Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

18 มิถุนายน 2557 RS ระบุ กรณีบอลโลกไม่ขาดทุน!! ชี้ กฎมัสต์แฮฟที่บังคับให้ต้องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไป ทางฟรีทีวีครบทุกนัด จะไม่มีใครกล้าลงทุนอีกแล้ว


ประเด็นหลัก


    เขาย้ำว่า ถึงขณะนี้อาร์เอสไม่ขาดทุน แต่ไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนตัวเลขต่างๆ ว่ามากน้อยขนาดไหน ไม่ขอลงรายละเอียด ขณะที่เรื่องการเยียวยาลูกค้าที่ซื้อกล่อง ยืนยันว่ามีแน่นอน แต่ต้องขอไปประชุมกับทาง กสทช.ก่อน คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะได้ข้อสรุปในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม การเยียวยาจะมีหลายแนวทาง สำหรับผู้ที่ต้องการคืนกล่องเลย หรือผู้ที่ต้องการยกเลิกเพียงช่องเวิลด์คัพเท่านั้น
     “ผมมองว่ากฎมัสต์แฮฟที่บังคับให้ต้องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไป ทางฟรีทีวีครบทุกนัด เป็นการแทรกแซงกลไกตลาด เชื่อว่าในอนาคตจะมีปัญหาตามมาแน่นอน และที่สำคัญจะมีนักธุรกิจรายใดกล้าที่จะลงทุน” นายสุรชัย หรือเฮียฮ้อ กล่าว  

______________________________________



‘เฮียฮ้อ’สุดเซ็ง ปปง.ขู่ธนาคาร ปิดบัญชี‘พนัน’


  "เฮียฮ้อ" เข็ดแล้วลิขสิทธิ์บอลโลก ครวญได้ไม่คุ้มเสีย รับชดเชย 427 ล้าน ปล่อยฟรีทีวีพ่วงถ่ายสด แต่ต้องจ่ายคืนค่ากล่องรายละ 1,590 บาท ทั้งยังค่าสมัครแพ็กเกจอีก ด้านศูนย์ปราบบ่อนพนันไล่ปิด 391 เว็บไซต์ ปปง.ตรวจพบ 10 เว็บพนันให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีแบงก์ใหญ่หลายแห่ง แจ้งเตือนรีบปิดบัญชีเพราะเสี่ยงมีความผิดตาม กม.ฟอกเงิน ยังฝ่าฝืนจับปรับครั้งละ 5 แสน
    นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดแถลงที่บริษัท อาร์เอสฯ ลาดพร้าว 15 เมื่อวันศุกร์ ถึงข้อตกลงระหว่างบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการที่บริษัทยอมให้มีการดึงสัญญาณถ่ายทอดสดออกฟรีทีวี คือ ช่อง 5, ช่อง 7 และช่อง 8 ครบทั้ง 64 นัด โดยได้รับเงินชดเชยจาก กสทช.สำหรับค่าเสียโอกาสจำนวน 427.015 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากที่บริษัทเสนอไป 700 ล้านบาท ว่าอาร์เอสยินดีให้ความร่วมมือกับ กสทช.ในการคืนความสุขแก่คนไทย ทั้งที่เงินชดเชยค่าเสียโอกาสที่บริษัทได้รับ มองว่าเป็นจำนวนที่ได้ไม่คุ้มเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์รายได้ ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ที่ลงทุนไป เป็นเพียงค่าเสียโอกาสที่อาร์เอสจะทำกำไรได้เท่านั้น โดยอาร์เอสยังต้องกันเงินส่วนนี้สำหรับใช้เยียวยาลูกค้าที่ซื้อกล่องฟุตบอลโลก รวมถึงผู้สมัครใช้บริการช่องเวิลด์คัพแชนแนลด้วย
    เขาย้ำว่า ถึงขณะนี้อาร์เอสไม่ขาดทุน แต่ไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนตัวเลขต่างๆ ว่ามากน้อยขนาดไหน ไม่ขอลงรายละเอียด ขณะที่เรื่องการเยียวยาลูกค้าที่ซื้อกล่อง ยืนยันว่ามีแน่นอน แต่ต้องขอไปประชุมกับทาง กสทช.ก่อน คาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะได้ข้อสรุปในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม การเยียวยาจะมีหลายแนวทาง สำหรับผู้ที่ต้องการคืนกล่องเลย หรือผู้ที่ต้องการยกเลิกเพียงช่องเวิลด์คัพเท่านั้น
     “ผมมองว่ากฎมัสต์แฮฟที่บังคับให้ต้องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งต่อๆ ไป ทางฟรีทีวีครบทุกนัด เป็นการแทรกแซงกลไกตลาด เชื่อว่าในอนาคตจะมีปัญหาตามมาแน่นอน และที่สำคัญจะมีนักธุรกิจรายใดกล้าที่จะลงทุน” นายสุรชัย หรือเฮียฮ้อ กล่าว  
    ขณะที่ นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เสนอแผนเยียวยาลูกค้าแก่ กสทช. โดยอาร์เอสวางไว้ 3 แนวทาง คือ 1.ลูกค้าที่ซื้อกล่องบอลโลกไปแล้ว ไม่ต้องการใช้กล่องอีก สามารถนำกล่องดังกล่าวมาคืนได้แม้ว่ามีการเปิดใช้แล้วก็ตาม ในราคาเต็มของราคาขาย คือไม่เกิน 1,590 บาท 2.ลูกค้าซื้อกล่องบอลโลกไปแล้ว ไม่ต้องการคืนกล่อง แต่ต้องการคืนแค่ช่องรายการเวิลด์คัพ ก็สามารถทำได้ โดยบริษัทจะคืนเงินค่าสมัครแพ็กเกจช่องดังกล่าวตามจำนวนที่สมัคร คือไม่เกิน 299 บาท และ 3.ลูกค้าที่สมัครซื้อแพ็กเกจช่องเวิลด์คัพเช่นกัน แต่ใช้กล่องอื่น หากต้องการยกเลิกสมาชิกช่องดังกล่าว ก็สามารถทำได้ และได้เงินคืนเต็มจำนวนเช่นกัน ไม่เกิน 299 บาท
     แหล่งข่าวจาก กสทช.เปิดเผยว่า กรณีนายสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการอาวุโสด้านสื่อสารมวลชนไม่เห็นด้วยกับการที่ กสทช.นำเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) 427 ล้านบาท มาจ่ายชดเชยให้บริษัท อาร์เอสฯ เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ผ่านฟรีทีวี โดยระบุว่าเป็นการใช้เงินของชาติที่ไม่สมควร ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ น่าจะนำเม็ดเงินที่ว่าไปสร้างห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศยังจะดีกว่า เรื่องดังกล่าวเห็นว่าเป็นมุมมองของนักวิชาการอาวุโสที่คับแคบ เพราะหากทุกฝ่ายจะได้พิจารณาข้อเท็จจริง ต้องยอมรับว่ามหกรรมฟุตบอลโลกที่ว่านี้ เป็นกีฬามวลมนุษยชาติที่ทุกควรได้ดูโดยปกติอยู่แล้ว แต่เพราะมีการนำเอาไปผูกโยงไว้กับผลประโยชน์ทางธุรกิจ แสวงหากำไรจากความต้องการพื้นฐานของผู้คน จึงทำให้กีฬาของมวลมนุษยชาติที่ประชาชนโดยทั่วไปควรจะได้ดูฟรี ถูกกันเอาไว้คนบางกลุ่มเท่านั้น
    ด้านการปราบปรามบ่อนพนันฟุตบอลโลก  พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.) ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลเทศกาลบอลโลก กล่าวว่า หลังจากเปิดเทศกาลฟุตบอลโลกนัดแรกไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางศูนย์ ฯ ได้สรุปผลการจับกุมได้ทั้งหมด 58 ราย ผู้ต้องหา 58 คน แบ่งเป็นเจ้ามือ 7 ราย, ผู้เล่น 49 คน, คนเดินโพย 2 คน, เงินสด 41,430 บาท, ค่านายโพย 18,072 บาท และบัญชีเงินฝาก 99,530 บาท โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ บช.น. 33 ราย, บช.ภ.1 1 ราย, บช.ภ.2 2 ราย, บช.ภ.3 5 ราย, บช.ภ.4 9 ราย, บช.ภ.6 1 ราย, บช.ภ.7 5 ราย, บช.ภ.8 1 ราย และ บช.ก. 1 ราย ส่วนผลการรับแจ้งผ่านสายด่วนหมายเลข 1599 ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.57 จนถึงวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ได้รับแจ้ง 10 ราย จับกุมได้ 1 ราย ผู้ต้องหา 3 คน ในพื้นที่ภูธรภาค 4
    พล.ต.ท.อนันต์กล่าวว่า ในส่วนของเว็บไซต์ที่มีการเปิดให้เล่นพนันฟุตบอล ได้ปิดเว็บไซต์ไปแล้ว 391 เว็บไซต์ แต่ก็พบว่าเจ้าของเว็บไซต์ที่ถูกปิดได้เข้าไปเปิด ยูอาร์แอลใหม่ ซึ่งเราก็ได้ตามปิดต่อไปอีก เพราะเป็นมาตรการการป้องกัน ส่วนการปราบปรามในตอนนี้ ได้ให้ทุกพื้นที่กวดขันการจับกุมอยู่ตลอด
    มีรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผกก.รักษาราชการแทน ผกก.ปพ.บก.ป., พ.ต.ท.เทอดเกียรติ บรรณกร สว.กก.ปพ.บก.ป. นำกำลังจับกุมนายสุรชัย ธีมะศิริ อายุ 45 ปี พร้อมของกลาง โพยพนันทายผลฟุตบอลโลก และเงินสดจำนวนหนึ่ง ได้ที่หน้าราษฎร์บูรณะคอนโดทาวน์ แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กทม. นอกจากนี้ พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.4.บก.ป. นำกำลังจับกุมนายธีระพงษ์ จำปารัตน์ อายุ 27 ปี พร้อมโพยพนันผลฟุตบอล 17 แผ่น เงินสด 460 บาท ส่วนรายที่ 3 พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.1.บก.ป. พร้อมกำลัง จับกุมนายธีรวุฒิ แสงงาม อายุ 40 ปี, นายณัฐวุฒิ ซื่อตรง อายุ 32 ปี พร้อมของกลางโพยพนันฟุตบอลโลก และเงินสด 100 บาท
    พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปปง.ได้รับการประสานจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อปราบปรามจับกุมเว็บพนันบอล โดยเฉพาะช่วงฟุตบอลโลก ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายในการเอาผิดอย่างเข้มข้น มีการตรวจสอบกว่า 10 เว็บพนัน พบรายชื่อธนาคารไทยใหญ่ๆ หลายแห่งถูกใช้เป็นบัญชีโอนเงินพนัน ปปง.ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนธนาคารที่ปรากฏชื่อในเว็บพนัน ให้เร่งยุติความสัมพันธ์กับเว็บพนันดังกล่าว เพราะถือเป็นบัญชีที่มีความเสี่ยงผิดกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งกฎหมายใหม่ของ ปปง.กำหนดให้การเปิดบัญชีต้องมีการแสดงตนลูกค้าก่อน และธนาคารต้องรู้ความเคลื่อนไหวในการนำบัญชีไปใช้ ทั้งนี้ หากทางธนาคารไม่ดำเนินการ เมื่อตำรวจจับกุม พบมีการใช้บัตรเติมเงินหรือใช้บัญชีสถาบันการเงินใดเป็นเครื่องมือแทงพนันบอล ปปง.จะดำเนินการทางกฎหมาย และปรับสถาบันการเงินนั้นทันที 500,000 บาทต่อการให้บริการแต่ละครั้ง
    "นอกจากนี้ยังได้มีหนังสือแจ้งเตือนสถาบันการเงินเพิ่มเติมเป็น 104 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคาร 36 แห่ง ผู้ให้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 8 แห่ง ผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 10 แห่ง และผู้ประกอบอาชีพชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 50 แห่ง ให้จับตาความเคลื่อนไหวของบัญชีหรือการทำธุรกรรมการเงินที่ผิดปกติ และรายงานให้ ปปง.ทราบ".


http://www.thaipost.net/news/140614/91715

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.