03 มิถุนายน 2557 IPM.มานพ ระบุ ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกผู้ชมในประเทศไทยกว่า 3.7 ล้านราย และสปป.ลาว 1.2 ล้านราย โดยสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ประเด็นหลัก
มานพ โตการค้ามานพ โตการค้า นายมานพ โตการค้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด ผู้ทำธุรกิจจานดาวเทียมสีส้ม ภายใต้แบรนด์ "ไอพีเอ็ม" (IPM) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกผู้ชมในประเทศไทยกว่า 3.7 ล้านราย และสปป.ลาว 1.2 ล้านราย โดยสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แบ่งเป็น ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านราย และต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านราย ซึ่งการขยายตลาดต่างประเทศครั้งนี้บริษัทจะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์พัฒนาคอนเทนต์ เพื่อรักษาฐานลูกค้าในสปป.ลาวที่มีสัดส่วนผู้ชมกว่า 90% ของทั้งประเทศ
______________________________________
IPMตั้งเป้าสิ้นปีลูกค้าใหม่โต100%
จานดาวเทียมสีส้ม"ไอพีเอ็ม" เล็งขยายฐานผู้ชมไทย/เทศแบบก้าวกระโดดโตเพิ่ม 100% หลังทุ่มงบกว่า 500 ล้านพัฒนาแพลตฟอร์ม และผลิตละครป้อนทีวีดิจิตอล ล่าสุดคว้างานยักษ์ช่อง THV เผยจอดำ ช่วงรัฐประหารส่งผลเม็ดเงินโฆษณาหายวับ 50%
มานพ โตการค้ามานพ โตการค้า นายมานพ โตการค้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด ผู้ทำธุรกิจจานดาวเทียมสีส้ม ภายใต้แบรนด์ "ไอพีเอ็ม" (IPM) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกผู้ชมในประเทศไทยกว่า 3.7 ล้านราย และสปป.ลาว 1.2 ล้านราย โดยสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แบ่งเป็น ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านราย และต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านราย ซึ่งการขยายตลาดต่างประเทศครั้งนี้บริษัทจะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์พัฒนาคอนเทนต์ เพื่อรักษาฐานลูกค้าในสปป.ลาวที่มีสัดส่วนผู้ชมกว่า 90% ของทั้งประเทศ
"การจับมือกับพาร์ตเนอร์พัฒนาโลคัลคอนเทนต์ เนื่องจากบริษัทมองว่าวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ ภาษา และความชอบแต่ละประเทศค่อนข้างแตกต่างกัน ดังนั้นการผลิตโลคัลคอนเทนต์จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สถานีโทรทัศน์ของทั้งในประเทศและต่างประเทศ"
ขณะเดียวกันบริษัทวางงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทในการผลิตคอนเทนต์ ทำกิจกรรมการตลาด และพัฒนาแพลตฟอร์ม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิตอลเข้ามาพูดคุยหลายรายในรูปแบบการผลิตคอนเทนต์ละคร และรายการให้กับช่อง แต่ที่บรรลุข้อตกลง และพร้อมดำเนินการแล้ว คือ ช่อง THV ของทีวีพูล โดยบริษัทจะผลิตละครและพร้อมออกอากาศได้ในต้นเดือนมิถุนายนนี้
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าควบคุมและระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบในเรื่องของรายได้โฆษณาที่หายไปราว 50% หรือประมาณ 2-3 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าชะลอการใช้เงิน ขณะที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาแม้จะเกิดปัญหาความไม่สงบทางการเมืองส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อลดลง และยอดโฆษณาโดยรวมของบริษัทก็ลดลง แต่บริษัทยังมีรายได้จากการขายจานดาวเทียม กล่องรับสัญญาณไอพีเอ็ม และการผลิตคอนเทนต์เข้ามาเพิ่ม ทำให้เชื่อว่ารายได้ในปีนี้ของบริษัทจะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจแพลตฟอร์ม 30% ลิขสิทธิ์และจำหน่ายคอนเทนต์แปรรูป 20% โฆษณา 30% และการผลิตละคร 20%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=233180:ipm100&catid=106:-marketing&Itemid=456#.U42AxhZAfM4
ไม่มีความคิดเห็น: