29 พฤษภาคม 2555 (จับตาวงแตกอนุกสทช. CAT TRUE ขั้นโวยวาย)แหล่งข่าว ชัยฤกษ์ ไม่ลงมติ!! ชี้ให้เอกชนไม่ผิด รัฐผิด ต้องเลื่อนเป็น31 พ.ค.นี้
(จับตาวงแตกอนุกสทช. CAT TRUE ขั้นโวยวาย)แหล่งข่าว ชัยฤกษ์ ไม่ลงมติ!! ชี้ให้เอกชนไม่ผิด รัฐผิด ต้องเลื่อนเป็น31 พ.ค.นี้
ประเด็นหลัก
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าในการประชุมอนุกรรมการฯ พิจารณาสัญญา 3G บริษัท กสท โทรคมนาคมกับกลุ่มทรู เพื่อสรุปผลการพิจารณาในวันที่ 28 พ.ค.และส่งต่อคณะกรรมการด้านกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ปรากฏว่านายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการฯ ไม่ยอมลงชื่อรับรองมติผลการพิจารณาที่ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าสัญญาดังกล่าว ส่อละเมิดมาตรา 46
'มีผู้เข้าร่วมประชุมบางคนโวยในที่ประชุมว่าประธานไม่เป็นกลาง ทั้งๆที่รับรู้ถึงผลสรุปถ้อยคำทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลารับรองมติกลับต้องการให้ตัดข้อความที่เกี่ยวข้องกับ BFKT ออกให้หมด ทำนองว่ามีแต่หน่วยงานรัฐที่ทำผิดได้ แต่เอกชนไม่ผิดจนทำให้ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 31 พ.ค.นี้'
แหล่งข่าวที่ร่วมประชุมให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของประธานชัยฤกษ์มักจะชี้นำ และโอนเอียงว่าสัญญานี้ถูกต้องแล้ว ในกรณีที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หากคำตอบหรือความเห็นของผู้ชี้แจงไม่เป็นที่พึงปรารถนาของตัวประธานแล้ว ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่รับฟัง เพราะเชื่อว่ามีธงอยู่ในใจแล้ว เรื่องนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกสทสามารถยืนยันได้
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตเรื่องสายสัมพันธ์กับนายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่มาเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ซึ่งในอดีตนายชัยเกษมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของนาย วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณซึ่งเป็นประธานบอร์ดกสท ชุดที่อนุมัติการทำสัญญาอื้อฉาวนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อนายชัยเกษมมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ก็ย่อมไม่มีทางเห็นเป็นอย่างอื่นว่าสัญญานี้ไม่ถูกต้อง
____________________________________________
'ชัยฤกษ์' ตีรวนไม่รับมติ กสท/ทรูผิดม.46 กสทช.
อนุกรรมการฯมาตรา 46 กสทช. วงแตก 'ประธานชัยฤกษ์' ไม่ยอมรับรองผลการพิจารณาสัญญา 3G กสท/ทรู ส่อละเมิด คนในวงประชุมโวยประธานไม่เป็นกลางรับรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่ตีรวนยื้อเวลา แหล่งข่าวชี้สายสัมพันธ์ชัยเกษม-ชัยฤกษ์ ตัวพลิกเกม ด้านป.ป.ช.เรียกจิรายุทธแจ้งข้อกล่าวหา
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าในการประชุมอนุกรรมการฯ พิจารณาสัญญา 3G บริษัท กสท โทรคมนาคมกับกลุ่มทรู เพื่อสรุปผลการพิจารณาในวันที่ 28 พ.ค.และส่งต่อคณะกรรมการด้านกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ปรากฏว่านายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการฯ ไม่ยอมลงชื่อรับรองมติผลการพิจารณาที่ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าสัญญาดังกล่าว ส่อละเมิดมาตรา 46
'มีผู้เข้าร่วมประชุมบางคนโวยในที่ประชุมว่าประธานไม่เป็นกลาง ทั้งๆที่รับรู้ถึงผลสรุปถ้อยคำทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลารับรองมติกลับต้องการให้ตัดข้อความที่เกี่ยวข้องกับ BFKT ออกให้หมด ทำนองว่ามีแต่หน่วยงานรัฐที่ทำผิดได้ แต่เอกชนไม่ผิดจนทำให้ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 31 พ.ค.นี้'
ทั้งนี้ผลสรุปของคณะอนุกรรมการฯ ชี้ชัดว่าถ้ากสท ไม่แก้ไข 7 เรื่องจะเป็นการละเมิดมาตรา 46 ของพ.ร.บ.กสทช.ที่กสทในฐานะเป็นผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่สามารถควบคุมการใช้งานคลื่นความถี่และรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยข้อความที่ประธานชัยฤกษ์ต้องการให้ตัดออกเกี่ยวกับบริษัท BFKT ทั้งหมดเช่น '...ซึ่ง BFKT อาจจะเข้าข่ายประกอบกิจการโทรคมนาคมและบริหารความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต' และข้อความ 'โดยเสนอให้มีการสอบสวนและดำเนินการพิสูจน์ความจริงต่อไป'
แหล่งข่าวที่ร่วมประชุมให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของประธานชัยฤกษ์มักจะชี้นำ และโอนเอียงว่าสัญญานี้ถูกต้องแล้ว ในกรณีที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หากคำตอบหรือความเห็นของผู้ชี้แจงไม่เป็นที่พึงปรารถนาของตัวประธานแล้ว ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่รับฟัง เพราะเชื่อว่ามีธงอยู่ในใจแล้ว เรื่องนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกสทสามารถยืนยันได้
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตเรื่องสายสัมพันธ์กับนายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่มาเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ซึ่งในอดีตนายชัยเกษมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของนาย วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณซึ่งเป็นประธานบอร์ดกสท ชุดที่อนุมัติการทำสัญญาอื้อฉาวนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อนายชัยเกษมมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ก็ย่อมไม่มีทางเห็นเป็นอย่างอื่นว่าสัญญานี้ไม่ถูกต้อง
ขณะเดียวกับที่นายชัยฤกษ์เองเป็นอดีตอัยการมีความใกล้ชิดกับนายชัยเกษม สมัยรับราชการถูกโอนย้ายเป็นอธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เคยเป็นบอร์ดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เคยถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินชี้มูลความผิดกรณีการทุจริตการโครงการจัดซื้อ มิเตอร์ไฟฟ้าของกฟภ. และได้ถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการ ซึ่งเรื่องก็ยังไม่เป็นที่ยุติ เมื่อเกษียณราชการ ก็ได้รับความไว้วางใจจาก กสทช. ให้มาดำรงตำแหน่งในอนุกรรมการด้านกฎหมายต่างๆ ซึ่งอาจทำให้มองได้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างกันทำให้เกิดปรากฎการณ์ตีรวนไม่ รับรองมติคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมวันที่ 28 พ.ค.นี้
ด้านนายเมธี ครองแก้ว กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงการทำสัญญาโครงการ 3G HSPA ระหว่างกสทกับกลุ่มทรู กล่าวว่า ในวันที่ 28 พ.ค.อนุป.ป.ช.ได้เชิญนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กสทมารับทราบข้อกล่าวหาเพียงคนเดียว เพราะมีข้อมูลเพียงพอแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดผู้กระทำผิดคนอื่นๆแต่อย่างใด เพียงแต่อนุกรรมการยังมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์พอที่จะแจ้งผู้กระทำผิดคนอื่นๆ เท่านั้น โดยนายจิรายุทธส่งทนายมารับทราบข้อกล่าวหาแทน
โดยขั้นตอนต่อไปในวันที่ 12 มิ.ย. นายจิรายุทธจะต้องเข้ามาแก้ข้อกล่าวหาที่ป.ป.ช. โดยสามารถมาด้วยตนเอง หรือส่งทนายมาก็ได้ แต่หากไม่สามารถมาได้ ก็สามารถแจ้งความจำเป็นและขยายเวลาเพิ่มได้อีก 15 วัน
'ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ มีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ที่คดีดังกล่าวจะสิ้นสุด เนื่องจากหากการแก้ต่างของนายจิรายุทธ มีความสมบรูณ์คือ 1.คำแก้ต่างชัดเจน ฟังขึ้น เราก็ยกฟ้อง 2.ข้อมูลไม่เพียงพอ ฟังไม่ขึ้น ก็ชี้มูลความผิดได้ 3.อ้างพยาน ขอให้ปากคำเพิ่มเติม เรียกผู้เกี่ยวข้อง ก็ต้องพิจารณารับฟังพยานอื่นๆ เป็นรายๆ ไปเราบอกไม่ได้ว่ามันจะจบอย่างไรในฐานะที่เป็นปปช. เราต้องมองเป็นกลาง ซึ่งคดีนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว มันก็คือเป็นสัญญาที่มีความผิดปกติจริง'
ไทยรัฐ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000065611
ข่าวที่เกี่ยวข้อง...
( เรื่องใหญ่แล้ว!!! โต้เถียงกันใหญ่โต จนถึงขั้นโวยวาย ) เห็นขัดกัน เผยอนุฯสอบ3G CAT TRUE เลื่อนสรุปผล 31พ.ค.
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thailandinthepresentday&month=28-05-2012&group=7&gblog=336
ประเด็นหลัก
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าในการประชุมอนุกรรมการฯ พิจารณาสัญญา 3G บริษัท กสท โทรคมนาคมกับกลุ่มทรู เพื่อสรุปผลการพิจารณาในวันที่ 28 พ.ค.และส่งต่อคณะกรรมการด้านกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ปรากฏว่านายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการฯ ไม่ยอมลงชื่อรับรองมติผลการพิจารณาที่ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าสัญญาดังกล่าว ส่อละเมิดมาตรา 46
'มีผู้เข้าร่วมประชุมบางคนโวยในที่ประชุมว่าประธานไม่เป็นกลาง ทั้งๆที่รับรู้ถึงผลสรุปถ้อยคำทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลารับรองมติกลับต้องการให้ตัดข้อความที่เกี่ยวข้องกับ BFKT ออกให้หมด ทำนองว่ามีแต่หน่วยงานรัฐที่ทำผิดได้ แต่เอกชนไม่ผิดจนทำให้ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 31 พ.ค.นี้'
แหล่งข่าวที่ร่วมประชุมให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของประธานชัยฤกษ์มักจะชี้นำ และโอนเอียงว่าสัญญานี้ถูกต้องแล้ว ในกรณีที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หากคำตอบหรือความเห็นของผู้ชี้แจงไม่เป็นที่พึงปรารถนาของตัวประธานแล้ว ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่รับฟัง เพราะเชื่อว่ามีธงอยู่ในใจแล้ว เรื่องนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกสทสามารถยืนยันได้
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตเรื่องสายสัมพันธ์กับนายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่มาเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ซึ่งในอดีตนายชัยเกษมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของนาย วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณซึ่งเป็นประธานบอร์ดกสท ชุดที่อนุมัติการทำสัญญาอื้อฉาวนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อนายชัยเกษมมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ก็ย่อมไม่มีทางเห็นเป็นอย่างอื่นว่าสัญญานี้ไม่ถูกต้อง
____________________________________________
'ชัยฤกษ์' ตีรวนไม่รับมติ กสท/ทรูผิดม.46 กสทช.
อนุกรรมการฯมาตรา 46 กสทช. วงแตก 'ประธานชัยฤกษ์' ไม่ยอมรับรองผลการพิจารณาสัญญา 3G กสท/ทรู ส่อละเมิด คนในวงประชุมโวยประธานไม่เป็นกลางรับรู้ทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่ตีรวนยื้อเวลา แหล่งข่าวชี้สายสัมพันธ์ชัยเกษม-ชัยฤกษ์ ตัวพลิกเกม ด้านป.ป.ช.เรียกจิรายุทธแจ้งข้อกล่าวหา
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่าในการประชุมอนุกรรมการฯ พิจารณาสัญญา 3G บริษัท กสท โทรคมนาคมกับกลุ่มทรู เพื่อสรุปผลการพิจารณาในวันที่ 28 พ.ค.และส่งต่อคณะกรรมการด้านกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ปรากฏว่านายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ประธานอนุกรรมการฯ ไม่ยอมลงชื่อรับรองมติผลการพิจารณาที่ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่าสัญญาดังกล่าว ส่อละเมิดมาตรา 46
'มีผู้เข้าร่วมประชุมบางคนโวยในที่ประชุมว่าประธานไม่เป็นกลาง ทั้งๆที่รับรู้ถึงผลสรุปถ้อยคำทุกอย่างตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลารับรองมติกลับต้องการให้ตัดข้อความที่เกี่ยวข้องกับ BFKT ออกให้หมด ทำนองว่ามีแต่หน่วยงานรัฐที่ทำผิดได้ แต่เอกชนไม่ผิดจนทำให้ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 31 พ.ค.นี้'
ทั้งนี้ผลสรุปของคณะอนุกรรมการฯ ชี้ชัดว่าถ้ากสท ไม่แก้ไข 7 เรื่องจะเป็นการละเมิดมาตรา 46 ของพ.ร.บ.กสทช.ที่กสทในฐานะเป็นผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่สามารถควบคุมการใช้งานคลื่นความถี่และรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นความถี่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยข้อความที่ประธานชัยฤกษ์ต้องการให้ตัดออกเกี่ยวกับบริษัท BFKT ทั้งหมดเช่น '...ซึ่ง BFKT อาจจะเข้าข่ายประกอบกิจการโทรคมนาคมและบริหารความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต' และข้อความ 'โดยเสนอให้มีการสอบสวนและดำเนินการพิสูจน์ความจริงต่อไป'
แหล่งข่าวที่ร่วมประชุมให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของประธานชัยฤกษ์มักจะชี้นำ และโอนเอียงว่าสัญญานี้ถูกต้องแล้ว ในกรณีที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หากคำตอบหรือความเห็นของผู้ชี้แจงไม่เป็นที่พึงปรารถนาของตัวประธานแล้ว ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่รับฟัง เพราะเชื่อว่ามีธงอยู่ในใจแล้ว เรื่องนี้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของกสทสามารถยืนยันได้
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตเรื่องสายสัมพันธ์กับนายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่มาเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ซึ่งในอดีตนายชัยเกษมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของนาย วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณซึ่งเป็นประธานบอร์ดกสท ชุดที่อนุมัติการทำสัญญาอื้อฉาวนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อนายชัยเกษมมาเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช. ก็ย่อมไม่มีทางเห็นเป็นอย่างอื่นว่าสัญญานี้ไม่ถูกต้อง
ขณะเดียวกับที่นายชัยฤกษ์เองเป็นอดีตอัยการมีความใกล้ชิดกับนายชัยเกษม สมัยรับราชการถูกโอนย้ายเป็นอธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เคยเป็นบอร์ดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เคยถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินชี้มูลความผิดกรณีการทุจริตการโครงการจัดซื้อ มิเตอร์ไฟฟ้าของกฟภ. และได้ถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการ ซึ่งเรื่องก็ยังไม่เป็นที่ยุติ เมื่อเกษียณราชการ ก็ได้รับความไว้วางใจจาก กสทช. ให้มาดำรงตำแหน่งในอนุกรรมการด้านกฎหมายต่างๆ ซึ่งอาจทำให้มองได้ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างกันทำให้เกิดปรากฎการณ์ตีรวนไม่ รับรองมติคณะอนุกรรมการฯ ในการประชุมวันที่ 28 พ.ค.นี้
ด้านนายเมธี ครองแก้ว กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงการทำสัญญาโครงการ 3G HSPA ระหว่างกสทกับกลุ่มทรู กล่าวว่า ในวันที่ 28 พ.ค.อนุป.ป.ช.ได้เชิญนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กสทมารับทราบข้อกล่าวหาเพียงคนเดียว เพราะมีข้อมูลเพียงพอแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดผู้กระทำผิดคนอื่นๆแต่อย่างใด เพียงแต่อนุกรรมการยังมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์พอที่จะแจ้งผู้กระทำผิดคนอื่นๆ เท่านั้น โดยนายจิรายุทธส่งทนายมารับทราบข้อกล่าวหาแทน
โดยขั้นตอนต่อไปในวันที่ 12 มิ.ย. นายจิรายุทธจะต้องเข้ามาแก้ข้อกล่าวหาที่ป.ป.ช. โดยสามารถมาด้วยตนเอง หรือส่งทนายมาก็ได้ แต่หากไม่สามารถมาได้ ก็สามารถแจ้งความจำเป็นและขยายเวลาเพิ่มได้อีก 15 วัน
'ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ มีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ที่คดีดังกล่าวจะสิ้นสุด เนื่องจากหากการแก้ต่างของนายจิรายุทธ มีความสมบรูณ์คือ 1.คำแก้ต่างชัดเจน ฟังขึ้น เราก็ยกฟ้อง 2.ข้อมูลไม่เพียงพอ ฟังไม่ขึ้น ก็ชี้มูลความผิดได้ 3.อ้างพยาน ขอให้ปากคำเพิ่มเติม เรียกผู้เกี่ยวข้อง ก็ต้องพิจารณารับฟังพยานอื่นๆ เป็นรายๆ ไปเราบอกไม่ได้ว่ามันจะจบอย่างไรในฐานะที่เป็นปปช. เราต้องมองเป็นกลาง ซึ่งคดีนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว มันก็คือเป็นสัญญาที่มีความผิดปกติจริง'
ไทยรัฐ
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000065611
ข่าวที่เกี่ยวข้อง...
( เรื่องใหญ่แล้ว!!! โต้เถียงกันใหญ่โต จนถึงขั้นโวยวาย ) เห็นขัดกัน เผยอนุฯสอบ3G CAT TRUE เลื่อนสรุปผล 31พ.ค.
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thailandinthepresentday&month=28-05-2012&group=7&gblog=336
ไม่มีความคิดเห็น: