08 เมษายน 2557 IDC ระบุ ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาด
ประเด็นหลัก
"ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาดจะเป็นขนาดจอมากกว่า 5 นิ้ว ส่วนระดับราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนนั้นรุ่นระดับราคาต่ำกว่า 3 พันบาท จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสมาร์ทโฟนราคาต่ำสุดจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.8 พันบาท จากเดิมราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 2-2.9 พันบาท"
นายเสฐียรพร กล่าวอีกว่า ข้อมูลการศึกษารายไตรมาสตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของไอดีซี เอเชียแปซิฟิก พบว่า ตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 มียอดจำหน่ายสูงถึง 6.3 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโต 4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2555 โดยมีแรงผลักดันหลักจากยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 63.6% โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่สามารถชะลอความต้องการโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ได้
______________________________________
ตลาดสมาร์ทโฟนแรงไม่หยุด
ไอดีซีประเมินสมาร์ทโฟนปีนี้ยังร้อนแรงฉุดไม่อยู่ ยอดเติบโตจาก 9.5 ล้านเครื่อง เป็น 13 ล้านเครื่อง ถือเป็นปีแรกที่ยอดขายสมาร์ทโฟนแซงหน้าฟีเจอร์โฟน เหตุจากราคาลดลง รุ่นต่ำสุดปีนี้อยู่ที่ 1.5-.18 พันบาท พร้อมระบุแฟ็บเลตมาแรงกินส่วนแบ่งตลาดปีนี้มากกว่าครึ่ง alt นายเสฐียรพร สุวรรณสุภา นักวิเคราะห์ตลาดไคลเอนท์ดีไวซ์ บริษัท ไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าไอดีซีคาดการณ์ว่าตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นมาจากราคา นอกจากนี้ที่ไอดีซี ประเมินว่าปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นนั้นยังมาจากการเปิดประมูลไลเซนส์ LTE บนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ และแพลตฟอร์มหรือระบบปฏิบัติการใหม่ๆที่เกิดขึ้น อาทิ ระบบปฏิบัติการไฟร์ฟ็อกซ์ สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำ
ส่วนปัจจัยลบที่มองว่าอาจมีผลต่อการเติบโต หรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดสมาร์ทโฟน คือ การพัฒนาของเทคโนโลยีต่อไปจะไม่ก้าวกระโดดเหมือนที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมองว่าสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันยังมีคุณภาพ และวัสดุดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาการเปลี่ยนเครื่องใหม่ของผู้บริโภคช้าลง ทั้งนี้ไอดีซีประเมินว่าปีนี้ตลาดสมาร์ทโฟน น่าจะมีตัวเลขซื้อขายในตลาดอยู่ราว 12-13 ล้านเครื่อง เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 30% โดยปีที่ผ่านมามีตัวเลขการซื้อขายราว 9.5 ล้านเครื่อง โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ยอดขายสมาร์ทโฟน แซงหน้าฟีเจอร์โฟน ซึ่งคาดว่าสมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วนราว 55% ของตลาดมือถือโดยรวม ขณะที่ฟีเจอร์โฟน จะมีสัดส่วนราว 45% จากเดิมปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 55-60%
"ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการเติบโตมากที่สุด คือ กลุ่มสมาร์ทโฟน หน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 นิ้ว หรือที่เรียกว่า "แฟ็บเลต" คาดว่าปีนี้สมาร์ทโฟนมากกว่าครึ่งที่จำหน่ายในตลาดจะเป็นขนาดจอมากกว่า 5 นิ้ว ส่วนระดับราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนนั้นรุ่นระดับราคาต่ำกว่า 3 พันบาท จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสมาร์ทโฟนราคาต่ำสุดจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.8 พันบาท จากเดิมราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 2-2.9 พันบาท"
นายเสฐียรพร กล่าวอีกว่า ข้อมูลการศึกษารายไตรมาสตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของไอดีซี เอเชียแปซิฟิก พบว่า ตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 มียอดจำหน่ายสูงถึง 6.3 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโต 4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2555 โดยมีแรงผลักดันหลักจากยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 63.6% โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่สามารถชะลอความต้องการโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ได้
ทั้งนี้การเติบโตของการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มาแทนฟีเจอร์โฟนได้บ่งบอกว่า การใช้งานสมาร์ทโฟนกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาของสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนของตลาดระดับล่างที่จำหน่ายเครื่องราคาถูก (Entry Level) นั้นได้อานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนเวนเดอร์หน้าใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเพื่อแข่งขันกับเวนเดอร์เจ้าตลาดอย่างแอปเปิล หรือซัมซุง
"เวนเดอร์อย่าง เอเซอร์ หัวเหว่ย และแซดทีอี เลือกที่จะทำตลาดสมาร์ทโฟนระดับล่าง (Entry Level) รุ่นเฉพาะกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างๆ เท่านั้น กลยุทธ์นี้เป็นประโยชน์อย่างมากในระยะสั้นๆ สำหรับเวนเดอร์รายใหม่ แต่ทว่าในระยะยาวแล้วพวกเขาอาจจะประสบปัญหา หากต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงกลุ่มเดียว"
ในทางตรงกันข้าม เวนเดอร์ซึ่งยึดแนวทางอิสระ จำเป็นจะต้องแสดงความมุ่งมั่นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวแทนจำหน่ายและผู้ใช้งานให้มาก ซึ่งเรื่องราวของความสำเร็จเกิดขึ้นในตลาดของเวนเดอร์อย่างเลอโนโว หรือเชอรี่ โมบาย ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=225641:2014-04-04-03-57-01&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U0OtTa2Swcs
ไม่มีความคิดเห็น: