Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 สิงหาคม 2557 ศาลปกครองกลางสั่ง ยกคำร้องกสทช. เบรก ใช้กฎมัสต์กับ ช่อง3 จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ( ทำให้ช่อง3 ไม่สามารถออกอากาศช่องอนาล็อกได้และโฆษณาเกินชั่วโมงละ 6 นาที ได้ )

ประเด็นหลัก

       วันนี้ (13 ส.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลสั่งชะลอการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์เครี) ในวันที่ 25 พ.ค. 2557 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ (ช่อง 3) ยื่นฟ้อง กสทช. และพวกรวม 3 รายเป็นผู้ถูกฟ้องคดี ขอให้ศาลเพิกถอนกฎดังกล่าวเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย
     
       โดยเหตุผลที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอดังกล่าวระบุว่า บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ เป็นผู้ได้รับอนุญาตตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 75 ของ พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 ที่มีสิทธิประกอบกิจโทรทัศน์ตามที่ได้รับอนุญาต สัมปทานหรือสัญญานั้นต่อไปจนกว่าการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญานั้นจะสิ้นสุด บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ฯ จึงตกอยู่ในบังคับให้ถือว่าเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ทเป็นการทั่วไป และต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับดังกล่าว



______________________________



ศาลปกครองกลางยกคำร้อง “ช่อง 3” ขอเบรก กสทช.ใช้กฎมัสต์แครียุบช่องอนาล็อก



ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ “บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์” เจ้าของช่อง 3 กรณีร้องให้ กสทช. ชะลอการใช้กฎมัสต์แครีให้ยุบช่อง 3 อนาล็อกวันที่ 25 พ.ค. 57 ชี้คำร้องไม่เข้าเงื่อนไข แต่ยังไต่สวนปมมติ กสท. ทุกฝ่าย
     
       วันนี้ (13 ส.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลสั่งชะลอการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (มัสต์เครี) ในวันที่ 25 พ.ค. 2557 ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ในคดีที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ (ช่อง 3) ยื่นฟ้อง กสทช. และพวกรวม 3 รายเป็นผู้ถูกฟ้องคดี ขอให้ศาลเพิกถอนกฎดังกล่าวเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย
     
       โดยเหตุผลที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอดังกล่าวระบุว่า บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ เป็นผู้ได้รับอนุญาตตามบทเฉพาะกาลในมาตรา 75 ของ พ.ร.บ. ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 ที่มีสิทธิประกอบกิจโทรทัศน์ตามที่ได้รับอนุญาต สัมปทานหรือสัญญานั้นต่อไปจนกว่าการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญานั้นจะสิ้นสุด บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ฯ จึงตกอยู่ในบังคับให้ถือว่าเป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ทเป็นการทั่วไป และต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับดังกล่าว
     
       เมื่อต่อมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 4/2557 วันที่ 3 ก.พ. วาระที่ 4.8 เห็นชอบให้ผู้รับใบอนุญาตตามบทเฉพาะกาลแห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งรวมถึงบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป กรณีจึงเป็นการที่ กสท. ใช้อำนาจตามประกาศพิพาทพิจารณามีคำสั่งหรือประกาศเป็นอย่างอื่น แตกต่างไปจากข้อกำหนดเดิมในประกาศฉบับดังกล่าว ในชั้นนี้จึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการกำหนดให้บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ สิ้นสุดการทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปตามข้อ 8 ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปนั้น จะมีผลทำให้ใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ สิ้นสุดลงด้วยหรือไม่
     
       ดังนั้น เมื่อกระบวนการเพื่อมีมติหรือคำสั่งของ กสท. ในคราวการประชุมที่ 4/2557 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2557 ในวาระที่ 4.8 เป็นไปตามข้อกฎหมาย จึงยังฟังได้ว่ามติหรือคำสั่งพิพาทจะไม่ชอบด้วยกฎหมายตามเงื่อนไขประการแรกของการมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองมาตรา 66 ของ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครอง ปี 2542 เมื่อคำขอของ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ไม่เข้าเงื่อนไข ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศ กสทช. ตามที่ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ร้องขอได้ ส่วนประเด็นที่ว่ามติของ กสท. ในการประชุมวันที่ 3 ก.พ. 2557 ในวาระที่ 4.8 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นประเด็นเนื้อหาของคดีที่ศาลจะได้แสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนจากคู่กรณีทุกฝ่าย และจะพิจารณามีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งในประเด็นดังกล่าวต่อไป

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000092279&Keyword=%A1%CA%B7

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.