03 มิถุนายน 2557 นอสตร้าเปิดตัวแอพพลิเคชัน "NOSTRA Map Thailand" โฉมใหม่ โดยแบ่งเป็นการเปิดดูแผนที่เส้นทางและข้อมูลจราจร 60% ดูข้อมูลไลฟ์สไตล์ 30% และอื่นๆ 10%

ประเด็นหลัก

  นายวิชัย ยังกล่าวต่ออีกว่า  จากการเก็บสถิติพฤติกรรมการใช้งานแอพพลิเคชัน ‘นอสตร้า แมพ ไทยแลนด์’ พบว่าแอพพลิเคชันได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2555 โดยมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 250% (ไตรมาส  4 ปี 2555 – ไตรมาส 1 ปี 2557) และมีการเรียกใช้งานแอพหนาแน่นในช่วงสุดสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเดินทางและท่องเที่ยวในวันหยุด โดยแบ่งเป็นการเปิดดูแผนที่เส้นทางและข้อมูลจราจร 60%  ดูข้อมูลไลฟ์สไตล์ 30% และอื่นๆ 10% โดยข้อมูลไลฟ์สไตล์ที่ถูกเปิดใช้มาก ได้แก่ กลุ่มโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ตามลำดับ  ส่วนพื้นที่ที่ใช้งานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเมืองที่มีข้อมูลและการจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี และเชียงใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับความจำเป็นของผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องการข้อมูลเส้นทางและข้อมูลรายงานสภาพจราจรในบริเวณเมืองที่มีการเดินทางหนาแน่น


______________________________________


เปิดตัวแอพฯแผนที่เวอร์ชันใหม่



 นอสตร้าเปิดตัวแอพพลิเคชัน "NOSTRA Map Thailand" โฉมใหม่ พร้อมแอพสำหรับระบบปฏิบัติการวินโดว์สครั้งแรก ตั้งเป้ายอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้งภายในสิ้นปี
alt    นายวิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบเทค จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทซีดีจี เปิดเผยว่า ได้ทำการพัฒนาแอพพลิเคชัน "นอสตร้า แมพ ไทยแลนด์"  เป็นเวอร์ชันใหม่ 3.0 โดยปรับรูปโฉมแอพใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันหลักของแอพคล่องตัวมากยิ่งขึ้น  ได้แก่ การดูแผนที่เส้นทาง (Map) และแผนที่พิเศษ (Map layers) การค้นหาสถานที่ (Search) การค้นหาเส้นทาง (Route) สถานที่และเส้นทางใช้ประจำ (Favorite)  เพิ่มรายละเอียดของข้อมูลแผนที่ และ คอนเทนต์ เช่น รูปภาพประกอบสถานที่  ข้อมูลระยะห่างของสถานที่จากตำแหน่งผู้ใช้งาน รายละเอียดที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และเวลาเปิด-ปิด เพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชันการค้นหา (Search) โดยสามารถค้นหาด้วยค่าพิกัดละติจูด ลองจิจูด และสั่งให้แผนที่ แพนไปยังค่าพิกัดนั้นได้ทั้งยังมีการค้นหาด่วน และการค้นหาให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นปรับรูปแบบการคำนวณเส้นทางใหม่ให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
    สำหรับแผนที่นำทางดิจิตอลสามารถใช้งานบนมือถือสมาร์ทโฟน และ แท็บเลต  มีด้วยกัน 2 ภาษา คือ ภาษาไทย และอังกฤษ  นอกจากใช้เป็นแผนที่นำทางยังใช้เพื่อหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ทานอาหาร โรงแรมที่พัก และข้อมูลอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสะดวก ความสนุกและความแปลกใหม่ให้กับชีวิตประจำวันโดยนอสตร้า แมพมีข้อมูลหลากหลายรวมทั้งสิ้นกว่า 14 หมวด อาทิ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน เอทีเอ็มสถานีรถไฟฟ้า สำหรับความต้องการของผู้ใช้งานกลุ่มต่างๆ

    นายวิชัย ยังกล่าวต่ออีกว่า  จากการเก็บสถิติพฤติกรรมการใช้งานแอพพลิเคชัน ‘นอสตร้า แมพ ไทยแลนด์’ พบว่าแอพพลิเคชันได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2555 โดยมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 250% (ไตรมาส  4 ปี 2555 – ไตรมาส 1 ปี 2557) และมีการเรียกใช้งานแอพหนาแน่นในช่วงสุดสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเดินทางและท่องเที่ยวในวันหยุด โดยแบ่งเป็นการเปิดดูแผนที่เส้นทางและข้อมูลจราจร 60%  ดูข้อมูลไลฟ์สไตล์ 30% และอื่นๆ 10% โดยข้อมูลไลฟ์สไตล์ที่ถูกเปิดใช้มาก ได้แก่ กลุ่มโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ตามลำดับ  ส่วนพื้นที่ที่ใช้งานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเมืองที่มีข้อมูลและการจราจรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี และเชียงใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับความจำเป็นของผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องการข้อมูลเส้นทางและข้อมูลรายงานสภาพจราจรในบริเวณเมืองที่มีการเดินทางหนาแน่น
    นอกจากจะเป็นการเปิดตัวแอพพลิเคชันโฉมใหม่แล้ว นอสตร้า ยังเปิดตัวแอพพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเลตระบบปฏิบัติการวินโดว์สเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยไมโครซอฟต์ต้องการโลคัล แอพพลิเคชันที่มีคอนเทนต์ที่ดีและเป็นที่นิยมในตลาดแอพพลิเคชันของไทยมาร่วมพัฒนาแอพบนระบบวินโดว์ส  และนอสตร้ามองเห็นถึงการเติบโตของการใช้งานดีไวซ์บนระบบวินโดว์สที่ปัจจุบันมีตัวเลขการเติบโตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 16% เทียบกับไตรมาสแรกปี 2556 และยังมีโอกาสที่ผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนจะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนในระบบวินโดว์สอีกมาก จึงจับมือกับไมโครซอฟต์ในการร่วมพัฒนาแอพขึ้นมาให้เหมาะกับระบบปฏิบัติการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีความสามารถหลักไม่ต่างจากแอพบนระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส และ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
    "บริษัทเชื่อมั่นว่า "NOSTRA Map Thailand" เวอร์ชันใหม่จะได้การตอบรับจากผู้บริโภค สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีโดยรองรับการใช้งานทั้งบนระบบปฏิบัติการไอโอเอส, แอนดรอยด์ และวินโดว์ส บริษัทคาดหวังยอดดาวน์โหลดในปีนี้ว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 750,000 ครั้งในปัจจุบัน เป็น 1,000,000 ครั้งภายในสิ้นปีอย่างแน่นอน"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=233152:2014-05-31-09-23-23&catid=123:2009-02-08-11-44-33&Itemid=491#.U42AiBZAfM4