Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

17 มิถุนายน 2556 อนุดิษฐ์ ให้กำลังใจ CAT ขาดทุนปีนี้ เบื้องต้น 1,000 ล้านบาท (รู้ดี..เพราะโครงการ 3G และ สายไฟเบอร์ยังไม่มีความชัดเจน อย่างนี้ ครม.ต้องอนุมัติงบด่วน)



ประเด็นหลัก


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า สถานะรายได้ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT สิ้นปี 2556 มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุนเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการขยายบริการโครงข่าย 3 จี และการลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ รวมมูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาทยังไม่มีความชัดเจน


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการขยายโครงข่าย 3จี มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นการดำเนินการต่อเนื่องหลังจากที่ กสท ได้ร่วมกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการ 3 จีทรูมูฟเอช ซึ่งทางกฤษฎีกาต้องตีความว่า สัญญาที่ร่วมกันนั้นเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่ เนื่องจากมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท และหากเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ก็ต้องนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนแผนการขยายขอถือครองคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ออกไปอีก 1 ปี เพราะยืนยันว่า กสท มีสิทธิ์ในคลื่นความถี่ดังกล่าว และควรเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้รายใดมาทำหน้าที่ดูแลลูกค้าหลังสัมปทานสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ก่อนสิ้นสุดสัมปทาน กสท เคยประเมินความเสี่ยงเรื่องรายได้ พบว่าจะขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ 2557-2561 สูงถึง 5,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากสัมปทาน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของรายได้รวมที่ 5 หมื่นล้านบาท



น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า สถานะรายได้ของบริษัท กสท โทรคมนาคม สิ้นปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุนเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท เพราะขณะนี้โครงการลงทุนเพื่อรองรับรายได้อนาคต ทั้งโครงการขยายบริการโครงข่าย 3จี และการลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ มูลค่ารวม 2.9 หมื่นล้านบาทยังไม่มีความชัดเจน

ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการถือเป็นธุรกิจที่จะมาช่วยสร้างรายได้ให้กับ กสทฯ ทดแทนรายได้จากสัมปทาน เนื่องจากสัญญาสัมปทานระหว่าง กสทฯ กับ บริษัท ทรูมูฟ และบริษัท ดิจิตอลโฟน หรือดีพีซี จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย. 2556 เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบทางด้านข้อกฎหมาย ซึ่งหากไม่ได้รับความเห็นจากกฤษฎีกา ไอซีทีจะไม่นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แน่นอน


______________________________________






ช้ำ! “กสท” รู้ซึ้งปี 56 ขาดทุนนับพันล้านบาท


รมว.ไอซีที เผยหลังหมดสัญญาสัมปทาน ก.ย.56 นี้ กสท ขาดทุนนำร่อง 1 พันล้านบาท ติงแผนขยายโครงข่าย 3จี และโครงข่ายไฟเบอร์ 2.9 หมื่นล้านบาท ไม่ชัดเจน...

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า สถานะรายได้ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT สิ้นปี 2556 มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุนเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการขยายบริการโครงข่าย 3 จี และการลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ รวมมูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาทยังไม่มีความชัดเจน

รมว.ไอซีที กล่าวต่อว่า โครงการข้างต้น ถือเป็นธุรกิจที่จะมาทดแทน เพื่อสร้างรายได้ให้กับ กสท หลังจากสัมปทานของบริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (ดีพีซี) จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.2556 แต่ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ซึ่งหากไม่ได้รับความเห็นจากกฤษฎีกา ไอซีทีจะไม่นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แน่นอน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการขยายโครงข่าย 3จี มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นการดำเนินการต่อเนื่องหลังจากที่ กสท ได้ร่วมกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการ 3 จีทรูมูฟเอช ซึ่งทางกฤษฎีกาต้องตีความว่า สัญญาที่ร่วมกันนั้นเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่ เนื่องจากมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท และหากเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ก็ต้องนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนแผนการขยายขอถือครองคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ออกไปอีก 1 ปี เพราะยืนยันว่า กสท มีสิทธิ์ในคลื่นความถี่ดังกล่าว และควรเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้รายใดมาทำหน้าที่ดูแลลูกค้าหลังสัมปทานสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ก่อนสิ้นสุดสัมปทาน กสท เคยประเมินความเสี่ยงเรื่องรายได้ พบว่าจะขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ 2557-2561 สูงถึง 5,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากสัมปทาน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของรายได้รวมที่ 5 หมื่นล้านบาท





โดย: ไทยรัฐออนไลน์
http://m.thairath.co.th/content/tech/351606

________________________________________


กสทฯขาดทุน1พันล้านหลังหมดรายได้สัมปทาน


กสทฯ ปาดเหงื่อ ปีนี้ขาดทุนนำร่อง 1,000 ล้านบาท หลังไร้รายได้สัมปทาน แผนโครงข่าย 3จี สะดุด

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า สถานะรายได้ของบริษัท กสท โทรคมนาคม สิ้นปีนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุนเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท เพราะขณะนี้โครงการลงทุนเพื่อรองรับรายได้อนาคต ทั้งโครงการขยายบริการโครงข่าย 3จี และการลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์ มูลค่ารวม 2.9 หมื่นล้านบาทยังไม่มีความชัดเจน

ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการถือเป็นธุรกิจที่จะมาช่วยสร้างรายได้ให้กับ กสทฯ ทดแทนรายได้จากสัมปทาน เนื่องจากสัญญาสัมปทานระหว่าง กสทฯ กับ บริษัท ทรูมูฟ และบริษัท ดิจิตอลโฟน หรือดีพีซี จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย. 2556 เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบทางด้านข้อกฎหมาย ซึ่งหากไม่ได้รับความเห็นจากกฤษฎีกา ไอซีทีจะไม่นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แน่นอน

สำหรับโครงการขยายโครงข่าย 3จี มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นการดำเนินการต่อเนื่องหลังจากที่ กสทฯ ได้ร่วมกับกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อให้บริการ3จี ทรูมูฟเอช โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะต้องตีความว่า สัญญาการดำเนินการร่วมกันนั้นเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีการวินิจฉัยว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ก็จะต้องนำเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ

“ตอนนี้ กสทฯ อยู่ในสถานะที่มีความเสี่ยงสูงมาก หลายโครงการที่จะสร้างรายได้มาทดแทนสัมปทานยังไม่ชัดเจน และหากทุกอย่างยังล่าช้า จะขาดทุนทันที 1,000 ล้านบาท จึงได้ให้ กสทฯ เร่งทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น เพื่อแก้วิกฤตได้ทันเวลา” รมว.ไอซีที กล่าว

แผนการขยายเวลาขอถือครองคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ออกไปอีก 1 ปีนั้น รมว.ไอซีที ยืนยันว่า กสทฯ มีสิทธิในคลื่นความถี่ดังกล่าว และ กสทฯ ควรเป็นผู้พิจารณาด้วยว่าจะให้รายใดมาทำหน้าที่ดูแลลูกค้าจำนวน 17 ล้านราย หลังจากสัมปทานสิ้นสุด

อย่างไรก็ตาม กสทฯ ได้เคยประเมินความเสี่ยงด้านรายได้ของ กสทฯ หลังสิ้นสุดสัมปทานว่าจะขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557-2561 รวมแล้วสูงถึง 5,000ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน กสทฯ มีรายได้หลักจากสัญญาสัมปทาน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของรายได้รวมปีละ 5 หมื่นล้านบาท

http://www.posttoday.com/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8
%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B9%8C/228721/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B
8%AF%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%991%E0%B8%9E%E0%B8%B1%
E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%
87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0
%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.