27 มกราคม 2558 (บทความ) จัดระเบียบโทรคมนาคม // กสทช.เคยคิดค่าเฉลี่ยค่าบริการทุกค่ายอยู่ที่ 1.33 บาทต่อ 1 นาที ถ้าคิดค่าโทร.แบบปัดเศษตามที่ค่ายมือถือปัจจุบันคิดเพียงคนละ 1 นาทีต่อเดือน

ประเด็นหลัก


    อย่างไรก็ตาม ด้านประธาน กมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกมาแย้งในเรื่องการออกแพ็กเกจทางเลือกว่า ยังไม่ตรงกับที่ สปช.ได้เสนอไว้ คือ ควรมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานคิดค่าใช้บริการตามจริงเป็นวินาทีทุกโปรโมชั่น เนื่องจากต้องการให้ทุกคนได้เท่าเทียมกัน โดยตัวเลขข้อมูลคนใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4/2558 มีจำนวน 94 ล้านเลขหมาย โดย 90% เป็นผู้ใช้งานระบบเติมเงิน
    โดย กสทช.เคยคิดค่าเฉลี่ยค่าบริการทุกค่ายอยู่ที่ 1.33 บาทต่อ 1 นาที ถ้าคิดค่าโทร.แบบปัดเศษตามที่ค่ายมือถือปัจจุบันคิดเพียงคนละ 1 นาทีต่อเดือน แล้วเอา 90 ล้านหมายเลขมาคำนวณ ก็จะเท่ากับจำนวนเงิน 3,500 ล้านบาทต่อเดือน ที่จะเป็นมูลค่าส่วนต่างที่ค่ายมือถือได้รับไปจากการคำนวณแบบนี้ แต่ถ้ามีการคิดค่าโทร.ตามการใช้งานจริง คิดคำนวณแบบวินาทีที่ใช้งาน ก็จะสร้างความเป็นธรรมและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค
    กสทช.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานแบบเครื่องร้อนอย่างต่อเนื่อง นำเรื่องการคิดค่าโทร.ตามจริงเป็นวินาที บรรจุลงไปในส่วนหนึ่งของร่างประกาศ เรื่อง การกระทำที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม โดยอาศัยการใช้เครือข่าย หรือการโฆษณาอันมีลักษณะเป็นการค้ากำไรเกินควร หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ พ.ศ..... ตามมติที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 21 ม.ค.58 ที่ผ่านมา
    โดยให้นำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค  อาทิ การคิดค่าโทรศัพท์ที่ไม่เป็นจริงตามการใช้งาน ซึ่ง กสทช.มีอำนาจสั่งระงับการดำเนินการดังกล่าวของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมได้ และให้มีอำนาจสั่งปรับทางปกครองได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และปรับ 100,000 บาทต่อวัน หากผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตาม โดยคิดอัตราปรับตามระยะเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง เมื่อมีประกาศออกมาบังคับใช้


_____________________________________________________














จัดระเบียบโทรคมนาคม : จุฬาวรรณ สุทธิมาศ


    จากการที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ลงมติเห็นชอบรายงานศึกษา เรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามระยะเวลาการใช้งานที่เป็นจริงโดยคิดเป็นวินาที หลังจากที่ได้รับฟังผลการศึกษาของ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธาน กมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านนี้อย่างสำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ออกโรงเรียกผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ได้แก่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าหารือในประเด็นดังกล่าว
    โดยหลังการพูดคุยหารือกับทั้ง 5 ค่าย ในเบื้องต้นทุกค่ายได้ให้ความร่วมมือและยินดีคิดค่าโทร.ตามจริงเป็นวินาที โดยรับคำว่าจะออกเป็นแพ็กเกจใหม่ที่เป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการก่อนวันที่ 1 มี.ค.58 นี้ และหลังจากมีแพ็กเกจใหม่ออกมา ค่ายมือถือจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว็บไซต์ให้ประชาชนรับทราบและสามารถเข้าตรวจสอบยอดการใช้งานได้ตลอดเวลา
    ทั้งนี้ ค่ายมือถือได้ให้เหตุผลในการออกแพ็กเกจทางเลือกว่า เพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิ์เลือก อีกทั้งระบบการคำนวณปัจจุบันยังคงคิดแบบนาที หากจะต้องแก้ไขในแพ็กเกจเดิมที่มีอยู่แล้วนั้น จะต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้างวิธีคำนวณใหม่  ซึ่งส่วนนี้มีความซับซ้อนและมีต้นทุนในการปรับเปลี่ยนพอสมควร
    อย่างไรก็ตาม ด้านประธาน กมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกมาแย้งในเรื่องการออกแพ็กเกจทางเลือกว่า ยังไม่ตรงกับที่ สปช.ได้เสนอไว้ คือ ควรมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานคิดค่าใช้บริการตามจริงเป็นวินาทีทุกโปรโมชั่น เนื่องจากต้องการให้ทุกคนได้เท่าเทียมกัน โดยตัวเลขข้อมูลคนใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4/2558 มีจำนวน 94 ล้านเลขหมาย โดย 90% เป็นผู้ใช้งานระบบเติมเงิน
    โดย กสทช.เคยคิดค่าเฉลี่ยค่าบริการทุกค่ายอยู่ที่ 1.33 บาทต่อ 1 นาที ถ้าคิดค่าโทร.แบบปัดเศษตามที่ค่ายมือถือปัจจุบันคิดเพียงคนละ 1 นาทีต่อเดือน แล้วเอา 90 ล้านหมายเลขมาคำนวณ ก็จะเท่ากับจำนวนเงิน 3,500 ล้านบาทต่อเดือน ที่จะเป็นมูลค่าส่วนต่างที่ค่ายมือถือได้รับไปจากการคำนวณแบบนี้ แต่ถ้ามีการคิดค่าโทร.ตามการใช้งานจริง คิดคำนวณแบบวินาทีที่ใช้งาน ก็จะสร้างความเป็นธรรมและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค
    กสทช.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานแบบเครื่องร้อนอย่างต่อเนื่อง นำเรื่องการคิดค่าโทร.ตามจริงเป็นวินาที บรรจุลงไปในส่วนหนึ่งของร่างประกาศ เรื่อง การกระทำที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม โดยอาศัยการใช้เครือข่าย หรือการโฆษณาอันมีลักษณะเป็นการค้ากำไรเกินควร หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ พ.ศ..... ตามมติที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 21 ม.ค.58 ที่ผ่านมา
    โดยให้นำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค  อาทิ การคิดค่าโทรศัพท์ที่ไม่เป็นจริงตามการใช้งาน ซึ่ง กสทช.มีอำนาจสั่งระงับการดำเนินการดังกล่าวของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมได้ และให้มีอำนาจสั่งปรับทางปกครองได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และปรับ 100,000 บาทต่อวัน หากผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตาม โดยคิดอัตราปรับตามระยะเวลาที่ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง เมื่อมีประกาศออกมาบังคับใช้
    ทั้งนี้ หลังจากได้ทำประชาพิจารณ์และเสนอต่อกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว จะมีผลบังคับให้ค่ายมือถือต้องคิดค่าโทร.เป็นจริงตามการใช้งาน แต่ระหว่างที่รอประกาศนี้บังคับใช้ เบื้องต้นจะต้องให้ค่ายมือถือออกโปรโมชั่นทางเลือกคิดค่าโทร.เป็นวินาที
    นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช.ยังได้แก้ปัญหาผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่ไม่มีการลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อแสดงตน และใช้เบอร์โทร.เหล่านั้นหลอกลวงประชาชน หรือนำไปเป็นชนวนในการจุดระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้   ด้วยการออกประกาศให้ค่ายมือถือทั้ง 5 ราย ต้องแจ้งให้ลูกค้าระบบเติมเงินดำเนินการแสดงตนให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 31 ก.ค.58 นี้ หรือภายใน 6 เดือน และหากประชาชนไม่มาลงทะเบียน ค่ายมือถือมีอำนาจในการตัดสัญญาณได้ทันที ซึ่งจะทำให้โทร.ออกไม่ได้ ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้ เหลือเพียงการรับสายเข้าได้เท่านั้น โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.58 นี้
    ส่วนประชาชนนั้น สามารถลงทะเบียนได้ตามจุดบริการที่ กสทช.ทำร่วมกับค่ายมือถือกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, ศูนย์บริการของเครือข่ายมือถือ สำหรับซิมการ์ดเดิมที่เปิดใช้งานอยู่แล้ว ส่วนซิมการ์ดใหม่ก่อนใช้งานจะต้องลงทะเบียนเปิดใช้ สามารถเข้าลงทะเบียนได้ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และในอนาคต กสทช.จะเพิ่มจุดให้บริการในธนาคารกรุงไทย
    อย่างไรก็ตาม หาก กสทช.สามารถกำกับดูแลได้จริงตามที่วางแนวทางไว้ เชื่อว่าการจัดระเบียบครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งผลงานเด่นของ กสทช.ในปี 2558 อย่างแน่นอน.


http://www.thaipost.net/news/260115/102123