07 พฤษภาคม 2555 จุติ อดีต ICT แท็บเล็ตไม่คุ้ม ร.ร.นับหมื่น ไร้สัญญาณไวไฟ // ไม่ขยายงาน 3Gเพราะเอื้อเอกชน ( ปัดไม่เคยเห็นเอกสาร )
จุติ อดีต ICT แท็บเล็ตไม่คุ้ม ร.ร.นับหมื่น ไร้สัญญาณไวไฟ // ไม่ขยายงาน 3Gเพราะเอื้อเอกชน ( ปัดไม่เคยเห็นเอกสาร )
ประเด็นหลัก
นายจุติ กล่าวอีกว่า สัญญาการซื้อขายดังกล่าว ตนไม่เคยเห็นเลย และอดีตคณะกรรมการชุดที่แล้ว ก็ยืนยันว่าไม่เคยเห็นสัญญา รวมทั้งยืนยันด้วยว่าสัญญานี้บอร์ดชุดที่ผ่านมาไม่เคยอนุมัติและไม่เคยได้ รับทราบ จึงขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่าสัญญาที่ทำขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะตนเกรงว่าจะกลายเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมากลบข่าว เพราะใกล้จะมีการปรับ ครม. แล้ว เพราะถ้าไม่สร้างเรื่องป้ายสีให้ตน ก็อาจจะโดนปรับออกได้ เรื่องนี้ไม่รู้ใครจะขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะสิ่งที่พยายามกล่าวหาตน ทุกอย่างนั้นตนทำตามมติครม.สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรีเพียงแค่มอบนโยบายให้กับบอร์ดเท่านั้น และอดีตบอร์ดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ เขาคงไม่กล้าออกมาพูดอะไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น
________________________________________________________
แท็บเล็ตไม่คุ้ม ร.ร.นับหมื่น ไร้สัญญาณไวไฟ
จุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก ปชป.ในฐานะอดีต รมว.ไอซีที อัด อนุดิษฐ์ เจ้ากระทรวง ICT ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แจกแท็บเล็ต 3 หมื่นรร.มีไวไฟแค่หลักพัน แฉดองเค็ม ไม่ขยายงาน 3 จี เพราะเอื้อเอกชน ชี้ ปั้นหวังกลบกระข่าวปรับออกครม.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงถึงกรณีการดำเนินนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับโรงเรียนทั้งหมด 30,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ว่า ตามที่กระทรวงไอซีที ระบุว่าจะเริ่มมีการเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ต ตนเห็นว่ามีปัญหาตามมาแน่นอน ทั้งในเรื่องของการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) รวมไปถึงการรับประกันเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ และหากมีการจัดซื้อแท็บเล็ตได้ ก็จะยังคงมีปัญหาตามมาในเรื่องของสัญญาณ เพราะขณะนี้มีการสำรวจว่า 30,000 โรงเรียน ที่จะต้องได้แท็บเล็ตนั้นมีสัญญาณไวไฟไม่ถึง 1,000 โรงเรียน ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เหมือนกับสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการสร้างโรงผลิตปุ๋ยในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า และยังพบว่ามีการกั๊กให้กับบริษัทเอกชนบางรายได้รับผลประโยชน์จากการขาย สัญญา
“ตลอดเวลา 9 เดือนที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไม่ผลักดันให้ทีโอที เดินหน้าขยายสัญญาณ 3 จีนั้น จะกลายเป็นการทิ้งงานให้แก่บริษัทเอกชนบางรายที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งวันนี้ควรมีการเร่งและผลักดันให้ทีโอที และกสท เดินหน้าขยาย 3 จีให้ได้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการทิ้งเค้กก้อนโตให้แก่เอกชนรับไปเต็มๆ ยืนยันว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ผ่านมา ตัดสินใจให้ทีโอที และกสท ทำ 3จี เพราะวันนี้โลกไป 4 จีแล้ว” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวหาว่า ตนในสมัยที่เป็น รมว.ไอซีที แล้วไม่ทำตามสัญญาซื้อขายระหว่าง กสท กับกลุ่ม บริษัทฮัทชิสัน เทเลคอม และถูกแทรกแซงจากการเมือง ขอยืนยันว่า เอกสารสัญญาซื้อขายฮัท ที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นำมาแถลงนั้น แม้แต่รองอธิบดีดีเอสไอ ยังไม่ทราบว่าสัญญามีจริงหรือไม่ ถ้าสัญญามีจริงจะผิดกฎหมายหรือไม่ ถือว่าตลอดเวลา 9 เดือน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวหารัฐบาลชุดที่แล้วมา 3 ครั้งแล้ว เพื่อบีบให้การซื้อขายฮัทไม่สำเร็จ ขอเรียนว่าฮัท เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายด้วยระบบดิจิตอล หรือซีดีเอ็มเอ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ตกลงจะซื้อ เพราะราคา 7 พันล้านบาท ถือว่าแพงมาก และเป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีอนาคต ซึ่งซีดีเอ็มเอทั่วโลก มีไม่ถึง 10% และไม่มีใครผลิตอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับซีดีเอ็มเอแล้ว
“วันนี้ เลิกป้ายสี เลิกจับผิดรัฐบาลชุดที่แล้วได้แล้ว ควรเอาเวลาที่มีทั้งหมด ไปสร้างถนนทางด่วน ข้อมูล 3จี 4จี ให้กับประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่า และ 9 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้า ในเรื่องของการทวงทรัพย์สินของประเทศคืน น.อ.อนุดิษฐ์ ต้องไปตามมาให้ได้เพราะมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท เพราะขณะนี้ทรัพย์สินยังโอนให้ไม่ครบ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย ซึ่งรัฐบาลที่แล้วทำเรื่องธนาคารคนจนไว้ วันนี้ยังไม่เปิดแม้แต่สาขาเดียว จึงอยากให้ น.อ.อนุดิษฐ์ เอาเวลาไปตามเรื่องให้คนจนจะดีกว่า เพราะถ้าสัญญาณทั้งประเทศไม่สามารถต่อได้ โครงการแจกแท็บเล็ตที่ทำก็จะล้มเหลว ผมไม่ต้องการให้ท่านรับใช้เจ้านาย แต่ต้องการให้รับใช้ประชาชน และขอให้ไปดูในกระทรวงไอซีทีด้วย เพราะมีกลิ่นตุๆ กลิ่นคาวอยู่เยอะ มีเจ้าแม่ลาดปลาเค้าเข้ามาหาเศษหาเลย กั๊กธุรกิจเพื่อให้บริษัทของพวกพ้อง เช่นสายรัฐบาลทำอยู่คนเดียว ” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวอีกว่า สัญญาการซื้อขายดังกล่าว ตนไม่เคยเห็นเลย และอดีตคณะกรรมการชุดที่แล้ว ก็ยืนยันว่าไม่เคยเห็นสัญญา รวมทั้งยืนยันด้วยว่าสัญญานี้บอร์ดชุดที่ผ่านมาไม่เคยอนุมัติและไม่เคยได้ รับทราบ จึงขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่าสัญญาที่ทำขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะตนเกรงว่าจะกลายเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมากลบข่าว เพราะใกล้จะมีการปรับ ครม. แล้ว เพราะถ้าไม่สร้างเรื่องป้ายสีให้ตน ก็อาจจะโดนปรับออกได้ เรื่องนี้ไม่รู้ใครจะขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะสิ่งที่พยายามกล่าวหาตน ทุกอย่างนั้นตนทำตามมติครม.สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรีเพียงแค่มอบนโยบายให้กับบอร์ดเท่านั้น และอดีตบอร์ดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ เขาคงไม่กล้าออกมาพูดอะไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่น.อ.อนุดิษฐ์ ไม่กล้าทำอะไรเพราะต้องรอคำสั่งจากนายใหญ่ นายจุติ กล่าวว่า น่าสงสาร น.อ.อนุดิษฐ์ คงเป็นตัวของตัวเองยาก และคงกลัวที่จะหลุดจากตำแหน่ง ต้องหาผลงานมาโชว์ แต่ควรจะเป็นผลงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่ผลงานที่มาแก้แค้นทางการเมือง เพื่อให้นายสบายใจ ยังมีเวลายังไม่ถึงสิ้นเดือน พ.ค. ถ้าปรับปรุงตัวใหม่ อาจจะทัน ไม่ถูกปรับออก
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/pol/257904
ประเด็นหลัก
นายจุติ กล่าวอีกว่า สัญญาการซื้อขายดังกล่าว ตนไม่เคยเห็นเลย และอดีตคณะกรรมการชุดที่แล้ว ก็ยืนยันว่าไม่เคยเห็นสัญญา รวมทั้งยืนยันด้วยว่าสัญญานี้บอร์ดชุดที่ผ่านมาไม่เคยอนุมัติและไม่เคยได้ รับทราบ จึงขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่าสัญญาที่ทำขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะตนเกรงว่าจะกลายเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมากลบข่าว เพราะใกล้จะมีการปรับ ครม. แล้ว เพราะถ้าไม่สร้างเรื่องป้ายสีให้ตน ก็อาจจะโดนปรับออกได้ เรื่องนี้ไม่รู้ใครจะขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะสิ่งที่พยายามกล่าวหาตน ทุกอย่างนั้นตนทำตามมติครม.สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรีเพียงแค่มอบนโยบายให้กับบอร์ดเท่านั้น และอดีตบอร์ดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ เขาคงไม่กล้าออกมาพูดอะไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น
________________________________________________________
แท็บเล็ตไม่คุ้ม ร.ร.นับหมื่น ไร้สัญญาณไวไฟ
จุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก ปชป.ในฐานะอดีต รมว.ไอซีที อัด อนุดิษฐ์ เจ้ากระทรวง ICT ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แจกแท็บเล็ต 3 หมื่นรร.มีไวไฟแค่หลักพัน แฉดองเค็ม ไม่ขยายงาน 3 จี เพราะเอื้อเอกชน ชี้ ปั้นหวังกลบกระข่าวปรับออกครม.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงถึงกรณีการดำเนินนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับโรงเรียนทั้งหมด 30,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ว่า ตามที่กระทรวงไอซีที ระบุว่าจะเริ่มมีการเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ต ตนเห็นว่ามีปัญหาตามมาแน่นอน ทั้งในเรื่องของการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) รวมไปถึงการรับประกันเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ และหากมีการจัดซื้อแท็บเล็ตได้ ก็จะยังคงมีปัญหาตามมาในเรื่องของสัญญาณ เพราะขณะนี้มีการสำรวจว่า 30,000 โรงเรียน ที่จะต้องได้แท็บเล็ตนั้นมีสัญญาณไวไฟไม่ถึง 1,000 โรงเรียน ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เหมือนกับสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการสร้างโรงผลิตปุ๋ยในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า และยังพบว่ามีการกั๊กให้กับบริษัทเอกชนบางรายได้รับผลประโยชน์จากการขาย สัญญา
“ตลอดเวลา 9 เดือนที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ไม่ผลักดันให้ทีโอที เดินหน้าขยายสัญญาณ 3 จีนั้น จะกลายเป็นการทิ้งงานให้แก่บริษัทเอกชนบางรายที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งวันนี้ควรมีการเร่งและผลักดันให้ทีโอที และกสท เดินหน้าขยาย 3 จีให้ได้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการทิ้งเค้กก้อนโตให้แก่เอกชนรับไปเต็มๆ ยืนยันว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ผ่านมา ตัดสินใจให้ทีโอที และกสท ทำ 3จี เพราะวันนี้โลกไป 4 จีแล้ว” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวหาว่า ตนในสมัยที่เป็น รมว.ไอซีที แล้วไม่ทำตามสัญญาซื้อขายระหว่าง กสท กับกลุ่ม บริษัทฮัทชิสัน เทเลคอม และถูกแทรกแซงจากการเมือง ขอยืนยันว่า เอกสารสัญญาซื้อขายฮัท ที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นำมาแถลงนั้น แม้แต่รองอธิบดีดีเอสไอ ยังไม่ทราบว่าสัญญามีจริงหรือไม่ ถ้าสัญญามีจริงจะผิดกฎหมายหรือไม่ ถือว่าตลอดเวลา 9 เดือน น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวหารัฐบาลชุดที่แล้วมา 3 ครั้งแล้ว เพื่อบีบให้การซื้อขายฮัทไม่สำเร็จ ขอเรียนว่าฮัท เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายด้วยระบบดิจิตอล หรือซีดีเอ็มเอ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ตกลงจะซื้อ เพราะราคา 7 พันล้านบาท ถือว่าแพงมาก และเป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีอนาคต ซึ่งซีดีเอ็มเอทั่วโลก มีไม่ถึง 10% และไม่มีใครผลิตอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับซีดีเอ็มเอแล้ว
“วันนี้ เลิกป้ายสี เลิกจับผิดรัฐบาลชุดที่แล้วได้แล้ว ควรเอาเวลาที่มีทั้งหมด ไปสร้างถนนทางด่วน ข้อมูล 3จี 4จี ให้กับประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่า และ 9 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้า ในเรื่องของการทวงทรัพย์สินของประเทศคืน น.อ.อนุดิษฐ์ ต้องไปตามมาให้ได้เพราะมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท เพราะขณะนี้ทรัพย์สินยังโอนให้ไม่ครบ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย ซึ่งรัฐบาลที่แล้วทำเรื่องธนาคารคนจนไว้ วันนี้ยังไม่เปิดแม้แต่สาขาเดียว จึงอยากให้ น.อ.อนุดิษฐ์ เอาเวลาไปตามเรื่องให้คนจนจะดีกว่า เพราะถ้าสัญญาณทั้งประเทศไม่สามารถต่อได้ โครงการแจกแท็บเล็ตที่ทำก็จะล้มเหลว ผมไม่ต้องการให้ท่านรับใช้เจ้านาย แต่ต้องการให้รับใช้ประชาชน และขอให้ไปดูในกระทรวงไอซีทีด้วย เพราะมีกลิ่นตุๆ กลิ่นคาวอยู่เยอะ มีเจ้าแม่ลาดปลาเค้าเข้ามาหาเศษหาเลย กั๊กธุรกิจเพื่อให้บริษัทของพวกพ้อง เช่นสายรัฐบาลทำอยู่คนเดียว ” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวอีกว่า สัญญาการซื้อขายดังกล่าว ตนไม่เคยเห็นเลย และอดีตคณะกรรมการชุดที่แล้ว ก็ยืนยันว่าไม่เคยเห็นสัญญา รวมทั้งยืนยันด้วยว่าสัญญานี้บอร์ดชุดที่ผ่านมาไม่เคยอนุมัติและไม่เคยได้ รับทราบ จึงขอเรียกร้องให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบว่าสัญญาที่ทำขึ้น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะตนเกรงว่าจะกลายเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมากลบข่าว เพราะใกล้จะมีการปรับ ครม. แล้ว เพราะถ้าไม่สร้างเรื่องป้ายสีให้ตน ก็อาจจะโดนปรับออกได้ เรื่องนี้ไม่รู้ใครจะขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะสิ่งที่พยายามกล่าวหาตน ทุกอย่างนั้นตนทำตามมติครม.สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐมนตรีเพียงแค่มอบนโยบายให้กับบอร์ดเท่านั้น และอดีตบอร์ดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ เขาคงไม่กล้าออกมาพูดอะไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่น.อ.อนุดิษฐ์ ไม่กล้าทำอะไรเพราะต้องรอคำสั่งจากนายใหญ่ นายจุติ กล่าวว่า น่าสงสาร น.อ.อนุดิษฐ์ คงเป็นตัวของตัวเองยาก และคงกลัวที่จะหลุดจากตำแหน่ง ต้องหาผลงานมาโชว์ แต่ควรจะเป็นผลงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่ผลงานที่มาแก้แค้นทางการเมือง เพื่อให้นายสบายใจ ยังมีเวลายังไม่ถึงสิ้นเดือน พ.ค. ถ้าปรับปรุงตัวใหม่ อาจจะทัน ไม่ถูกปรับออก
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/pol/257904
ไม่มีความคิดเห็น: