Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 พฤศจิกายน 2555 (บทความ) รู้จักกับ CTH ผู้คว้าลิทธิ์บอลพรีเมียร์ลีค // CTH บิ๊กคอนเนกชั่น อำนาจใหม่ดึงโฆษณา // วิชัย ทองแตง Low Risk

ประเด็นหลัก

ชื่อของ “วิชัย ทองแตง” ในวัย 65 ปี อาจไม่คุ้นสำหรับวงการบันเทิง แต่สำหรับวงการการเมืองและนักลงทุนแล้ว ชื่อนี้เป็นที่จดจำ เพราะเขาคืออดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น เมื่อปี พ.ศ. 2544 จนทำให้ “ทักษิณ” รอดพ้น ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความผิดแค่ “บกพร่องโดยสุจริต” และเป็นคดีสุดท้ายที่เขาเป็นทนายให้

เป็นนักลงทุนเริ่มเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ยังเป็นทนายความ ชื่อของ “วิชัย” กลายเป็นนักเป็นนักเทกโอเวอร์ โดยปี 2546 เขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล และปี 2553 สวอปหุ้กับกลุ่ม นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ จนติดอันดับเศรษฐีหุ้นในเมืองไทยอันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าหุ้น 11,804 ล้านบาท ตามการจัดอันดับของวารสารการเงิน การธนาคารในปี 2554

สำหรับการลงทุนในธุรกิจทีวีรอบนี้ ที่เขาไม่ถนัด แต่มาด้วยแรงชักชวนจากญาติที่เป็นน้าของภรรยา ที่ทำธุรกิจเคเบิลทีวีอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่ “วิชัย” ก็เข้ามาเป็นแกนหลัก และอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทเคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช ซึ่งหลังจากมีที่ปรึกษาวางโมเดลธุรกิจ และหาพันธมิตรแล้ว ก็มั่นใจว่าผลตอบมาแทนจะเป็นแบบ High Return

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาทำเผื่อฐานคะแนนของอดีตลูกความของเขาหรือไม่

“วิชัย” บอกว่าทุกวันนี้แม้เขาไม่ได้ติดต่อกับ “ทักษิณ” แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีภาพติดอยู่ เพราะในความเป็นจริงเขาคือเพื่อนกับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สามีของ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือในฐานะที่เป็นน้องเขยของ “ทักษิณ” นั่นเอง





โมเดลธุรกิจ ซีทีเอช

ผู้ถือหุ้นบริษัทไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช
1.กลุ่มผู้ให้บริการเคเบิลทีวีท้องถิ่น 30%
2.วิชัย ทองแตง ทนายความ เจ้าของและผู้บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท และนักลงทุน 23.5%
3.ยิ่งลักษณ์ วัชรพล ทายาท และผู้บริหารระดับสูง นสพ.ไทยรัฐ 23.5%
4.บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 23%


ทุนจดทะเบียน
1,000 ล้านบาท
เงินลงุทน 25,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปี (14,000 ล้านบาท ลงทุนจัดซื้อกล่องรับสัญญาณ Set Top Box สำหรับผู้ชม)


เทคโนโลยี
เป็นเครือข่ายเคเบิลใยแก้ว ส่งความเร็วที่เสถียร เร็ว และสามารถสื่อสารได้สองทาง ทำให้บริการทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟ ทีวีออนดีมานด์ และออกอากาศในระบบดิจิตอล ผ่านเครือข่ายทั้งทางสายเคเบิล ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ผู้ชมสามารถรับได้ผ่านอุปกรณ์ทั้งเครือข่ายรับทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
กำหนดเปิดให้บริการ
เดือนพฤศจิกายนนี้ เป้าหมายผู้ชมเคเบิลทีวี 10 ล้านครัวเรือน ใน 4 ปี โดยในปี 2556 มีสมาชิก 4 ล้านครัวเรือน (จากปี 2555 มีสมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน 77 จังหวัด) รายได้ 10,000 ล้านบาท


โครงส้างรายได้
1.รายได้หลักคือโฆษณา
2.ส่วนแบ่งรายได้จากค่าสมาชิกเคเบิลทีวี
3.ค่าเชื่อมโครงข่าย จากบริษัทผู้ผลิตรายการที่ต้องการออกอากาศผ่านเครือข่ายซีทีเอช














________________________________________________

รู้จักกับ CTH ผู้คว้าลิทธิ์บอลพรีเมียร์ลีค    


หลังจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ ลีคฤดูกาล 2012/2013 ที่ทรู วิชันส์ถือลิขสิทธิ์อยู่กำลังจะหมดลง จนต้องเปิดการประมูลใหม่ ซึ่งเป็นการประมูลลิขสิทธิ์การแข่งขันปี 2013-2016 ในที่สุด CTH  (CABLE THAI HOLDING)ก็ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ได้ลิขสิทธิ์กรายการแข่งขันนี้แล้ว ด้วยเม็ดเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท   ด้วยเม็ดเงินลงทุนขนาดนี้ CTH ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดใน 3 ประเทศ ไทย-ลาว-กัมพูชา ส่วนอัตราค่าชมตอนนี้ยังไม่ได้ระบุ

ส่วนช่องทางการหารายได้อื่นๆ เนื่องจากแพลตฟอร์มของ CTH พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการเคเบิ้ลดาวเทียมรายอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นกรณีของฟุตบอลพรีเมียร์ ลีค ก็คาดว่าจะมาผู้ให้บริการรายอื่นๆ เข้ามาเจรจาเพื่อถ่ายทอดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามต้องเป็นไปตามกฎของพรีเมียร์ลีคอังกฤษด้วย

การประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมี่ยร์ลีคครั้งนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้ประกอบการ 5 ราย ประกอบด้วย ทรู วิชั่นส์, แกรมมี่, อาร์เอส, ช่อง 7 และ CTH ซึ่งในท้ายที่สุด CTH ก็เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยจำนวนเงินสูงสุด โดยการแข่งขันฟุตบอลพรีเมี่ยร์ลีค เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่มีผู้ชมมากที่สุดในประเทศไทย เริ่มต้นราวเดือนสิงหาคม-พฤษภาคมในปีถัดไป รวมแล้วมีการแข่งขันกว่า 380 แมตช์ จาก 20 ทีม ส่วน CTH หรือ CABLE THAI HOLDING เป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการเคเบิ้ลท้องถิ่น ผู้ลงทุนหลักคือ วิชัย ทองแตง และ วัชร วัชรพล(ไทยรัฐ)

วิชัย ทองแตง  เขาคืออดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น เมื่อปี พ.ศ. 2544  และทำให้รอดพ้นจากคดีไปได้  ต่อมาวิชัย เริ่มบทบาทใหม่ในฐานะนักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  และเขากลายเป็นนักเป็นนักเทกโอเวอร์ เมื่อเขาซื้อกิจการเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล  และยังสวอปหุ้กับกลุ่ม นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ  จนเคยติดอันดับเศรษฐีหุ้นมาแล้ว  ล่าสุดชื่อเสียงเขากลับมาอยู่ในสปอร์ตไลท์อีกครั้ง เมื่อเข้ารับหน้าที่ในการบริหารงานใน ซีทีเอช

ล่าสุดซีทีเอช ได้ดึงตัว กฤษณัน งามผาติพงศ์  มืออาชีพด้านธุรกิจ เคยเป็นผู้บริหาร โนเกีย ประเทศไทย และเจเอสแอล เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซีทีเอช  ซึ่งประกาศเตรียมลงทุน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเปลี่ยนจากการออกอากาศผ่านดาวเทียมมาเป็นไฟเบอร์ออฟติกในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ

ปัจจุบัน ซีทีเอช มีสมาชิกในระบบจำนวน 2.5 – 3 ล้านครัวเรือน โดยตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะสามารถขยายสมาชิกเพิ่มเป็น 10 ล้านครัวเรือน นอกจากนี้ บริษัทฯยังตั้งเป้าเป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ทความเร็ว 1 กิกะบิต  โดยรูปแบบการขายสมาชิกในอนาคตจะเป็นรูปแบบจำหน่ายแบบ “คอนเวอร์เจนซ์” หรือรวมทุกบริการไว้ภายใต้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ก่อนหน้านี้ CTH ยังได้ร่วมมือกับ ทรูวิชั่นส์ ซึ่งจะจัดส่ง 9 รายการ  เช่น  ทรูเอ็กซ์พลอร์ 1, แทรเวล แชนแนล ไทยแลนด์, ทรูสปอร์ต, สยามกีฬาทีวี,ฟุตบอลสยาม ทีวี, สตาร์ซ้อคเกอร์ ทีวี, สปีดแชนแนล และมะจัง  โดยในช่องทรูสปอร์ตผู้ชมจะได้รับชมกีฬาดังมากมาย อาทิฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประมาณสัปดาห์ละ 1 แมตช์  นอกจากนี้จะมีช่องกีฬาเพิ่มอีก 1 ช่องในเร็ว ๆ นี้ให้กับสมาชิกเคเบิลทีวีทั่วประเทศ ผ่านทาง ซีทีเอช ตั้งแต่เดือนกันยายน

