15 สิงหาคม 2555 ร้อง กสทช.เพิ่มกำลังส่งวิทยุชุมชน 500วัตต์ รัศมีไกลเท่าไรก็ได้ ( ปัญหาที่เกิดขึ้นมีวิทยุชุมชนเถื่อน6พันสถานีกวนสัญญาณ
ร้อง กสทช.เพิ่มกำลังส่งวิทยุชุมชน 500วัตต์ รัศมีไกลเท่าไรก็ได้ ( ปัญหาที่เกิดขึ้นมีวิทยุชุมชนเถื่อน6พันสถานีกวนสัญญาณ
ประเด็นหลัก
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย กล่าวว่า วันนี้รวมตัวกับกลุ่มผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชน 6 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย วิทยุเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สมาคมวิทยุท้องถิ่นอุดรธานี ชุมรมวิทยุกระจายเสียงจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มผู้ประกอบการวิทยุเพื่อสังคมและพระพุทธศาสนาสังกัดมหาเถรสมาคม สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มายื่นหนังสือ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อให้ทบทวนร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง โดยเห็นว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้ กสทช.ยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้วิทยุชุมชนใช้กำลังส่ง 100 วัตต์ โดยเสนอให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 500 วัตต์ 2. เสนอให้เปลี่ยนจากที่กำหนดให้ใช้เสาส่งสัญญาณสูง 40 เมตร เป็นใช้เสาส่งสัญญาณสูงไม่เกิน 60 เมตร และ 3. ให้ยกเลิกการกำหนดรัศมีการกระจายเสียงที่ระบุว่าไม่เกิน 15 กิโลเมตร เนื่องจากอยากให้เรื่องรัศมีที่ครอบคลุมเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะกำลังส่ง 500 วัตต์สามารถส่งได้ครอบคลุม 15-20 กิโลเมตร รวมทั้งการกำหนดรัศมีครอบคลุมการส่งของ กสทช. ไม่ตอบโจทย์ลักษณะความแตกต่างในเชิงภูมิศาสตร์และบริบทด้านพื้นที่ของแต่ละ ภูมิภาค
ขณะที่มีสถานีวิทยุที่ออกอากาศที่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต ประมาณ 8 พันสถานี ซึ่ง กสทช. อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การกระจายเสียง โดยคาดการณ์ว่าจะจัดระเบียบทั้งหมดได้ภายในปลายปี 2555
_______________________________________
ร้อง กสทช.เพิ่มกำลังส่งวิทยุชุมชน 500วัตต์
ผนึก 6 สมาคมวิทยุยื่นหนังสือถึง กสทช. ร้องเพิ่มกำลังสัญญาณส่ง 500 วัตต์ เสาส่งสัญญาณสูง 60 เมตร และไม่กำหนดรัศมีครอบคลุมการส่ง ด้าน พ.อ.นที ลั่น 22 ส.ค.นี้ชัดเจน หวังทันประกาศใช้ ก.ย.55...
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย กล่าวว่า วันนี้รวมตัวกับกลุ่มผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชน 6 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย วิทยุเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สมาคมวิทยุท้องถิ่นอุดรธานี ชุมรมวิทยุกระจายเสียงจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มผู้ประกอบการวิทยุเพื่อสังคมและพระพุทธศาสนาสังกัดมหาเถรสมาคม สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มายื่นหนังสือ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อให้ทบทวนร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง โดยเห็นว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้ กสทช.ยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้วิทยุชุมชนใช้กำลังส่ง 100 วัตต์ โดยเสนอให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 500 วัตต์ 2. เสนอให้เปลี่ยนจากที่กำหนดให้ใช้เสาส่งสัญญาณสูง 40 เมตร เป็นใช้เสาส่งสัญญาณสูงไม่เกิน 60 เมตร และ 3. ให้ยกเลิกการกำหนดรัศมีการกระจายเสียงที่ระบุว่าไม่เกิน 15 กิโลเมตร เนื่องจากอยากให้เรื่องรัศมีที่ครอบคลุมเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะกำลังส่ง 500 วัตต์สามารถส่งได้ครอบคลุม 15-20 กิโลเมตร รวมทั้งการกำหนดรัศมีครอบคลุมการส่งของ กสทช. ไม่ตอบโจทย์ลักษณะความแตกต่างในเชิงภูมิศาสตร์และบริบทด้านพื้นที่ของแต่ละ ภูมิภาค
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของทั้ง 6 สมาคมวิทยุที่มายื่นหนังสือวันนี้ กสทช.กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการ หรือ บอร์ด กสทช. วันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างละเอียด โดยคาดว่าร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง จะสามารถประกาศใช้ได้ในต้นเดือนก.ย.นี้.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283531
___________________________________________
'กสท' ถก 'กทค.' เคลียร์ปมใช้เสาร่วม หวั่นกระทบธุรกิจ
"กสท" เล็งถก "กทค." ปมใช้เสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมร่วม หวั่น ”ทีโอที-กสท" ไร้ทรัพย์ทำกิน อ้างประกาศอินฟาแชร์ริ่งก่อผลกระทบโดยตรง สร้างข้อเสียมากกว่าข้อดี...
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) ทางผู้บริหาร กสท จะเดินทางเข้าพบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มี พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธาน เพื่อขอหารือและขอให้ กทค.ปรับปรุงร่างประกาศเรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน (อินฟาแชร์ริ่ง) ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เนื่องจากประกาศดังกล่าว กสท ได้รับผลกระทบโดยตรง และมีความเห็นว่าจะไม่สามารถกำกับหรือควบคุมให้มีการใช้โครงข่ายร่วมกันได้ อย่างแท้จริง และมีข้อเสียมากกว่าข้อดีและได้รับประโยชน์ดังกล่าว พร้อมกับรายงานให้ กทค.รับทราบว่าปัจจุบันการโอนมอบทรัพย์สินระหว่างคู่สัญญาสัมปทานยังไม่ เสร็จสมบูรณ์ ฉะนั้น กทค. ควรระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือทรัพย์สินใดที่โอนแล้ว ก็ให้เจรจาเจ้าของสัญญาสัมปทานได้ และทำสัญญากับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ กสท ส่วนทรัพย์สินที่ยังไม่โอนและเกิดปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ ให้เจรจาร่วมกันเพื่อใช้โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวไปจนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน ชี้ขาด
สำหรับประกาศดังกล่าวมีประเด็นที่ทำให้ กสท เสียประโยชน์ในฐานะผู้ให้สัมปทาน และรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ทีโอทีและ กสท เป็นผู้ให้บริการขายส่งโครงข่ายหรือเน็ตเวิร์ก โพวายเดอร์ ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะคำนิยามของ กทค.ที่ระบุว่า ผู้รับใบอนุญาต หมายความว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม และให้หมายความถึงผู้ได้รับอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้ประกอบกิจการโทรคมนาคม จากทีโอที และ กสท ด้วย การใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน ถ้าหากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ กสท และทีโอที ก็คงจะประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ เพราะไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีลูกค้า ที่จะนำสร้างรายได้ เนื่องจากทรัพย์สินคู่สัมปทานก็ไม่ยอมโอนให้ตามสัญญา โดยอ้างประกาศ กทค.ฉบับนี้ เพราะฉะนั้น กทค.ก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่ามีผลกระทบต่อภาครัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% หรือไม่.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283292
___________________________________________
กลุ่มวิทยุชุมชน รวมตัวยื่นหนังสือ กสทช. ทบทวนร่างฯหลักเกณฑ์
กลุ่ม ผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศ นัดรวมตัวยื่นหนังสือ กสทช. 14 ส.ค. เพื่อทบทวนหลักเกณฑ์ฯ หลังมองว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงปัจจุบัน...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ในนามสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ หรือ สก.วท. ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 2 พันสถานี จะยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอทบทวนการกำหนดมาตรฐานเครื่องส่งและอุปกรณ์ ในร่างหลักเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง สำหรับการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่ กสทช. เพิ่งทำประชาพิจารณ์ไปเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคม สก.วท. กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องการให้เปลี่ยนแปลง 3 ประเด็น ได้แก่ 1.กสทช. กำหนดให้ใช้เครื่องที่มีกำลังส่ง 200 วัตต์ ก็ขอเปลี่ยนเป็น 500 วัตต์ 2. การกำหนดเสาส่งสัญญาณ ต้องมีความสูงไม่เกิน 40 เมตร ขอเปลี่ยนเป็นเสาสูง 60 เมตร และ 3.กสทช.กำหนดให้การส่งสัญญาณกระจายเสียงครอบคลุมรัศมี 15 กิโลเมตร ก็ขอเปลี่ยนเป็นไม่ต้องกำหนดรัศมีไว้ในแผน เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ออกอากาศมาตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ก็สามารถส่งสัญญาณกระจายเสียงและดูแลกันเองได้ ไม่เกิดปัญหาคลื่นแทรกรบกวน หรือหากมีก็สามารถแก้ปัญหากันเองได้ แต่หาก กสทช.กำหนดรัศมีครอบคลุม จะทำให้ผู้ประกอบการส่งสัญญาณในวงจำกัดมากขึ้น
ขณะ ที่มีสถานีวิทยุที่ออกอากาศที่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต ประมาณ 8 พันสถานี ซึ่ง กสทช. อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การกระจายเสียง โดยคาดการณ์ว่าจะจัดระเบียบทั้งหมดได้ภายในปลายปี 2555
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283411
ประเด็นหลัก
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย กล่าวว่า วันนี้รวมตัวกับกลุ่มผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชน 6 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย วิทยุเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สมาคมวิทยุท้องถิ่นอุดรธานี ชุมรมวิทยุกระจายเสียงจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มผู้ประกอบการวิทยุเพื่อสังคมและพระพุทธศาสนาสังกัดมหาเถรสมาคม สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มายื่นหนังสือ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อให้ทบทวนร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง โดยเห็นว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้ กสทช.ยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้วิทยุชุมชนใช้กำลังส่ง 100 วัตต์ โดยเสนอให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 500 วัตต์ 2. เสนอให้เปลี่ยนจากที่กำหนดให้ใช้เสาส่งสัญญาณสูง 40 เมตร เป็นใช้เสาส่งสัญญาณสูงไม่เกิน 60 เมตร และ 3. ให้ยกเลิกการกำหนดรัศมีการกระจายเสียงที่ระบุว่าไม่เกิน 15 กิโลเมตร เนื่องจากอยากให้เรื่องรัศมีที่ครอบคลุมเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะกำลังส่ง 500 วัตต์สามารถส่งได้ครอบคลุม 15-20 กิโลเมตร รวมทั้งการกำหนดรัศมีครอบคลุมการส่งของ กสทช. ไม่ตอบโจทย์ลักษณะความแตกต่างในเชิงภูมิศาสตร์และบริบทด้านพื้นที่ของแต่ละ ภูมิภาค
ขณะที่มีสถานีวิทยุที่ออกอากาศที่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต ประมาณ 8 พันสถานี ซึ่ง กสทช. อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การกระจายเสียง โดยคาดการณ์ว่าจะจัดระเบียบทั้งหมดได้ภายในปลายปี 2555
_______________________________________
ร้อง กสทช.เพิ่มกำลังส่งวิทยุชุมชน 500วัตต์
ผนึก 6 สมาคมวิทยุยื่นหนังสือถึง กสทช. ร้องเพิ่มกำลังสัญญาณส่ง 500 วัตต์ เสาส่งสัญญาณสูง 60 เมตร และไม่กำหนดรัศมีครอบคลุมการส่ง ด้าน พ.อ.นที ลั่น 22 ส.ค.นี้ชัดเจน หวังทันประกาศใช้ ก.ย.55...
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย กล่าวว่า วันนี้รวมตัวกับกลุ่มผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชน 6 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย วิทยุเพื่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สมาคมวิทยุท้องถิ่นอุดรธานี ชุมรมวิทยุกระจายเสียงจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มผู้ประกอบการวิทยุเพื่อสังคมและพระพุทธศาสนาสังกัดมหาเถรสมาคม สมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มายื่นหนังสือ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อให้ทบทวนร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง โดยเห็นว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้ กสทช.ยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้วิทยุชุมชนใช้กำลังส่ง 100 วัตต์ โดยเสนอให้ใช้กำลังส่งไม่เกิน 500 วัตต์ 2. เสนอให้เปลี่ยนจากที่กำหนดให้ใช้เสาส่งสัญญาณสูง 40 เมตร เป็นใช้เสาส่งสัญญาณสูงไม่เกิน 60 เมตร และ 3. ให้ยกเลิกการกำหนดรัศมีการกระจายเสียงที่ระบุว่าไม่เกิน 15 กิโลเมตร เนื่องจากอยากให้เรื่องรัศมีที่ครอบคลุมเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะกำลังส่ง 500 วัตต์สามารถส่งได้ครอบคลุม 15-20 กิโลเมตร รวมทั้งการกำหนดรัศมีครอบคลุมการส่งของ กสทช. ไม่ตอบโจทย์ลักษณะความแตกต่างในเชิงภูมิศาสตร์และบริบทด้านพื้นที่ของแต่ละ ภูมิภาค
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของทั้ง 6 สมาคมวิทยุที่มายื่นหนังสือวันนี้ กสทช.กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการ หรือ บอร์ด กสทช. วันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างละเอียด โดยคาดว่าร่างประกาศหลักเกณฑ์ การกำหนดเงื่อนไขในร่างหลักเกณฑ์การกำหนดเทคนิคและอุปกรณ์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกระจายเสียง จะสามารถประกาศใช้ได้ในต้นเดือนก.ย.นี้.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283531
___________________________________________
'กสท' ถก 'กทค.' เคลียร์ปมใช้เสาร่วม หวั่นกระทบธุรกิจ
"กสท" เล็งถก "กทค." ปมใช้เสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมร่วม หวั่น ”ทีโอที-กสท" ไร้ทรัพย์ทำกิน อ้างประกาศอินฟาแชร์ริ่งก่อผลกระทบโดยตรง สร้างข้อเสียมากกว่าข้อดี...
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) ทางผู้บริหาร กสท จะเดินทางเข้าพบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มี พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธาน เพื่อขอหารือและขอให้ กทค.ปรับปรุงร่างประกาศเรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน (อินฟาแชร์ริ่ง) ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เนื่องจากประกาศดังกล่าว กสท ได้รับผลกระทบโดยตรง และมีความเห็นว่าจะไม่สามารถกำกับหรือควบคุมให้มีการใช้โครงข่ายร่วมกันได้ อย่างแท้จริง และมีข้อเสียมากกว่าข้อดีและได้รับประโยชน์ดังกล่าว พร้อมกับรายงานให้ กทค.รับทราบว่าปัจจุบันการโอนมอบทรัพย์สินระหว่างคู่สัญญาสัมปทานยังไม่ เสร็จสมบูรณ์ ฉะนั้น กทค. ควรระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือทรัพย์สินใดที่โอนแล้ว ก็ให้เจรจาเจ้าของสัญญาสัมปทานได้ และทำสัญญากับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ กสท ส่วนทรัพย์สินที่ยังไม่โอนและเกิดปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ ให้เจรจาร่วมกันเพื่อใช้โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวไปจนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน ชี้ขาด
สำหรับประกาศดังกล่าวมีประเด็นที่ทำให้ กสท เสียประโยชน์ในฐานะผู้ให้สัมปทาน และรัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ทีโอทีและ กสท เป็นผู้ให้บริการขายส่งโครงข่ายหรือเน็ตเวิร์ก โพวายเดอร์ ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะคำนิยามของ กทค.ที่ระบุว่า ผู้รับใบอนุญาต หมายความว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม และให้หมายความถึงผู้ได้รับอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้ประกอบกิจการโทรคมนาคม จากทีโอที และ กสท ด้วย การใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน ถ้าหากประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ กสท และทีโอที ก็คงจะประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ เพราะไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีลูกค้า ที่จะนำสร้างรายได้ เนื่องจากทรัพย์สินคู่สัมปทานก็ไม่ยอมโอนให้ตามสัญญา โดยอ้างประกาศ กทค.ฉบับนี้ เพราะฉะนั้น กทค.ก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่ามีผลกระทบต่อภาครัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% หรือไม่.
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283292
___________________________________________
กลุ่มวิทยุชุมชน รวมตัวยื่นหนังสือ กสทช. ทบทวนร่างฯหลักเกณฑ์
กลุ่ม ผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศ นัดรวมตัวยื่นหนังสือ กสทช. 14 ส.ค. เพื่อทบทวนหลักเกณฑ์ฯ หลังมองว่าหลักเกณฑ์ที่ กสทช.กำหนด ไม่สอดคล้องกับการกระจายเสียงปัจจุบัน...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้ประกอบการสถานีวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ในนามสมาคมกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ หรือ สก.วท. ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 2 พันสถานี จะยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอทบทวนการกำหนดมาตรฐานเครื่องส่งและอุปกรณ์ ในร่างหลักเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานทางเทคนิคของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง สำหรับการทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่ กสทช. เพิ่งทำประชาพิจารณ์ไปเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นายประยูร จันทรุสอน นายกสมาคม สก.วท. กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องการให้เปลี่ยนแปลง 3 ประเด็น ได้แก่ 1.กสทช. กำหนดให้ใช้เครื่องที่มีกำลังส่ง 200 วัตต์ ก็ขอเปลี่ยนเป็น 500 วัตต์ 2. การกำหนดเสาส่งสัญญาณ ต้องมีความสูงไม่เกิน 40 เมตร ขอเปลี่ยนเป็นเสาสูง 60 เมตร และ 3.กสทช.กำหนดให้การส่งสัญญาณกระจายเสียงครอบคลุมรัศมี 15 กิโลเมตร ก็ขอเปลี่ยนเป็นไม่ต้องกำหนดรัศมีไว้ในแผน เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่ออกอากาศมาตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ก็สามารถส่งสัญญาณกระจายเสียงและดูแลกันเองได้ ไม่เกิดปัญหาคลื่นแทรกรบกวน หรือหากมีก็สามารถแก้ปัญหากันเองได้ แต่หาก กสทช.กำหนดรัศมีครอบคลุม จะทำให้ผู้ประกอบการส่งสัญญาณในวงจำกัดมากขึ้น
ขณะ ที่มีสถานีวิทยุที่ออกอากาศที่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีใบอนุญาต ประมาณ 8 พันสถานี ซึ่ง กสทช. อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การกระจายเสียง โดยคาดการณ์ว่าจะจัดระเบียบทั้งหมดได้ภายในปลายปี 2555
ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/283411
ไม่มีความคิดเห็น: