Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

24 มกราคม 2555 เงินเดือน( 1แสนยังหักภาษีเหลือ70000บ.)+ค่าตอบแทนพิเศษ"กสทช." รับ4แสน/เดือน ตั้งกุนซื้อได้3คน เงินเดือนไม่เกินแสนสอง

เงินเดือน( 1แสนยังหักภาษีเหลือ70000บ.)+ค่าตอบแทนพิเศษ"กสทช." รับ4แสน/เดือน ตั้งกุนซื้อได้3คน เงินเดือนไม่เกินแสนสอง


ประเด็นหลัก

นายฐากร กล่าวต่อว่า กสทช.ทั้ง 11 คน มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษาส่วนตัวคนละ 3 คน ยกเว้นประธาน กสทช.มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษา 5 คน รวม 35 คน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 85,000-120,000 บาท หรือคิดเป็นเงินค่าจ้างที่ปรึกษาเดือนละ 4.2 ล้านบาท หรือปีละ 50.4 ล้านบาท ซึ่งการแต่งตั้งที่ปรึกษานั้น กสทช.เป็นผู้กำหนดระเบียบและออกเป็นประกาศ กสทช. อีกทั้ง กสทช.ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการอนุกรรมการชุดต่างๆ มากกว่า 30 ชุด โดยกรรมการในคณะอนุกรรมการแต่ละคน มีสิทธิ์เป็นกรรมการได้ 3 ชุด และรับเบี้ยประชุมไม่เกิน 4 ครั้ง โดยคณะอนุกรรมการจะมีค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 5,000 บาท ยกเว้นประธานคณะอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมครั้งละ 8, 000 บาท

นอก จากนี้ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนหรือเงินเดือนให้กับคณะกรรมการติดตามและประเมิน ผลการปฏิบัติงาน กสทช. (ซุปเปอร์บอร์ด) ที่วุฒิสภา (ส.ว.) จะต้องทำการสรรหา เพื่อมาทำหน้าที่ตรวจสอบและประเมินผลงานการใช้เงินงบประมาณและการทำงานของ กสทช. โดยประธานซุปเปอร์บอร์ด 120,000 บาท กรรมการ 100,000 บาท นายฐากร กล่าวต่อว่า นับตั้งมีการแต่งตั้ง กทช. เมื่อ 1 ต.ค. 2547 แต่ได้เปลี่ยนสถานะเป็น กสทช. รวมเป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีรายได้ 24,068 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท และนำรายได้ส่งเข้ารัฐ 11,493 ล้านบาท โดยรายได้นั้นมาจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมใน อัตรา การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเลขหมาย เลขหมายละ 2 บาทต่อเดือน ค่าธรรมเนียมการใช้คลื่นความถี่ เป็นต้น


________________________________________________________


เงินสะพัด กสทช.รับค่าจ้าง-เบี้ยประชุมเละ

ตะลึง! กสทช. จ้างที่ปรึกษา 35 คน คณะอนุกรรมการ 30 ชุด รับค่าจ้างและเบี้ยประชุมอู้ฟู่ เผย 8 ปี มีรายได้ 24,068 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท ส่งเงินคืนรัฐ 11,493 ล้านบาท...

เมื่อ วันที่ 24 ม.ค. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายของ กสทช.ว่า ปี 2555 กสทช.คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายรวม 2,500 ล้านบาท มีรายได้ 4,000 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายนั้น แบ่งเป็นค่าเงินเดือนกสทช. 11 คน ประธาน กสทช.เงินเดือน เดือนละ 120,000 บาท ค่าตอบแทนพิเศษเดือนละ 300,000 บาท กรรมการ กสทช.เงินเดือน เดือนละ 100,000 บาท เงินตอบแทนพิเศษ 250,000 บาท ส่วนเงินค่ายานพาหนะประธานได้ 4.5 ล้านบาท กรรมการ 4 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ จะใช้ตั๋วเครื่องบินชั้น 1 เฟิร์สคลาส ค่าเงินเดือนพนักงานเดือนละ 40 ล้านบาท ค่าเช่าและปรับปรุงอาคารสำนักงานเอ็กซิมแบงก์ เป็นต้น

“ตำแหน่ง ประธาน กสทช.เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี ส่วนกรรมการ กสทช.เทียบเท่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยังใช้อัตราเงินเดือนเดิมของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)ไปพลางๆ ก่อน จนกว่ารัฐบาลจะตอบกลับมายัง กสทช.ว่าจะเห็นชอบอัตราดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล”

นาย ฐากร กล่าวต่อว่า กสทช.ทั้ง 11 คน มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษาส่วนตัวคนละ 3 คน ยกเว้นประธาน กสทช.มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษา 5 คน รวม 35 คน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 85,000-120,000 บาท หรือคิดเป็นเงินค่าจ้างที่ปรึกษาเดือนละ 4.2 ล้านบาท หรือปีละ 50.4 ล้านบาท ซึ่งการแต่งตั้งที่ปรึกษานั้น กสทช.เป็นผู้กำหนดระเบียบและออกเป็นประกาศ กสทช. อีกทั้ง กสทช.ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการอนุกรรมการชุดต่างๆ มากกว่า 30 ชุด โดยกรรมการในคณะอนุกรรมการแต่ละคน มีสิทธิ์เป็นกรรมการได้ 3 ชุด และรับเบี้ยประชุมไม่เกิน 4 ครั้ง โดยคณะอนุกรรมการจะมีค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 5,000 บาท ยกเว้นประธานคณะอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมครั้งละ 8, 000 บาท

นอก จากนี้ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนหรือเงินเดือนให้กับคณะกรรมการติดตามและประเมิน ผลการปฏิบัติงาน กสทช. (ซุปเปอร์บอร์ด) ที่วุฒิสภา (ส.ว.) จะต้องทำการสรรหา เพื่อมาทำหน้าที่ตรวจสอบและประเมินผลงานการใช้เงินงบประมาณและการทำงานของ กสทช. โดยประธานซุปเปอร์บอร์ด 120,000 บาท กรรมการ 100,000 บาท นายฐากร กล่าวต่อว่า นับตั้งมีการแต่งตั้ง กทช. เมื่อ 1 ต.ค. 2547 แต่ได้เปลี่ยนสถานะเป็น กสทช. รวมเป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีรายได้ 24,068 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท และนำรายได้ส่งเข้ารัฐ 11,493 ล้านบาท โดยรายได้นั้นมาจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมใน อัตรา การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเลขหมาย เลขหมายละ 2 บาทต่อเดือน ค่าธรรมเนียมการใช้คลื่นความถี่ เป็นต้น

“ผมขอยืนยันว่าตลอดระยะ เวลาที่ผ่านมามีการใช้เงินอย่างประหยัด ไม่ได้ฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด และการใช้เงินงบประมาณนั้นได้ผ่านการรับรองของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าใครยังมีข้อสงสัยก็สามารถตรวจสอบได้ โดย กสทช.จะประกาศการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านเว็บไซต์ทั้งหมด”

ผู้ สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ได้ล่ารายชื่อ ส.ว.เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธาน ส.ว. เพื่อคัดค้านการคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งกรรมการซุปเบอร์บอร์ด กสทช. เนื่องจากเป็นการออกระเบียบการคัดเลือกของวุฒิสภา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นควรจะทบทวนให้เป็นการออกระเบียบที่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนที่จะนำไปประกาศใช้ต่อไปตารางรายได้-รายจ่าย-ปี 2548 มีรายได้เข้าสำนักงาน 355 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 196 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 158 ล้านบาท-ปี2549 มีรายได้เข้าสำนักงาน 2,185 ล้านบาท รายจ่าย 1,345 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 839 ล้านบาท-ปี 2550 มีรายได้เข้าสำนักงาน 3,059 ล้านบาท รายจ่าย 2,264 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 795 ล้านบาท-ปี 2551 มีรายได้เข้าสำนักงาน 5,405 ล้านบาท รายจ่าย 2,960 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 2,445 ล้านบาท-ปี 2552 มีรายได้เข้าสำนักงาน 5,266 ล้านบาท รายจ่าย 1,379 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 3,887 ล้านบาท-ปี 2553 มีรายได้เข้าสำนักงาน 3,733 ล้านบาท รายจ่าย 2,078 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 1,654 ล้านบาท-ปี 2554 มีรายได้เข้าสำนักงาน 4,050 ล้านบาท รายจ่าย 2,350 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 1,700 ล้านบาท

ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/233092
_______________________________________________________

ปิดเงินเดือน+ค่าตอบแทนพิเศษ"กสทช." รับ4แสน/เดือน ตั้งกุนซื้อได้3คน เงินเดือนไม่เกินแสนสอง

นาย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในปี 2547 กระทั่งเปลี่ยนเป็นสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. ในปี 2554 มีรายรับเข้ามาในสำนักงานรวม 24,068 ล้านบาท มีค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท และนำส่งรายได้เข้าคลังแล้ว 11,493 ล้านบาท


“ได้ประกาศวิสัย ทัศน์ตั้งแต่การสรรหาว่า แนวทางในการดำเนินงานของสำนักงานเน้นประหยัดค่าใช้จ่าย ทุกอย่างต้องลดและลงรายละเอียด ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบอร์ดกสทช.จะเทียบสิทธิตามระเบียบราชการ” นายฐากรกล่าว

สำหรับการ ตั้งคณะที่ปรึกษา กสทช. แต่ละท่านมีได้ทั้งหมด 3 คน ยกเว้นประธาน กสทช. จะมีที่ปรึกษาได้ทั้งหมด 5 คน โดยเงินเดือนที่ปรึกษาไม่เกิน 120,000 บาทต่อเดือน ขณะนี้มีที่ปรึกษาที่ตั้งแล้ว 35 คน และในเดือน ก.พ. นี้จะมีการประกาศใช้อัตราค่าเบี้ยประชุม ค่าใช้จ่าย และค่าตอบแทนพิเศษ ขณะที่อัตราเงินเดือนจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในระหว่างนี้จึงใช้อัตราเงินเดือนของ กทช. ไปพลางก่อน โดยเป็นเงินเดือน 100,000 บาท บวกค่าตอบแทนพิเศษ 300,000 บาท รวมเป็นเงิน 400,000 บาท

มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327395457&grpid=03&catid=03

____________________________________________________

เงินสะพัด กสทช.รับค่าจ้าง-เบี้ยประชุมเละ

ตะลึง! กสทช. จ้างที่ปรึกษา 35 คน คณะอนุกรรมการ 30 ชุด รับค่าจ้างและเบี้ยประชุมอู้ฟู่ เผย 8 ปี มีรายได้ 24,068 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท ส่งเงินคืนรัฐ 11,493 ล้านบาท...

เมื่อ วันที่ 24 ม.ค. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายของ กสทช.ว่า ปี 2555 กสทช.คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายรวม 2,500 ล้านบาท มีรายได้ 4,000 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายนั้น แบ่งเป็นค่าเงินเดือนกสทช. 11 คน ประธาน กสทช.เงินเดือน เดือนละ 120,000 บาท ค่าตอบแทนพิเศษเดือนละ 300,000 บาท กรรมการ กสทช.เงินเดือน เดือนละ 100,000 บาท เงินตอบแทนพิเศษ 250,000 บาท ส่วนเงินค่ายานพาหนะประธานได้ 4.5 ล้านบาท กรรมการ 4 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ จะใช้ตั๋วเครื่องบินชั้น 1 เฟิร์สคลาส ค่าเงินเดือนพนักงานเดือนละ 40 ล้านบาท ค่าเช่าและปรับปรุงอาคารสำนักงานเอ็กซิมแบงก์ เป็นต้น

“ตำแหน่ง ประธาน กสทช.เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี ส่วนกรรมการ กสทช.เทียบเท่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยังใช้อัตราเงินเดือนเดิมของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)ไปพลางๆ ก่อน จนกว่ารัฐบาลจะตอบกลับมายัง กสทช.ว่าจะเห็นชอบอัตราดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล”

นาย ฐากร กล่าวต่อว่า กสทช.ทั้ง 11 คน มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษาส่วนตัวคนละ 3 คน ยกเว้นประธาน กสทช.มีสิทธิ์จ้างที่ปรึกษา 5 คน รวม 35 คน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 85,000-120,000 บาท หรือคิดเป็นเงินค่าจ้างที่ปรึกษาเดือนละ 4.2 ล้านบาท หรือปีละ 50.4 ล้านบาท ซึ่งการแต่งตั้งที่ปรึกษานั้น กสทช.เป็นผู้กำหนดระเบียบและออกเป็นประกาศ กสทช. อีกทั้ง กสทช.ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการอนุกรรมการชุดต่างๆ มากกว่า 30 ชุด โดยกรรมการในคณะอนุกรรมการแต่ละคน มีสิทธิ์เป็นกรรมการได้ 3 ชุด และรับเบี้ยประชุมไม่เกิน 4 ครั้ง โดยคณะอนุกรรมการจะมีค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 5,000 บาท ยกเว้นประธานคณะอนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมครั้งละ 8, 000 บาท

นอก จากนี้ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนหรือเงินเดือนให้กับคณะกรรมการติดตามและประเมิน ผลการปฏิบัติงาน กสทช. (ซุปเปอร์บอร์ด) ที่วุฒิสภา (ส.ว.) จะต้องทำการสรรหา เพื่อมาทำหน้าที่ตรวจสอบและประเมินผลงานการใช้เงินงบประมาณและการทำงานของ กสทช. โดยประธานซุปเปอร์บอร์ด 120,000 บาท กรรมการ 100,000 บาท นายฐากร กล่าวต่อว่า นับตั้งมีการแต่งตั้ง กทช. เมื่อ 1 ต.ค. 2547 แต่ได้เปลี่ยนสถานะเป็น กสทช. รวมเป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีรายได้ 24,068 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 12,572 ล้านบาท และนำรายได้ส่งเข้ารัฐ 11,493 ล้านบาท โดยรายได้นั้นมาจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมใน อัตรา การจัดเก็บค่าธรรมเนียมเลขหมาย เลขหมายละ 2 บาทต่อเดือน ค่าธรรมเนียมการใช้คลื่นความถี่ เป็นต้น

“ผมขอยืนยันว่าตลอดระยะ เวลาที่ผ่านมามีการใช้เงินอย่างประหยัด ไม่ได้ฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด และการใช้เงินงบประมาณนั้นได้ผ่านการรับรองของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าใครยังมีข้อสงสัยก็สามารถตรวจสอบได้ โดย กสทช.จะประกาศการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านเว็บไซต์ทั้งหมด”

ผู้ สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ได้ล่ารายชื่อ ส.ว.เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธาน ส.ว. เพื่อคัดค้านการคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งกรรมการซุปเบอร์บอร์ด กสทช. เนื่องจากเป็นการออกระเบียบการคัดเลือกของวุฒิสภา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นควรจะทบทวนให้เป็นการออกระเบียบที่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนที่จะนำไปประกาศใช้ต่อไปตารางรายได้-รายจ่าย-ปี 2548 มีรายได้เข้าสำนักงาน 355 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 196 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 158 ล้านบาท-ปี2549 มีรายได้เข้าสำนักงาน 2,185 ล้านบาท รายจ่าย 1,345 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 839 ล้านบาท-ปี 2550 มีรายได้เข้าสำนักงาน 3,059 ล้านบาท รายจ่าย 2,264 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 795 ล้านบาท-ปี 2551 มีรายได้เข้าสำนักงาน 5,405 ล้านบาท รายจ่าย 2,960 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 2,445 ล้านบาท-ปี 2552 มีรายได้เข้าสำนักงาน 5,266 ล้านบาท รายจ่าย 1,379 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 3,887 ล้านบาท-ปี 2553 มีรายได้เข้าสำนักงาน 3,733 ล้านบาท รายจ่าย 2,078 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 1,654 ล้านบาท-ปี 2554 มีรายได้เข้าสำนักงาน 4,050 ล้านบาท รายจ่าย 2,350 ล้านบาท ส่งคืนรัฐ 1,700 ล้านบาท

ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/tech/233092

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.