positioning
http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=95617

_________________________________________


“ซีทีเอช” บิ๊กคอนเนกชั่น อำนาจใหม่ดึงโฆษณา    

จากเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นที่ตอบโจทย์รสนิยมของผู้ชมในแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด ด้วยคุณภาพตามราคา ภาพนี้กำลังเปลี่ยน ...กลายเป็นเครือข่ายเคเบิลทีวีที่ทันสมัย อินเตอร์แอคทีฟ ออนดีมานด์ มีพลังพอที่จะดึงเม็ดเงินโฆษณามากขึ้น จากการเข้ามาของกลุ่มทุนที่ลงทุนด้วยเม็ดเงินหลายหมื่นล้าน ด้วยความมั่นใจว่าโลกใหม่ธุรกิจทีวีมาถึงแล้ว

ชื่อของบริษัทเคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช เป็นที่รู้จักเฉพาะในวงการเคเบิลทีวีท้องถิ่นมาหลายปีเพราะเป็นบริษัทตัวแทนของสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ในการต่อรองกับเอเยนซี่โฆษณา และซื้อรายการมาให้สมาชิกออกอากาศ ทำธุรกิจแบบเงียบๆ ไม่หวือหวา และขาดทุน

แต่เมื่อ “วิชัย ทองแตง” อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น และนักลงทุนเจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและกรุงเทพ จับมือมากับทายาทของ นสพ.ไทยรัฐ ประกาศซื้อหุ้นในซีทีเอช พร้อมลงทุน 25,000 ล้านบาท ในการวางเครือข่ายส่งสัญญาณทีวี ทำให้ซีทีเอชกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสปอตไลต์ทันที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เม็ดเงิน

และล่าสุดเมื่อบริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เข้ามาถือหุ้นด้วย ยิ่งทำให้ซีทีเอชถูกจับตามอง

นี่คือความเคลื่อนไหวของผู้เล่นหน้าใหม่ที่มากด้วยคอนเนกชั่น ผ่านโมเดลการลงทุนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเป็นเจ้าของเครือข่ายไปจนถึงคอนเทนต์ และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มพลังกลุ่มเคเบิลทีวีท้องถิ่นในการทำเงินจากโฆษณา

“วิชัย” เล่าให้ฟังถึงอนาคตซีทีเอชว่า เขาและผู้ร่วมทุนเข้ามาพร้อมกับเงินทุน และไอเดียธุรกิจที่จะทำให้ภาพของเคเบิลทีวีท้องถิ่นเปลี่ยนแปลง โดยผู้ร่วมทุนพร้อมลงขัน ตั้งแต่การเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมซีทีเอชมีทุนจดทะเบียนอยู่เพียง 50 ล้านบาท เพิ่มเป็น 150 ล้านบาท และจะกลายเป็น 1,000 ล้านบาทในเร็วๆ นี้ จนถึงการลงทุน 25,000 ล้านบาท เพื่อทำให้บริการดีขึ้น ทำให้ซีทีเอชเลิกขาดทุนที่สะสมอยู่ปัจจุบัน 100 ล้านบาท กลายเป็นธุรกิจที่กำไรและพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคตอันใกล้

การลงทุนของซีทีเอช จะลงทุนด้านเครือข่าย ที่ทำให้การส่งสัญญาณรายการบนเครือข่ายเคเบิลทีวีทันสมัยขึ้น ที่ขณะนี้ทีมผู้บริหารของซีทีเอชกำลังพิจารณาเลือกเทคโนโลยี ซึ่งความทันสมัยนี้ “วิชัย” บอกว่าจะทำให้ผู้ชมสามารถซื้อรายการที่ต้องการชมได้แบบออนดีมานด์ ผู้ชมสามารถอินเตอร์แอคทีฟกับรายการทีวีได้ และที่สำคัญระบบจะทำให้วัดเรตติ้งได้ว่ารายการใดฮิต มีเรตติ้งดี

แม้ “วิชัย” จะไม่ได้คร่ำหวอดในวงการโฆษณามาก่อน แต่ก็รู้ดีว่าโฆษณาต้องการอะไร ดังนั้นไม่เพียงเรตติ้งเท่านั้น แต่ระบบยังสามารถวัดได้ว่าโฆษณาที่ออนแอร์อยู่นั้น ผู้ชมดูจนจบหรือไม่ หรือดูอยู่แค่กี่วินาที โดยมีเซ็กเมนต์ผู้ชมให้เลือกในการเจาะกลุ่มเป้าหมาย ตามจำนวนช่องที่เตรียมไว้ถึง 120 ช่องรายการ

“ซีทีเอช” ซึ่งไม่ได้นับหนึ่งในการรุกธุรกิจทีวี แต่คือการต่อยอดจากปัจจุบัน ที่มีทรัพยากรสำคัญคือจำนวนสมาชิกเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ 3.5 ล้านครัวเรือน ที่จ่ายค่าบริการสมาชิกรายเดือนเฉลี่ย 300 บาท

“วิชัย” บอกว่าซีทีเอชจะมีอำนาจในการต่อรองกับทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์รายการทั้งในและต่างประเทศ และต่อรองกับสินค้าหรือเอเยนซี่ที่ต้องการลงโฆษณา ที่อนาคตรายได้หลักนอกจากค่าสมาชิกแล้วยังมาจากเม็ดเงินโฆษณาด้วย


“แกรมมี่” ร่วมขบวนแบบได้กับได้
ความแรงของกลุ่ม “ซีทีเอช” จึงทำให้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) แทบจะไม่ลังเลในการร่วมทุน เพื่อให้ซีทีเอชเป็นอีกขาหนึ่งในการขยายฐานผู้ชม ที่แกรมมี่ได้รุกก่อนหน้านี้ด้วยธุรกิจจากและกล่องรับสัญญาณดาวเทียมในนามจีเอ็มเอ็ม แซท

“วัชร วัชรพล” ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด ผู้พัฒนาเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ บุตรชายของ “ยิ่งลักษณ์ วัชรพล” ในฐานะผู้ถือหุ้นในซีทีเอช บอกว่าการมีพันธมิตรถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้ซีทีเอช ทำให้ผู้ชมได้รับชมรายการหลากหลาย ตอบโจทย์ธุรกิจ ที่ซีทีเอชต้องมีรายการหลากหลายมาบริการผู้บริโภค

แน่นอนว่าอนาคตคอนเทนต์ของกลุ่มสื่อยักษ์อย่างไทยรัฐจะเข้าถึงผู้ชมของซีทีเอชด้วย

อย่างที่ “ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ประธานกรรมการ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บอกว่า การร่วมทุนครั้งนี้ในเบื้องต้นทำให้แกรมมี่สามารถนำคอนเทนต์ หรือรายการที่มีอยู่ และลิขสิทธิ์รายการต่างประเทศ อย่างล่าสุดกับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ให้เครือข่ายเคเบิลทีวีซีทีเอชรับชม

สิ่งที่ตามมาชัดเจนคือแกรมมี่สามารถแปรจาก “ฟรีคอนเทนต์” ให้เป็นรายได้ เพราะที่ผ่านมาเคยให้คอนเทนต์ฟรีกับเคเบิลทีวีท้องถิ่นมานาน ต่อไปแกรมมี่จะมีรายได้จากการขายคอนเทนต์ให้ซีทีเอชไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

นอกเหนือจากที่ซีทีเอชเสริมให้มีผู้ชมทางสายเคเบิล และส่วนในพื้นที่ที่สายไม่ถึง จะชมระบบดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซท และการร่วมทุนครั้งนี้แน่นอนว่าทำให้การต่อรองซื้อคอนเทนต์มีอำนาจมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมกันประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

“ซีทีเอช” กับความเปลี่ยนแปลง ทำให้กลุ่มสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยต้องลดความเป็นเจ้าของ แม้หลายคนอาจเสียใจหรือไม่พอใจ แต่ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจทีวีอย่างรุนแรง ท่ามกลางผู้ชมที่หลากหลายและเปลี่ยนไป เพราะมีทางเลือกมากขึ้น การเป็นเจ้าของ 100% อาจไร้ความหมาย ถ้าผู้ชมค่อยๆ หายไป

ทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้คือเงินทุน เทคโนโลยี  และอำนาจต่อรอง เพื่อทำให้ผู้ชมยังอยู่ด้วยกันตลอดไป


โมเดลธุรกิจ ซีทีเอช

ผู้ถือหุ้นบริษัทไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช
1.กลุ่มผู้ให้บริการเคเบิลทีวีท้องถิ่น 30%
2.วิชัย ทองแตง ทนายความ เจ้าของและผู้บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท และนักลงทุน 23.5%
3.ยิ่งลักษณ์ วัชรพล ทายาท และผู้บริหารระดับสูง นสพ.ไทยรัฐ 23.5%
4.บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 23%


ทุนจดทะเบียน
1,000 ล้านบาท
เงินลงุทน 25,000 ล้านบาท ภายใน 4 ปี (14,000 ล้านบาท ลงทุนจัดซื้อกล่องรับสัญญาณ Set Top Box สำหรับผู้ชม)


เทคโนโลยี
เป็นเครือข่ายเคเบิลใยแก้ว ส่งความเร็วที่เสถียร เร็ว และสามารถสื่อสารได้สองทาง ทำให้บริการทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟ ทีวีออนดีมานด์ และออกอากาศในระบบดิจิตอล ผ่านเครือข่ายทั้งทางสายเคเบิล ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ผู้ชมสามารถรับได้ผ่านอุปกรณ์ทั้งเครือข่ายรับทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
กำหนดเปิดให้บริการ
เดือนพฤศจิกายนนี้ เป้าหมายผู้ชมเคเบิลทีวี 10 ล้านครัวเรือน ใน 4 ปี โดยในปี 2556 มีสมาชิก 4 ล้านครัวเรือน (จากปี 2555 มีสมาชิก 3.5 ล้านครัวเรือน 77 จังหวัด) รายได้ 10,000 ล้านบาท


โครงส้างรายได้
1.รายได้หลักคือโฆษณา
2.ส่วนแบ่งรายได้จากค่าสมาชิกเคเบิลทีวี
3.ค่าเชื่อมโครงข่าย จากบริษัทผู้ผลิตรายการที่ต้องการออกอากาศผ่านเครือข่ายซีทีเอช

positioningmag
http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=94944

____________________________________


วิชัย ทองแตง Low Risk ...High Return    

ชื่อของ “วิชัย ทองแตง” ในวัย 65 ปี อาจไม่คุ้นสำหรับวงการบันเทิง แต่สำหรับวงการการเมืองและนักลงทุนแล้ว ชื่อนี้เป็นที่จดจำ เพราะเขาคืออดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น เมื่อปี พ.ศ. 2544 จนทำให้ “ทักษิณ” รอดพ้น ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความผิดแค่ “บกพร่องโดยสุจริต” และเป็นคดีสุดท้ายที่เขาเป็นทนายให้

เป็นนักลงทุนเริ่มเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ยังเป็นทนายความ ชื่อของ “วิชัย” กลายเป็นนักเป็นนักเทกโอเวอร์ โดยปี 2546 เขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจเครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล และปี 2553 สวอปหุ้กับกลุ่ม นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ จนติดอันดับเศรษฐีหุ้นในเมืองไทยอันดับที่ 4 ด้วยมูลค่าหุ้น 11,804 ล้านบาท ตามการจัดอันดับของวารสารการเงิน การธนาคารในปี 2554

สำหรับการลงทุนในธุรกิจทีวีรอบนี้ ที่เขาไม่ถนัด แต่มาด้วยแรงชักชวนจากญาติที่เป็นน้าของภรรยา ที่ทำธุรกิจเคเบิลทีวีอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่ “วิชัย” ก็เข้ามาเป็นแกนหลัก และอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทเคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช ซึ่งหลังจากมีที่ปรึกษาวางโมเดลธุรกิจ และหาพันธมิตรแล้ว ก็มั่นใจว่าผลตอบมาแทนจะเป็นแบบ High Return

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาทำเผื่อฐานคะแนนของอดีตลูกความของเขาหรือไม่

“วิชัย” บอกว่าทุกวันนี้แม้เขาไม่ได้ติดต่อกับ “ทักษิณ” แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีภาพติดอยู่ เพราะในความเป็นจริงเขาคือเพื่อนกับ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สามีของ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือในฐานะที่เป็นน้องเขยของ “ทักษิณ” นั่นเอง

“วิชัย” กับ “สมชาย” เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2509 สนิทกันด้วยความที่ต่างคนต่างเป็นเด็กต่างจังหวัด โดยวิชัย มาจาก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ส่วนสมชายมาจาก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ไม่เคยห่างกัน แม้กระทั่งวันเปิดตัวธุรกิจซีทีเอช “สมชาย” ก็ยังมาร่วมงาน

สำหรับเขาแล้วจะเกี่ยวพันกับการเมืองหรือไม่นั้น คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ แต่สิ่งที่เขายืนยันคือหลักการลงทุนของเขาที่ทำให้อดีตทนายความกลายเป็นมหาเศรษฐีได้นั้น ไม่ใช่แค่ High Risk Hig Return แต่ต้องคิดแบบ Low Risk High Return

positioning
http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=94959

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.