Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

08 เมษายน 2557 IDC ระบุ ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาด


ประเด็นหลัก

    "ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว  หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาดจะเป็นขนาดจอมากกว่า 5 นิ้ว  ส่วนระดับราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนนั้นรุ่นระดับราคาต่ำกว่า 3  พันบาท จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  โดยสมาร์ทโฟนราคาต่ำสุดจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.8  พันบาท  จากเดิมราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 2-2.9 พันบาท"
    นายเสฐียรพร กล่าวอีกว่า ข้อมูลการศึกษารายไตรมาสตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของไอดีซี เอเชียแปซิฟิก พบว่า ตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 มียอดจำหน่ายสูงถึง 6.3 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโต 4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2555 โดยมีแรงผลักดันหลักจากยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 63.6% โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่สามารถชะลอความต้องการโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ได้


______________________________________


ตลาดสมาร์ทโฟนแรงไม่หยุด



 ไอดีซีประเมินสมาร์ทโฟนปีนี้ยังร้อนแรงฉุดไม่อยู่  ยอดเติบโตจาก 9.5 ล้านเครื่อง เป็น 13 ล้านเครื่อง ถือเป็นปีแรกที่ยอดขายสมาร์ทโฟนแซงหน้าฟีเจอร์โฟน  เหตุจากราคาลดลง รุ่นต่ำสุดปีนี้อยู่ที่ 1.5-.18 พันบาท พร้อมระบุแฟ็บเลตมาแรงกินส่วนแบ่งตลาดปีนี้มากกว่าครึ่ง  alt    นายเสฐียรพร สุวรรณสุภา นักวิเคราะห์ตลาดไคลเอนท์ดีไวซ์  บริษัท ไอดีซี (ประเทศไทย)  จำกัด  เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าไอดีซีคาดการณ์ว่าตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ  โดยปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นมาจากราคา    นอกจากนี้ที่ไอดีซี ประเมินว่าปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นนั้นยังมาจากการเปิดประมูลไลเซนส์  LTE บนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์   และแพลตฟอร์มหรือระบบปฏิบัติการใหม่ๆที่เกิดขึ้น อาทิ ระบบปฏิบัติการไฟร์ฟ็อกซ์  สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำ
    ส่วนปัจจัยลบที่มองว่าอาจมีผลต่อการเติบโต หรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดสมาร์ทโฟน คือ การพัฒนาของเทคโนโลยีต่อไปจะไม่ก้าวกระโดดเหมือนที่ผ่านมา  โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเท่านั้น  นอกจากนี้ยังมองว่าสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันยังมีคุณภาพ และวัสดุดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาการเปลี่ยนเครื่องใหม่ของผู้บริโภคช้าลง       ทั้งนี้ไอดีซีประเมินว่าปีนี้ตลาดสมาร์ทโฟน  น่าจะมีตัวเลขซื้อขายในตลาดอยู่ราว 12-13 ล้านเครื่อง  เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 30%  โดยปีที่ผ่านมามีตัวเลขการซื้อขายราว 9.5 ล้านเครื่อง โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ยอดขายสมาร์ทโฟน แซงหน้าฟีเจอร์โฟน  ซึ่งคาดว่าสมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วนราว 55% ของตลาดมือถือโดยรวม  ขณะที่ฟีเจอร์โฟน จะมีสัดส่วนราว 45%  จากเดิมปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 55-60%
    "ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว  หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาดจะเป็นขนาดจอมากกว่า 5 นิ้ว  ส่วนระดับราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนนั้นรุ่นระดับราคาต่ำกว่า 3  พันบาท จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  โดยสมาร์ทโฟนราคาต่ำสุดจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.8  พันบาท  จากเดิมราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 2-2.9 พันบาท"
    นายเสฐียรพร กล่าวอีกว่า ข้อมูลการศึกษารายไตรมาสตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของไอดีซี เอเชียแปซิฟิก พบว่า ตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 มียอดจำหน่ายสูงถึง 6.3 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโต 4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2555 โดยมีแรงผลักดันหลักจากยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 63.6% โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่สามารถชะลอความต้องการโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ได้
    ทั้งนี้การเติบโตของการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มาแทนฟีเจอร์โฟนได้บ่งบอกว่า การใช้งานสมาร์ทโฟนกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาของสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง  ส่วนของตลาดระดับล่างที่จำหน่ายเครื่องราคาถูก (Entry Level) นั้นได้อานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนเวนเดอร์หน้าใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเพื่อแข่งขันกับเวนเดอร์เจ้าตลาดอย่างแอปเปิล  หรือซัมซุง
    "เวนเดอร์อย่าง เอเซอร์ หัวเหว่ย  และแซดทีอี  เลือกที่จะทำตลาดสมาร์ทโฟนระดับล่าง (Entry Level) รุ่นเฉพาะกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างๆ เท่านั้น กลยุทธ์นี้เป็นประโยชน์อย่างมากในระยะสั้นๆ สำหรับเวนเดอร์รายใหม่ แต่ทว่าในระยะยาวแล้วพวกเขาอาจจะประสบปัญหา หากต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงกลุ่มเดียว"
    ในทางตรงกันข้าม เวนเดอร์ซึ่งยึดแนวทางอิสระ จำเป็นจะต้องแสดงความมุ่งมั่นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแทนจำหน่ายและผู้ใช้งานให้มาก  ซึ่งเรื่องราวของความสำเร็จเกิดขึ้นในตลาดของเวนเดอร์อย่างเลอโนโว หรือเชอรี่ โมบาย ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=225641:2014-04-04-03-57-01&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U0OtTa2Swcs

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.