22 กรกฎาคม 2556 ป.ป.ช. มีมติ 6 ต่อ 2 เอาผิด "หมอเลี้ยบ" สมัยนั่ง รมว.ไอซีที พ่วงปลัดกระทรวง และ ผอ.สำนักอวกาศ ผิด ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแก้สัญญาดาวเทียมไทยคม เอื้อกลุ่มชินคอร์ป
ประเด็นหลัก
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เว็บไซต์ ป.ป.ช.ได้เปิดเผยผลการประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2556 ถึงข้อกล่าวหากรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 กล่าวหา นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายไกรสร พรสุธี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ว่า อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 511% เป็นไม่น้อยกว่า 40 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมิชอบ
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนถึงข้อเท็จจริง ได้ลงมติคะแนนเสียง 6 ต่อ 2 เสียง โดยนายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.อีกคนหนึ่งขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณา เนื่องจากได้เคยพิจารณาเรื่องนี้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง คตส.แล้ว ว่าการกระทำของนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ และ นายไกรสร พรสุธี ที่ได้เสนอความเห็นให้มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) ให้ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ และการกระทำของนายสุรพงษ์ ที่ได้อนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน ดังกล่าว จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยในส่วนของนายไกรสร และนายไชยยันต์ ยังมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 อีกด้วย
______________________________________
มติ6ต่อ2'เลี้ยบ'เอื้อชินคอร์ป'
ป.ป.ช. มีมติ 6 ต่อ 2 เอาผิด "หมอเลี้ยบ" สมัยนั่ง รมว.ไอซีที พ่วงปลัดกระทรวง และ ผอ.สำนักอวกาศ ผิด ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแก้สัญญาดาวเทียมไทยคม เอื้อกลุ่มชินคอร์ป พร้อมส่งอัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เว็บไซต์ ป.ป.ช.ได้เปิดเผยผลการประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2556 ถึงข้อกล่าวหากรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 กล่าวหา นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายไกรสร พรสุธี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ว่า อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 511% เป็นไม่น้อยกว่า 40 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมิชอบ
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนถึงข้อเท็จจริง ได้ลงมติคะแนนเสียง 6 ต่อ 2 เสียง โดยนายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.อีกคนหนึ่งขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณา เนื่องจากได้เคยพิจารณาเรื่องนี้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง คตส.แล้ว ว่าการกระทำของนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ และ นายไกรสร พรสุธี ที่ได้เสนอความเห็นให้มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) ให้ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ และการกระทำของนายสุรพงษ์ ที่ได้อนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน ดังกล่าว จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยในส่วนของนายไกรสร และนายไชยยันต์ ยังมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 อีกด้วย
ที่ประชุมจึงมีมติให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, ที่ 2 และที่ 3 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 70 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 10
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=191647:62&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491
ไม่มีความคิดเห็น: