันเก่ง ใครคือใคร Identity Thailand เป็นต้น แต่สำหรับรายการที่อยู่ในช่อง 3 ปัจจุบัน อาทิ ชิงร้อย ชิงล้าน Sunshine Day เป็นต้น ยังคงออกอากาศตามปกติ เนื่องจากเรตติ้งช่องทีวีดังกล่าวยังมีกลุ่มผู้ชมจำนวนมากรับชม"
ในปี 2558 เวิร์คพอยท์ยังเตรียมใช้งบอีกกว่า 100 ล้านบาทซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศ และผลิตคอนเทนต์ใหม่เองอีกกว่า 20 รายการ ทั้งรายการวาไรตี ละคร และซีซันนอล
++ไทยรัฐทีวีใช้เครีเอเทีฟดึงคนดู
"จิตสุภา วัชรพล" เจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการตลาด บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2558 ว่า ไทยรัฐทีวีวางแผนจะใช้ ครีเอทีฟ ในการสร้างสรรค์ข่าวที่คนดูส่วนใหญ่ให้ความสนใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ผสมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่เข้าใจและเข้าถึงคนดูมากที่สุด อาทิ เทคโนโลยีการทำ Immersive Graphic เป็นต้น พร้อมปรับเป้ารายได้ใหม่จากเดิมที่เคยวางไว้ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากสปอนเซอร์ที่ดี
alt++อาร์เอสแกะกล่องละครใหม่
ส่วนช่อง 8 ในเครืออาร์เอส ซึ่งล่าเรตติ้งในปีที่ผ่านมาได้มากโข ก็เตรียมแผนเดินหน้าธุรกิจในปี 2558 ไว้อย่างเต็มที่ โดยดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานโทรทัศน์ช่อง 8 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป บริษัทจะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งวันเป็น 6 หมื่นบาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1 หมื่นบาทต่อนาที คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ชมส่งผลให้มีเรตติ้งที่ดี
ดังนั้นการปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นตามเรตติ้งจึงเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ขณะเดียวกันบริษัทจะเตรียมปรับผังรายการโดยเสริมคอนเทนต์จำนวนมากเพิ่มเติมเข้ามา อาทิ ละครใหม่แกะกล่อง, รายการข่าว , การ์ตูนดังนารูโตะและฮันเตอร์เอ็กซ์ อื่นๆ เพื่อขยายฐานผู้ชมให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม
++จับตาเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้า
การปรับตัวของช่องทีวีดิจิตอล ด้วยมุ่งหวังสร้างรายได้และจำนวนผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทย โดย "วรรณี รัตนพล" นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยและประธานบริหาร บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 สื่อที่จะมาแรง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และทรานซิต โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากปีหน้าการแข่งขันของทีวีดิจิตอลจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาพบว่าช่องทีวีต่างพากันทยอยปรับแผนธุรกิจ และสร้างแบรนดิ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
"หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดงบช่วยชาวสวน ชาวนา และกลุ่มผู้บริโภคอาชีพต่างๆ เพื่อคาดหวังให้เศรษฐกิจหมุนเวียนคล่องมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในทันที ซึ่งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาด้วย เนื่องจากในปัจจุบันตลาดโฆษณาจะอิงกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สิ่งที่น่าจับตามองไม่เพียงแค่เม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาเท่านั้น แต่ในด้านของการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทุกช่องทีวีต่างพากันทยอยแถลงข่าวปรับผังรายการสู้อย่างดุเดือด"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,015 วันที่ 4 - 7 มกราคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=260130:2558--&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.VKvPAcZAeuw
alt อุตสาหกรรมโทรทัศน์ เป็นสื่อมีเดียที่ทรงพลังอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับสื่ออื่น และมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ของอุตสาหกรรมสื่อทั้งหมดซึ่งมีเม็ดเงินรวมกว่า 1.15 แสนล้านบาทในปี 2556 ขณะที่ในปี 2558 วงการเอเยนซีทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อว่าตลาดดังกล่าวจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสื่อทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันเม็ดเงินของสื่อประเภทอื่นจะลดลง และจะถูกแบ่งงบมาที่สื่อทีวีมากขึ้น
"ทีวีดิจิตอล" จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากที่ในปี 2557 ถือเป็นปีก่อกำเนิด การเริ่มต้นที่ยังไม่สมบูรณ์แบบจากปัญหาความไม่พร้อมทั้งเรื่องของกล่องรับสัญญาณ การแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการรับชม และปัญหาโครงข่าย ฯลฯ ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การรับชมของผู้ชมทั่วประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างครอบคลุม และมีเสียงครหาจากผู้ประกอบการจำนวนมากถึงปัญหาที่เกิดในด้านต่างๆ ส่งผลให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กุมขมับและเร่งหาวิธีแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน
ทั้งการแจกคูปองที่ก้าวเข้าสู่เฟส 3 การเรียกผู้ประกอบการโครงข่ายเข้ามาไล่บี้ปัญหาความล่าสุด ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ "ทีวีดิจิตอล" ในปี 2558 เดินหน้าได้เต็มสปีด
++จับตาเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้า
การปรับตัวของช่องทีวีดิจิตอล ด้วยมุ่งหวังสร้างรายได้และจำนวนผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทย โดย "วรรณี รัตนพล" นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยและประธานบริหาร บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 สื่อที่จะมาแรง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และทรานซิต โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากปีหน้าการแข่งขันของทีวีดิจิตอลจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาพบว่าช่องทีวีต่างพากันทยอยปรับแผนธุรกิจ และสร้างแบรนดิ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
"หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดงบช่วยชาวสวน ชาวนา และกลุ่มผู้บริโภคอาชีพต่างๆ เพื่อคาดหวังให้เศรษฐกิจหมุนเวียนคล่องมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในทันที ซึ่งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาด้วย เนื่องจากในปัจจุบันตลาดโฆษณาจะอิงกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สิ่งที่น่าจับตามองไม่เพียงแค่เม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาเท่านั้น แต่ในด้านของการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทุกช่องทีวีต่างพากันทยอยแถลงข่าวปรับผังรายการสู้อย่างดุเดือด"
การปรับตัวของช่องทีวีดิจิตอล ด้วยมุ่งหวังสร้างรายได้และจำนวนผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทย โดย "วรรณี รัตนพล" นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยและประธานบริหาร บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 สื่อที่จะมาแรง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และทรานซิต โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากปีหน้าการแข่งขันของทีวีดิจิตอลจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาพบว่าช่องทีวีต่างพากันทยอยปรับแผนธุรกิจ และสร้างแบรนดิ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
"หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดงบช่วยชาวสวน ชาวนา และกลุ่มผู้บริโภคอาชีพต่างๆ เพื่อคาดหวังให้เศรษฐกิจหมุนเวียนคล่องมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในทันที ซึ่งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาด้วย เนื่องจากในปัจจุบันตลาดโฆษณาจะอิงกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สิ่งที่น่าจับตามองไม่เพียงแค่เม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาเท่านั้น แต่ในด้านของการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทุกช่องทีวีต่างพากันทยอยแถลงข่าวปรับผังรายการสู้อย่างดุเดือด"
_____________________________________________________
2558 ทีวีดิจิตอล เดินหน้าเต็มสปีด
alt อุตสาหกรรมโทรทัศน์ เป็นสื่อมีเดียที่ทรงพลังอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับสื่ออื่น และมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ของอุตสาหกรรมสื่อทั้งหมดซึ่งมีเม็ดเงินรวมกว่า 1.15 แสนล้านบาทในปี 2556 ขณะที่ในปี 2558 วงการเอเยนซีทั้งในประเทศและต่างประเทศเชื่อว่าตลาดดังกล่าวจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสื่อทีวีดิจิตอลเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกันเม็ดเงินของสื่อประเภทอื่นจะลดลง และจะถูกแบ่งงบมาที่สื่อทีวีมากขึ้น
"ทีวีดิจิตอล" จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ หลังจากที่ในปี 2557 ถือเป็นปีก่อกำเนิด การเริ่มต้นที่ยังไม่สมบูรณ์แบบจากปัญหาความไม่พร้อมทั้งเรื่องของกล่องรับสัญญาณ การแจกคูปองเพื่อสนับสนุนการรับชม และปัญหาโครงข่าย ฯลฯ ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การรับชมของผู้ชมทั่วประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างครอบคลุม และมีเสียงครหาจากผู้ประกอบการจำนวนมากถึงปัญหาที่เกิดในด้านต่างๆ ส่งผลให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กุมขมับและเร่งหาวิธีแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน
ทั้งการแจกคูปองที่ก้าวเข้าสู่เฟส 3 การเรียกผู้ประกอบการโครงข่ายเข้ามาไล่บี้ปัญหาความล่าสุด ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ "ทีวีดิจิตอล" ในปี 2558 เดินหน้าได้เต็มสปีด
++ จับตาเวิร์คพอยท์ช่องดัง ต้องแยกวง
มุมของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ที่ต่างกางแผนเดินหน้าเพื่อเรียกเรตติ้งจากผู้ชมให้ได้มากที่สุด และเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาหลังจากมีช่องทีวีน้องใหม่ที่เคยอยู่ในแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีมาร่วมแข่งขันในสนามฟรีทีวี และเมื่อปล่อยผังโทรทัศน์มาได้สักพัก ช่องเวิร์คพอยท์ก็สามารถแย่งเรตติ้งแซงช่องฟรีทีวีเดิมรายใหญ่อย่างช่อง 5 ได้แล้ว
"ชลากรณ์ ปัญญาโฉม" ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์การตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เวิร์คพอยท์จะถอดรายการออกจากผังรายการของช่อง 5 และช่อง 9 ทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้บริษัทมีช่องทีวีดิจิตอลแล้ว ประกอบกับขณะนี้เรตติ้งของช่องเวิร์คพอยท์แซงฟรีทีวีบางช่อง จึงได้มองเห็นโอกาสการเติบโตและประเมินแล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำรายการที่เคยอยู่ในช่อง 5 และช่อง 9 มาออกอากาศในช่องเวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟทีวีแทน
"มกราคมนี้ เวิร์คพอยท์จะนำรายการที่เคยอยู่ในช่อง 5 และช่อง 9 ทั้งหมดออกและนำมาไว้ในช่องเวิร์คพอยท์ ครีเอทีฟทีวีแทน หลังจากที่เรตติ้งของเวิร์คพอยท์เริ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันรายการที่บริษัทจะนำออกมาจากช่อง 5 และช่อง 9 มีจำนวนประมาณ 9 รายการ ได้แก่ ตลก 6 ฉาก ระเบิดเที่ยงแถวตรง หนูน้อยกู้อีจู้ คนอวดผี แฟนพันธุ์แท้ คุณพระช่วย ชิงช้าสวรรค์ MY Man Can แฟนฉันเก่ง ใครคือใคร Identity Thailand เป็นต้น แต่สำหรับรายการที่อยู่ในช่อง 3 ปัจจุบัน อาทิ ชิงร้อย ชิงล้าน Sunshine Day เป็นต้น ยังคงออกอากาศตามปกติ เนื่องจากเรตติ้งช่องทีวีดังกล่าวยังมีกลุ่มผู้ชมจำนวนมากรับชม"
ในปี 2558 เวิร์คพอยท์ยังเตรียมใช้งบอีกกว่า 100 ล้านบาทซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศ และผลิตคอนเทนต์ใหม่เองอีกกว่า 20 รายการ ทั้งรายการวาไรตี ละคร และซีซันนอล
++ไทยรัฐทีวีใช้เครีเอเทีฟดึงคนดู
"จิตสุภา วัชรพล" เจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการตลาด บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2558 ว่า ไทยรัฐทีวีวางแผนจะใช้ ครีเอทีฟ ในการสร้างสรรค์ข่าวที่คนดูส่วนใหญ่ให้ความสนใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ผสมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่เข้าใจและเข้าถึงคนดูมากที่สุด อาทิ เทคโนโลยีการทำ Immersive Graphic เป็นต้น พร้อมปรับเป้ารายได้ใหม่จากเดิมที่เคยวางไว้ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากสปอนเซอร์ที่ดี
alt++อาร์เอสแกะกล่องละครใหม่
ส่วนช่อง 8 ในเครืออาร์เอส ซึ่งล่าเรตติ้งในปีที่ผ่านมาได้มากโข ก็เตรียมแผนเดินหน้าธุรกิจในปี 2558 ไว้อย่างเต็มที่ โดยดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานโทรทัศน์ช่อง 8 บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป บริษัทจะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งวันเป็น 6 หมื่นบาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1 หมื่นบาทต่อนาที คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ชมส่งผลให้มีเรตติ้งที่ดี
ดังนั้นการปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นตามเรตติ้งจึงเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ขณะเดียวกันบริษัทจะเตรียมปรับผังรายการโดยเสริมคอนเทนต์จำนวนมากเพิ่มเติมเข้ามา อาทิ ละครใหม่แกะกล่อง, รายการข่าว , การ์ตูนดังนารูโตะและฮันเตอร์เอ็กซ์ อื่นๆ เพื่อขยายฐานผู้ชมให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม
++จับตาเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้า
การปรับตัวของช่องทีวีดิจิตอล ด้วยมุ่งหวังสร้างรายได้และจำนวนผู้ชมที่เพิ่มมากขึ้น ย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในเมืองไทย โดย "วรรณี รัตนพล" นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทยและประธานบริหาร บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด กล่าวว่า ในปี 2558 สื่อที่จะมาแรง ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และทรานซิต โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากปีหน้าการแข่งขันของทีวีดิจิตอลจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง และในช่วงปลายปีที่ผ่านมาพบว่าช่องทีวีต่างพากันทยอยปรับแผนธุรกิจ และสร้างแบรนดิ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
"หลังจากที่รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดงบช่วยชาวสวน ชาวนา และกลุ่มผู้บริโภคอาชีพต่างๆ เพื่อคาดหวังให้เศรษฐกิจหมุนเวียนคล่องมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในทันที ซึ่งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดโฆษณาด้วย เนื่องจากในปัจจุบันตลาดโฆษณาจะอิงกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
สิ่งที่น่าจับตามองไม่เพียงแค่เม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาเท่านั้น แต่ในด้านของการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง เพราะในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทุกช่องทีวีต่างพากันทยอยแถลงข่าวปรับผังรายการสู้อย่างดุเดือด"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,015 วันที่ 4 - 7 มกราคม พ.ศ. 2558
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=260130:2558--&catid=107:2009-02-08-11-34-25&Itemid=456#.VKvPAcZAeuw
ไม่มีความคิดเห็น: