Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

20 สิงหาคม 2557 ข้อมูลบริษัทวิจัย IDC ชี้ Acer ดยในไตรมาส 2 ปีนี้ หยุดขาดทุนสะสม และกลับมามีกำไรได้ 9.3% ของรายได้ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555

ประเด็นหลัก


ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ระดับโลก 7.9% เป็นอันดับ 4 ตามข้อมูลบริษัทวิจัยไอดีซี โดย "เอเซอร์" มีผลิตภัณฑ์ แบ่งได้เป็น 5 ส่วน ได้แก่ โน้ตบุ๊ก, อุปกรณ์ต่อพ่วง (โปรเจ็กเตอร์ และมอนิเตอร์), แท็บเลต และบริการคลาวด์, อีบีบีจี (เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ) และสมาร์ทโฟน โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ หยุดขาดทุนสะสม และกลับมามีกำไรได้ 9.3% ของรายได้ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555

สำหรับการทำตลาด "โครมบุ๊ก" (โน้ตบุ๊กที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการโครมของ "กูเกิล") น้ำหนักเบา ราคาเพียง 200 เหรียญสหรัฐ

ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 และมีการเติบโตของยอดขายเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 114% และมี "โน้ตบุ๊ก 2 in 1" ตอบโจทย์การใช้งาน เป็นทั้งแท็บเลตและโน้ตบุ๊ก ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในหลายประเทศเช่นกัน


______________________________




CEO เอเซอร์ดันไทยบุกอาเซียน รุก"สมาร์ทดีไวซ์-แวเรเบิล"



ซีอีโอ "เอเซอร์" เยือนไทย ดันขยายตลาดลุยอินโดจีนเต็มสูบ ปรับตัว-เพิ่มโฟกัสผลิตภัณฑ์เน้น "โมบิลิตี้" ตอบโจทย์ผู้บริโภค ลุยทั้ง "สมาร์ทโฟน-แท็บเลต-แวเรเบิล ดีไวซ์" โชว์ผลงานขาดทุนกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในรอบปีครึ่ง

นายเจสัน เฉิน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวช่วงเดินทางมาประเทศไทยว่า เทคโนโลยีต่าง ๆ พัฒนามากขึ้น ขณะที่การใช้งานของผู้บริโภคเปลี่ยนไปทางโมบิลิตี้ ทำให้ตลาดคอมพิวเตอร์เริ่มชะลอตัว บริษัทจึงต้องปรับตัวทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ เช่น สมาร์ทดีไวซ์ อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเลต แต่ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนค่อนข้างรุนแรง โดยเอเซอร์เริ่มทำตลาดสมาร์ทโฟนมาแล้ว 3 ปีในกว่า 25 ประเทศ และยังให้ความสำคัญกับโน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป เพราะเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ทำมา 26 ปี แม้จะมีความนิยมลดลง แต่ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องใช้งาน

ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ระดับโลก 7.9% เป็นอันดับ 4 ตามข้อมูลบริษัทวิจัยไอดีซี โดย "เอเซอร์" มีผลิตภัณฑ์ แบ่งได้เป็น 5 ส่วน ได้แก่ โน้ตบุ๊ก, อุปกรณ์ต่อพ่วง (โปรเจ็กเตอร์ และมอนิเตอร์), แท็บเลต และบริการคลาวด์, อีบีบีจี (เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ) และสมาร์ทโฟน โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ หยุดขาดทุนสะสม และกลับมามีกำไรได้ 9.3% ของรายได้ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555

สำหรับการทำตลาด "โครมบุ๊ก" (โน้ตบุ๊กที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการโครมของ "กูเกิล") น้ำหนักเบา ราคาเพียง 200 เหรียญสหรัฐ

ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 และมีการเติบโตของยอดขายเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 114% และมี "โน้ตบุ๊ก 2 in 1" ตอบโจทย์การใช้งาน เป็นทั้งแท็บเลตและโน้ตบุ๊ก ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในหลายประเทศเช่นกัน

อีกกลุ่มสินค้าที่ให้ความสำคัญคือ "แวเรเบิลดีไวซ์" ใต้กลุ่มธุรกิจโน้ตบุ๊ก เพราะจำหน่ายควบคู่ไปกับอุปกรณ์อื่น ถือเป็นอนาคต เนื่องจากผู้บริโภคอยู่ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

"บริษัทเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับระบบขององค์กรอื่น ๆ ไม่ใช่แค่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของผู้ใช้เท่านั้น เพื่อให้ข้อมูลเหล่านั้นนำไปใช้ประโยชน์เรื่องอื่น ๆ ได้ เช่น การส่งข้อมูลไปโรงพยาบาล ปัจจุบันทุกตลาดเบลอไปหมด โจทย์หลักที่ต้องแก้คือ ทำให้อย่างไรให้ผู้ใช้ได้สินค้าที่มีประโยชน์สูงสุด เราจะใช้ประสบการณ์ที่มีพัฒนาจนกลายเป็นคนผลิตฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และเซอร์วิสครบ เชื่อมต่อหน้าจอตั้งแต่ 3 นิ้วบนสมาร์ทโฟนไปถึง 30 นิ้วบนออลอินวันได้"

นอกจากนี้ การขยายตลาดไปยังภูมิภาคอินโดจีน บริษัทให้สาขาในประเทศไทยรับผิดชอบ

ด้าน นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า เตรียมเปิดทำงานในพม่าเพิ่ม เพื่อเข้าไปรุกตลาดในทุกกลุ่มสินค้า ส่วนในกัมพูชาและเวียดนามจะทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย

"ตลาดไทยครึ่งปีแรกไม่ดี การควบคุมค่าใช้จ่ายจึงจำเป็นที่ชัดที่สุดคือเราไม่ไปงานคอมมาร์ตเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดบริษัท แต่ไม่ได้ทำให้ยอดขายตกลง เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น โดยตั้งเป้าโน้ตบุ๊กเพิ่มเป็น 35-38% มีสมาร์ทโฟนและแวเรเบิลดีไวซ์เป็นทางเลือกใหม่ ส่วนโครมบุ๊กต้องรอกูเกิลอนุมัติก่อนจึงจะทำตลาดได้"



http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1408442290

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.