Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

13 สิงหาคม 2557 Lenovo Thailand ลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาปีงบประมาณที่ผ่านมา (เม.ย. 2556 - มี.ค. 2557) ที่มูลค่า 732.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 109.5 ล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า

ประเด็นหลัก



'เลอโนโว' ตั้งธุรกิจใหม่เจาะนวัตกรรม


"เป้าหมายสูงสุดของเราคือ ทำให้เลอโนโวเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกตลาด ซึ่งจะไปถึงจุดนั้นได้เราจะต้องสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ และสำคัญกว่าคือ การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ แม้เราจะประสบความสำเร็จแต่หากลูกค้า หรือพาร์ทเนอร์เราไม่มีแฮปปี้ก็ไม่ถือว่าถึงจุดที่จะฉลองได้ และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจใดๆ ทางธุรกิจในตลาดที่มีแต่ความท้าทาย แต่เราเชื่อมั่นว่ามันจะเกิดขึ้นไม่นาน และเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะลงทุนขยายตลาดในไทย"

ปัจจุบันเลอโนโวลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาปีงบประมาณที่ผ่านมา (เม.ย. 2556 - มี.ค. 2557) ที่มูลค่า 732.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 109.5 ล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า












______________________________







เคน หว่อง ปูทาง 'เลอโนโว' เติบโตยั่งยืน

โดย : วัลยา แสงทอง

"ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจแต่เราเชื่อมั่นว่ามันจะเกิดขึ้นไม่นานและน่าจะเป็นเวลาดีที่สุดที่จะลงทุนต่อในไทย



มองไทยผ่านสายตาบิ๊กบอส "นายเคน หว่อง" รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประจำตลาดใหม่ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เลอโนโว ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อย้ำความเชื่อมั่นในการลงทุน

ไทยยังน่าลงทุน

ผู้บริหารเลอโนโวเปิดประเด็นการสนทนาว่า ไทยเป็นประเทศที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และเหมาะสำหรับการพักผ่อนทำกิจกรรมยามว่าง ขณะเดียวกันในมุมของธุรกิจก็ยังเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้ เพราะความพร้อมในหลายๆ ด้าน

โดยเมื่อเทียบกับภาพรวมอาเซียน แม้ในแง่ประชากรตลาดใหญ่ที่โดดเด่นคือ อินโดนีเซีย แต่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ซึ่งหากไม่นับสิงคโปร์ก็ถือว่า "ไทย" เป็นตลาดที่มีจีดีพีสูง และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศ

อย่างไรก็ตามในฐานะที่ดูแลตลาดพีซีเป็นหลัก "นายหว่อง" บอกว่าเลอโนโวมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพีซีที่หลากหลาย โดยจะเห็นว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเลอโนโวเริ่มมีตัวเลือกที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับบน และมีฟังก์ชั่นการทำงานแบบมัลติโหมดในเครื่องเดียว เช่น เป็นโน้ตบุ๊คที่ถอดจอออกเพื่อใช้งานเป็นแทบเล็ตได้ หรือแทบเล็ตที่มีดีไซน์ตั้งวางในองศาที่เหมาะสำหรับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละราย ถือเป็นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ผลิตภัณฑ์พีซี

ส่วน "สมาร์ทโฟน" ก็จะยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ย.จะมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจออกสู่ตลาดเช่นกัน

"ในตลาดสมาร์ทโฟนเราโตจากจุดที่ไม่มีใครรู้จัก จนกระทั่งมีส่วนแบ่งตลาด 5% ในเวลาเพียงไม่นาน ขนาดที่ซีอีโอของบริษัทก็ให้ความมั่นใจว่าเลอโนโวเริ่มสร้างกำไรให้ธุรกิจมือถือนอกตลาดจีนได้แล้ว"

ปูพรมตลาดภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองกรุงเทพฯ ถือว่าเลอโนโวทำได้ดีแล้วเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก แต่ต้องยอมรับว่ายังทำได้ไม่ดีนักสำหรับพื้นที่ต่างจังหวัด

ดังนั้นแผนของเลอโนโวที่จะดำเนินการจากนี้คือ เพิ่มความครอบคลุมของตลาดให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก 50% ด้วยการเพิ่มหน้าร้านของเลอโนโวทั้งพีซี, สมาร์ทโฟน และแทบเล็ต จากปัจจุบันมีหน้าร้านสำหรับพีซีแล้วราว 1,000 แห่ง ส่วนกลุ่มมือถือมีราว 10,000 แห่ง

โดยจะเน้นกลุ่มที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งมีสาขากระจายครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการทำกิจกรรมด้านการตลาด เช่น การจ้าง "บัวขาว" เป็นพรีเซ็นเตอร์สมาร์ทโฟนเพื่อสะท้อนจุดเด่นของโทรศัพท์ ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเลอโนโวในไทย

เตรียมพร้อมรอตลาดฟื้น

นายหว่องยังมองว่า ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงอินเดีย อาเซียน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ทุกที่ล้วนมีความท้าทายเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะด้วยสภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมืองของแต่ละประเทศ ทำให้ต้องพิจารณากลยุทธ์ที่จะดำเนินการในแต่ละประเทศว่าบริษัทควรจะย้ายการลงไปทุนไปที่อื่น หรือลงทุนต่อเนื่องในประเทศนั้นๆ อีกหรือไม่

แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เลอโนโวต้องเผชิญอยู่บริษัทเดียว เพราะไม่ว่าจะธุรกิจในอุตสาหกรรมใดก็ต้องเจอเหมือนๆกัน

อย่างไรก็ตามสำหรับไทย เป็นตลาดที่กำลังพัฒนาและมีอัตราการใช้งานอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หรือ "สมาร์ท คอนเนคเต็ด ดีไวซ์" ในอัตราที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว ทำให้ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับบริษัทอย่างเลอโนโวที่จะสร้างการเติบโตในตลาดกลุ่มนี้



นอกจากนี้ข้อมูลจากบริษัทวิจัยยังชี้ชัดว่า แนวโน้มของตลาดสมาร์ท คอนเน็คเต็ด ดีไวซ์มีโอกาสจะเติบโตถึง 20% ในตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่นับว่าสูงที่สุดเทียบกับตลาดในภูมิภาคอื่นๆ

"เรามองเหตุการณ์ตอนนี้ว่าเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นระยะสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งเราควรจะเดินหน้าลงทุนให้หนักขึ้นกว่าเดิม หลายคนอาจจะถอนตัวออกไป แต่เราเชื่อว่าถ้าเราคว้า โอกาสตรงนี้ไว้ ลงทุนต่อเนื่องไปก่อนจนวันที่เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น การเมืองเริ่มนิ่ง นั่นก็จะเป็นเวลาที่เราพร้อมที่จะคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้นในตลาดได้มากกว่าคนอื่น"

ทั้งยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่บริษัทยังต้องปรับปรุงเพื่อรับโอกาสที่กำลังเกิดขึ้น เช่น การร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อผลักดันอีโค่ซิสเต็มส์และทำให้ผู้บริโภคแสดงพลังการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัดที่ยังเติบโตได้อีกมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่เหตุใดเลอโนโวจึงยังควรลงทุนในไทยต่อไป

ไฮไลต์ 'มัลติโหมด'

ในแง่ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มพีซีที่ดูแลเป็นหลักเชื่อว่า เลอโนโวมีผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ โดยเมื่อมองย้อนกลับไปหลายปีที่ผ่านมาเลอโนโวเริ่มมีพีซีที่ตอบโจทย์ความต้องการตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงบนสุด หนึ่งในพีซีกลุ่มที่บริษัทให้ความสำคัญคือ พีซีที่สามารถทำงานได้แบบ "มัลติโหมด" เช่น รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างธิงค์แพด 10 ที่ทำงานได้ ทั้งฟังก์ชั่นของโน้ตบุ๊ค ถอดจอออกมาใช้เป็นแทบเล็ต

หรือแม้แต่ใช้เป็นพีซีที่ทำงานได้แบบสมบูรณ์เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน และคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างจากการใช้พีซีเดิม

แต่แม้จะมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ทำงานได้ดีแล้ว สิ่งที่เลอโนโวยังคงปรับปรุงอีกคือ การหาวิธีที่จะสื่อสารกับผู้บริโภคและทำให้ผู้ใช้เห็นประโยชน์ของการใช้งานผลิตภัณฑ์แบบนี้ และก็เป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทจะต้องลงทุนเพิ่มทรัพยากรทั้งหน้าร้าน และบุคลากร เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทดลองสัมผัสของจริง และเห็นประสิทธิภาพของเครื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถใส่ไว้บนโปสเตอร์โฆษณาได้ แต่ต้องมีพื้นที่ให้ผู้ใช้ได้ลองจริง และมีโปรโมเตอร์คอยให้ข้อมูล เป็นกลยุทธ์สำคัญที่เลอโนโวใช้ทั้งในไทย และตลาด ใหญ่ๆ เช่น อินเดีย และอินโดนีเซีย

"เราเปรียบเส้นทางของเราเหมือนกับคนที่กำลังวิ่งในสนามแข่งมาราธอน คือ รักษาความเร็วในการวิ่งให้คงที่เรื่อยๆ แต่ได้เส้นทางที่ยาว เราไม่ต้องการก้าวแบบรวดเร็วแค่ใน 100 เมตรแรกเหมือนแบรนด์อื่นๆ แต่เราสร้างรากฐานของเรา เน้นการรุกตลาดร่วมไปกับพันธมิตรทางธุรกิจ เติบโตไปพร้อมกันทั้งเลอโนโว และพันธมิตร"

ชูแผนเติบโตยั่งยืน

ผลจากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนทำให้เลอโนโวก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตพีซีอันดับ 1 ของตลาดโลก 5 ไตรมาสติดต่อกัน และยังเป็นแบรนด์อันดับ 3 ในตลาดแทบเล็ต และอันดับ 4 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก

ทั้งนี้เพราะความยั่งยืนทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้ในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะเมื่อลองย้อนมองอดีตที่ผ่านมาจะพบว่าในกลุ่มสินค้าพีซีเคยมีผลิตภัณฑ์ อย่างเน็ตบุ๊ค ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะขนาดเล็ก พกพาสะดวก ราคาถูก

แต่วันนี้หายไปจากตลาดเพราะความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากข้อจำกัดในการใช้งานหลายอย่าง และประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่ดีขึ้นทำให้ต้องการเครื่องที่มีคุณสมบัติดีมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เลอโนโวเชื่อว่าจะเริ่มเกิดกับแทบเล็ตเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามแม้การทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีที่พัฒนาล้ำขึ้น หากสิ่งที่บริษัทต้องตระหนัก เช่นเดียวกันคือ การหาจุดสมดุลระหว่างอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติดีขึ้น และความสามารถในการเป็นเจ้าของ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำไมบริษัทยังต้องมีสินค้าราคาต่ำด้วย

รวมถึงการสร้างความมั่นใจว่าบริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เลอโนโวเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ความยั่งยืน

ส่วนอนาคตของแทบเล็ตจะสูญพันธุ์ไปเหมือนกับที่เคยเกิดกับเน็ตบุ๊คหรือไม่นั้น ผู้บริหารเลอโนโวให้ความเห็นว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละตลาด เพราะขณะนี้มีแทบเล็ตราคาถูกมาก เข้ามาแพร่หลาย ซึ่งอาจจะทำให้คนที่ไม่เคยมีแทบเล็ตได้ลองใช้แล้ว แต่เมื่อผ่านไปจะพบว่าฟังก์ชั่นหลายอย่างใช้งานไม่ได้

"ผมมองว่าแทบเล็ตที่ราคาสมเหตุสมผล เทคโนโลยีเหมาะสม จะยังทำให้ตลาดนี้เติบโตต่อไปได้ ซึ่งก็มีงานวิจัยที่พบพฤติกรรมการใช้งาน คนส่วนใหญ่นิยมใช้แทบเล็ตบนเตียงนอน หรือโซฟา เพราะสะดวกในการเคลื่อนย้ายมากกว่าโน้ตบุ๊ค และเทรนด์นี้จะเกิดกับโน้ตบุ๊คเช่นกัน คือ การใช้งานเฉพาะสำหรับแต่ละอุปกรณ์ เพราะต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถใช้แทบเล็ตเพื่อทดแทนโน้ตบุ๊คได้ทั้งหมด ขณะที่โน้ตบุ๊คก็ยังไม่โมบิลิตี้ได้ดีเท่าแทบเล็ต"

นอกเหนือจากการนำเทรนด์นวัตกรรมมัลติโหมดพีซีแล้ว ผู้บริหารยังย้ำว่า เลอโนโวเป็นแบรนด์ที่มีความได้เปรียบ เพราะความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เริ่มตั้งแต่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สมาร์ทโฟน แทบเล็ต จนถึงการขยายตัวในธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ สำหรับตลาดองค์กรด้วย

'เลอโนโว' ตั้งธุรกิจใหม่เจาะนวัตกรรม

นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้เลอโนโวยังได้ประกาศตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ "นิว บิสิเนส เดเวลอปเมนท์" หรือเอ็นบีดี ในประเทศจีน เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งเสริมให้คน หรือนักประดิษฐ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์นำผลงานของตัวเองเข้ามาพัฒนากับเลอโนโวซึ่งมีความพร้อมของทรัพยากรที่รองรับไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และช่องทางการจำหน่าย

นายหว่อง ระบุว่า หากผลงานมีแนวโน้มที่สามารถต่อยอดได้ เลอโนโวก็จะให้โอกาสในการนำไปผลิตและออกขายในตลาดซึ่งเป็นโอกาสที่ "วิน-วิน" ทั้งเลอโนโว ตัวผู้ประดิษฐ์คิดค้นและผู้ซื้อด้วย เพราะได้มีโอกาสใช้สินค้าที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

โดยขณะนี้มีสินค้า 3 รายการที่ได้รับอนุมัติแล้วคือ "แว่นตา" ที่จะเป็นแว่นตาอัจฉริยะมีคุณสมบัติที่นอกเหนือจากการเป็นแว่นธรรมดา, สมาร์ท เราท์เตอร์ และสมาร์ท แอร์ ฟิลเตอร์ หรือระบบเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ ซึ่งจะเริ่มมีผลิตภัณฑ์เผยโฉมให้เห็นบางตัวเร็วๆ นี้

แต่ทั้งนี้สิ่งที่ยังคงท้าทายเลอโนโวในขณะนี้คือ การหาวิธีทำงานร่วมกับพันธมิตรที่บริษัทมองว่าเป็น "ทรัพย์สินสำคัญ" ของธุรกิจ และมองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่จะต้องทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระยะยาวให้ได้

รวมถึงความมั่นใจว่าสถานการณ์ตลาดจะกลับมาดีในครึ่งปีหลังที่เหลือ และผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะออกสู่ตลาดจากดีลควบรวมกิจการใหญ่ๆ 2 ดีลที่เพิ่งเกิดขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนตามที่ตั้งใจไว้

"เป้าหมายสูงสุดของเราคือ ทำให้เลอโนโวเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในทุกตลาด ซึ่งจะไปถึงจุดนั้นได้เราจะต้องสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ และสำคัญกว่าคือ การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ แม้เราจะประสบความสำเร็จแต่หากลูกค้า หรือพาร์ทเนอร์เราไม่มีแฮปปี้ก็ไม่ถือว่าถึงจุดที่จะฉลองได้ และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจใดๆ ทางธุรกิจในตลาดที่มีแต่ความท้าทาย แต่เราเชื่อมั่นว่ามันจะเกิดขึ้นไม่นาน และเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะลงทุนขยายตลาดในไทย"

ปัจจุบันเลอโนโวลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาปีงบประมาณที่ผ่านมา (เม.ย. 2556 - มี.ค. 2557) ที่มูลค่า 732.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 109.5 ล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า



http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20140813/598360/เคน-หว่อง-ปูทาง-เลอโนโว-เติบโตยั่งยืน.html

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.