24 กรกฎาคม 2557 การจับมือ CTH และ GMMz ระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประเด็นหลัก
ภายหลังการเซ็นสัญญานายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ซีทีเอช จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี
นอกจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเทนต์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง ซึ่งโครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังลงนามสัญญาข้อตกลงดังกล่าว บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเทนต์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม โดยมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนการขายกล่องซีทีเอช จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสน-1 ล้านกล่อง ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2 ล้านกล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6 พัน-7 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้
______________________________
แกรมมี่-ซีทีเอช จับมือลุยธุรกิจเพย์ทีวี ตั้งเป้าสิ้นปีเข้าถึงผู้ชม10ล้านคน (ชมคลิป)
แกรมมี่-ซีทีเอช จับมือลุยธุรกิจเพย์ทีวี หลังแลกหุ้น ซีทีเอช เข้าถือหุ้น "จีเอ็มเอ็มบี" 100% ส่วนจีเอ็มเอ็มแซท เข้าถือหุ้นในซีทีเอช 10% เพิ่มความแกร่งธุรกิจ ตั้งเป้าเข้าถึงผู้ชม 10 ล้านคนในสิ้นปี ขณะที่แกรมมี่โล่งลดภาระขาดทุน...
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในสัญญาข้อตกลงรวมบริษัท ซีทีเอช แอลซีโอ จำกัด กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด ดำเนินธุรกิจเพย์ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยซีทีเอช แอลซีโอ จะเข้ามาถือหุ้นใน จีเอ็มเอ็ม บี 100% ขณะที่บริษัท แซท เทรดดิ้ง ในเครือแกรมมี่ จะเข้ามาถือหุ้นใน ซีทีเอช 10% ส่งผลให้ซีทีเอชจะกลายมาเป็นบริษัทแม่ ในการดำเนินธุรกิจเพย์ทีวีของทั้งซีทีเอช แอลซีโอ และจีเอ็มเอ็ม บี
ภายหลังการเซ็นสัญญานายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ซีทีเอช จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี
นอกจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเทนต์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง ซึ่งโครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังลงนามสัญญาข้อตกลงดังกล่าว บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเทนต์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม โดยมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนการขายกล่องซีทีเอช จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสน-1 ล้านกล่อง ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2 ล้านกล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6 พัน-7 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้
ด้านนายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ หน่วยงานแพลตฟอร์ม บริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การที่แซท เทรดดิ้ง เข้าไปถือหุ้นซีทีเอช ในสัดส่วน 10% มองว่าคุ้มค่าการลงทุนในอนาคต อีกทั้งจะทำให้ธุรกิจเพย์ทีวี มีฐานลูกค้าใหญ่ขึ้นเป็น 5 ล้านกล่อง และช่วยลดต้นทุนในการบริหารงานได้มาก ซึ่งน่าจะทำให้ธุรกิจเพย์ทีวี สร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
"การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับซีทีเอชครั้งนี้ เป็นอินเวสเม้นท์ที่คุ้มค่าการลงทุน เพราะหลังควบรวมแล้วมาร์เก็ต แชร์ ของจีเอ็มเอ็ม บี ในธุรกิจเพย์ทีวีน่าจะครึ่งหนึ่งของตลาดรวม จากเดิม 1 ส่วน 4 รวมทั้งช่วยลดต้นทุนในส่วนที่มีความทับซ้อนในการบริหารงาน ซึ่งการลงทุนเรามองเรื่องคอนเทนต์ Synergy ธุรกิจร่วมกันที่จะทำให้เพย์ทีวีกำไรดีขึ้นมาและผลตอบแทนที่จะได้กลับมา มากกว่า"
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ของแกรมมี่ จะยังมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากต้องแบกรับภาระขาดทุนธุรกิจเพย์ทีวีของ จีเอ็มเอ็ม บี แต่ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป ขาดทุนอยู่ 1 พันล้าน แกรมมี่จะไม่ต้องรับผลขาดทุนของธุรกิจเพย์ทีวีแล้ว หลังขายจีเอ็มเอ็ม บี ให้กับซีทีเอช แอล ซี โอ บริษัทลูกในเครือซีทีเอช
ส่วนทั้งปี จะพลิกเป็นกำไรหรือไม่ ยังไม่ฟันธง เพราะไตรมาส 1 มีผลขาดทุน 791 ล้านบาท และไตรมาส 2 ยังต้องแบกรับผลขาดทุนธุรกิจเพย์ทีวีอยู่ แต่จะไปลุ้นไตรมาส 3 ซึ่งเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น เพราะธุรกิจเดิมของบริษัททั้งมีเดียและเพลงนั้นในภาพรวมเติบโตได้ดี เชื่อว่าจะส่งผลดีในปีหน้าอย่างเต็มที่.
http://www.thairath.co.th/content/438418
ภายหลังการเซ็นสัญญานายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ซีทีเอช จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี
นอกจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเทนต์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง ซึ่งโครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังลงนามสัญญาข้อตกลงดังกล่าว บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเทนต์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม โดยมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนการขายกล่องซีทีเอช จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสน-1 ล้านกล่อง ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2 ล้านกล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6 พัน-7 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้
______________________________
แกรมมี่-ซีทีเอช จับมือลุยธุรกิจเพย์ทีวี ตั้งเป้าสิ้นปีเข้าถึงผู้ชม10ล้านคน (ชมคลิป)
แกรมมี่-ซีทีเอช จับมือลุยธุรกิจเพย์ทีวี หลังแลกหุ้น ซีทีเอช เข้าถือหุ้น "จีเอ็มเอ็มบี" 100% ส่วนจีเอ็มเอ็มแซท เข้าถือหุ้นในซีทีเอช 10% เพิ่มความแกร่งธุรกิจ ตั้งเป้าเข้าถึงผู้ชม 10 ล้านคนในสิ้นปี ขณะที่แกรมมี่โล่งลดภาระขาดทุน...
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในสัญญาข้อตกลงรวมบริษัท ซีทีเอช แอลซีโอ จำกัด กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด ดำเนินธุรกิจเพย์ทีวี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โดยซีทีเอช แอลซีโอ จะเข้ามาถือหุ้นใน จีเอ็มเอ็ม บี 100% ขณะที่บริษัท แซท เทรดดิ้ง ในเครือแกรมมี่ จะเข้ามาถือหุ้นใน ซีทีเอช 10% ส่งผลให้ซีทีเอชจะกลายมาเป็นบริษัทแม่ ในการดำเนินธุรกิจเพย์ทีวีของทั้งซีทีเอช แอลซีโอ และจีเอ็มเอ็ม บี
ภายหลังการเซ็นสัญญานายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาข้อตกลงกันในครั้งนี้ ซีทีเอช จะเข้ามาดูแลด้านการตลาดในธุรกิจเพย์ทีวีของจีเอ็มเอ็ม แซท ทั้งหมด ส่งผลให้หลังจากนี้ซีทีเอช จะก้าวสู่ความเป็น มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เต็มรูปแบบ ซึ่งทางจีเอ็มเอ็ม แซท ยังคงขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ต่อเนื่อง หลังจากต่างเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ในธุรกิจเพย์ทีวี
นอกจากนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่องหลัก คือ 1.Advertising อำนาจในการหาโฆษณามีมากขึ้น 2.Box จากฐานสมาชิกของจีเอ็มเอ็ม แซท 1.5-2 ล้านกล่อง จะเป็นฐานที่สำคัญของซีทีเอช 3.Content ทำให้มีคอนเทนต์มากที่สุด และ 4.Distribution การต่อรอง และการกระจายสินค้ามีมากขึ้น
ขณะเดียวกันระบบโครงข่ายจากทั้งสองบริษัทรวมกัน จะมีมากถึง 17 ทรานสปอนเดอร์ ถือเป็นกลุ่มที่มีทรานสปอนเดอร์มากที่สุด จะช่วยให้การใช้งานอย่างทรานสปอนเดอร์ที่มีอยู่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทับซ้อนจะลดลง บางแผนกอาจจะทับซ้อนกันบ้าง เช่น คอลเซ็นเตอร์ และทีมงานที่มีอยู่จากทั้งสองฝ่ายจะยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง ซึ่งโครงสร้างการทำงานอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง โดยตนยังคงพร้อมทำหน้าที่ประธานกรรมการบริหารต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังลงนามสัญญาข้อตกลงดังกล่าว บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทุกรูปแบบอีกกว่า 10 ราย ทั้งฟรีทีวี กลุ่มโมบายโฟน และดิสทริบิวเตอร์ เป็นต้น ในการช่วยกระจายคอนเทนต์ของซีทีเอช และจีเอ็มเอ็ม แซท ไปสู่กลุ่มผู้ชม โดยมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะเข้าถึงผู้ชมร่วม 10 ล้านคน ส่วนการขายกล่องซีทีเอช จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสน-1 ล้านกล่อง ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะทำให้ได้อีก 2 ล้านกล่อง รวมเป็น 3 ล้านกล่อง พร้อมรายได้ที่น่าจะคุ้มทุน หรือมีรายได้ประมาณ 6 พัน-7 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้
ด้านนายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ หน่วยงานแพลตฟอร์ม บริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การที่แซท เทรดดิ้ง เข้าไปถือหุ้นซีทีเอช ในสัดส่วน 10% มองว่าคุ้มค่าการลงทุนในอนาคต อีกทั้งจะทำให้ธุรกิจเพย์ทีวี มีฐานลูกค้าใหญ่ขึ้นเป็น 5 ล้านกล่อง และช่วยลดต้นทุนในการบริหารงานได้มาก ซึ่งน่าจะทำให้ธุรกิจเพย์ทีวี สร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
"การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับซีทีเอชครั้งนี้ เป็นอินเวสเม้นท์ที่คุ้มค่าการลงทุน เพราะหลังควบรวมแล้วมาร์เก็ต แชร์ ของจีเอ็มเอ็ม บี ในธุรกิจเพย์ทีวีน่าจะครึ่งหนึ่งของตลาดรวม จากเดิม 1 ส่วน 4 รวมทั้งช่วยลดต้นทุนในส่วนที่มีความทับซ้อนในการบริหารงาน ซึ่งการลงทุนเรามองเรื่องคอนเทนต์ Synergy ธุรกิจร่วมกันที่จะทำให้เพย์ทีวีกำไรดีขึ้นมาและผลตอบแทนที่จะได้กลับมา มากกว่า"
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ของแกรมมี่ จะยังมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากต้องแบกรับภาระขาดทุนธุรกิจเพย์ทีวีของ จีเอ็มเอ็ม บี แต่ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป ขาดทุนอยู่ 1 พันล้าน แกรมมี่จะไม่ต้องรับผลขาดทุนของธุรกิจเพย์ทีวีแล้ว หลังขายจีเอ็มเอ็ม บี ให้กับซีทีเอช แอล ซี โอ บริษัทลูกในเครือซีทีเอช
ส่วนทั้งปี จะพลิกเป็นกำไรหรือไม่ ยังไม่ฟันธง เพราะไตรมาส 1 มีผลขาดทุน 791 ล้านบาท และไตรมาส 2 ยังต้องแบกรับผลขาดทุนธุรกิจเพย์ทีวีอยู่ แต่จะไปลุ้นไตรมาส 3 ซึ่งเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น เพราะธุรกิจเดิมของบริษัททั้งมีเดียและเพลงนั้นในภาพรวมเติบโตได้ดี เชื่อว่าจะส่งผลดีในปีหน้าอย่างเต็มที่.
http://www.thairath.co.th/content/438418
ไม่มีความคิดเห็น: