Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

23 สิงหาคม 2557 CTH เชื่อว่าจากการมีคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกเข้ามาจะช่วยให้รายได้ของบริษัทจะเติบโตกว่า 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี 1.5 พันล้านบาท

ประเด็นหลัก


การจับมือกับพาร์ตเนอร์ร่วมกันครั้งนี้ยังได้แบ่งแพ็กเกจการรับชมของแต่ละค่ายในรูปแบบที่แตกต่างกัน  โดยเริ่มต้นที่แพ็กเกจของซีทีเอช  ซึ่งผู้ชมจะต้องรับชมผ่านกล่อง Barclays Premier League Box ในราคา 4,995 บาท โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ครบ 380 แมตช์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกล่อง  สำหรับช่อง 3  บริษัทจะเปิดให้รับชมฟรีโดยถ่ายทอดจำนวน 23 นัด  ผ่านช่องทีวีระบบอะนาล็อกและดิจิตอล คาดการถ่ายทอดผ่านทางช่องนี้จะมีผู้ชมประมาณ 5 ล้านคนต่อนัด





 ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจากการมีคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกเข้ามาจะช่วยให้รายได้ของบริษัทจะเติบโตกว่า 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี ขณะที่ปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท









______________________________




พลิกกลยุทธ์'พรีเมียร์ลีก' CTHผนึกพันธมิตรจัดเต็มแพลตฟอร์ม




 "ซีทีเอช"  มั่นใจโกยรายได้ "พรีเมียร์ ลีก" ทะลุเป้า คุ้มทุนในสิ้นปี หลังกวาดเม็ดเงิน 6-7 พันล้านบาท จากการพลิกกลยุทธ์ เอ บี ซี ดี จับมือพาร์ตเนอร์ส่งคอนเทนต์กระจายครบทุกแพลตฟอร์มทั้งฟรีทีวี  , ทีวีดิจิตอล , เพย์ทีวี , สมาร์ทโฟน , อินเตอร์เน็ตทีวี ฯลฯ เผยสุดฮอตจ่อเพิ่มสปอนเซอร์อีกเท่าตัว  ด้านพีเอสไอ  คาดดันยอดขายเพิ่ม 20%
    นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือ CTH  ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ฟุตบอลบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ ลีก  ในประเทศไทย, กัมพูชา และลาว ฤดูกาล 2013/14-2015/16  เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ของบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ ลีก จากการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม ไปสู่การเป็นเจ้าของคอนเทนต์  พร้อมบริหารสิทธิ์ในรูปแบบ 360 องศา  ภายใต้กลยุทธ์ "เอ บี ซี ดี"  โดยเน้นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์และสปอนเซอร์ในการถ่ายทอดการแข่งขันเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ชมการแข่งขันอย่างกว้างขวางหลากหลายช่องทาง  รวมถึงการเข้าถึงกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการร่วมมือกับพันธมิตรจำนวนมากในการถ่ายทอดการแข่งและการจัดกิจกรรมในครั้งนี้  อีกทั้งยังส่งผลให้ซีทีเอช มีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านราย  และจะมีรายได้กว่า 6-7 พันล้านบาท
    "สำหรับพาร์ตเนอร์ในแต่ละช่อง บริษัทได้วางเป้าหมายฐานสมาชิกในแต่ละองค์กรโดยประมาณ คือ พีเอสไอ 1 ล้านราย , จีเอ็มเอ็ม แซท 5-6 แสนราย , ซีทีเอช 4 แสนราย , ไอพีทีวี  1 แสนราย  ,เอไอเอสและดีแทครวมกัน  1 ล้านราย , อาร์เอส  5 แสนราย , สนุกดอทคอม 1.5 ล้านราย  และช่อง 3  จำนวน 5 ล้านรายต่อแมตช์" ขณะเดียวกันยังรวมช่องไทยรัฐทีวีที่จะได้รับการออกอากาศถ่ายทอดสดจำนวน 3 แมตช์ ซึ่งจากการรวมฐานสมาชิกของแต่ละองค์กรจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านรายที่จะได้รับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก"

   alt การจับมือกับพาร์ตเนอร์ร่วมกันครั้งนี้ยังได้แบ่งแพ็กเกจการรับชมของแต่ละค่ายในรูปแบบที่แตกต่างกัน  โดยเริ่มต้นที่แพ็กเกจของซีทีเอช  ซึ่งผู้ชมจะต้องรับชมผ่านกล่อง Barclays Premier League Box ในราคา 4,995 บาท โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ครบ 380 แมตช์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกล่อง  สำหรับช่อง 3  บริษัทจะเปิดให้รับชมฟรีโดยถ่ายทอดจำนวน 23 นัด  ผ่านช่องทีวีระบบอะนาล็อกและดิจิตอล คาดการถ่ายทอดผ่านทางช่องนี้จะมีผู้ชมประมาณ 5 ล้านคนต่อนัด
    สำหรับช่องไทยรัฐทีวี  บริษัทจะเปิดให้รับชมฟรีโดยถ่ายทอดจำนวน 3 นัดเนื่องจากเป็นพาร์ตเนอร์กันมาอย่างยาวนาน  ขณะที่ในส่วนของแกรมมี่  ซึ่งบริษัทเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท จีเอ็มเอ็มบี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือแกรมมี่ พร้อมทั้งร่วมกันออกแพ็กเกจจำนวน 5 แพ็กเกจ ซึ่งสามารถรับชมผ่านกล่อง GMM Z เอชดี ไลท์+CTHZ Premier League Plus HD ครบ 380 นัด จำนวน 5 แพ็กเกจ โดยมีราคาเริ่มต้น 2,999 -5,999 บาท  ขณะที่ด้านอาร์เอส บริษัทได้เข้าไปจับมือร่วมกันจัดทำแพ็กเกจ พร้อมทั้งออกกล่องใหม่ คือ ซันบ็อกซ์ ลาลีกา สตาร์ ซึ่งสามารถรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้ครบ 380 นัด ในราคา 1,590 บาท และสามารถรับชมลาลีกา สเปนฤดูกาลถัดไปได้
    อีกทั้งในส่วนของการร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ อาทิ พีเอสไอ โดยมีจำนวน 4 แพ็กเกจ และสามารถรับชมได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ ผ่านกล่อง O2 HD ซึ่งมีราคาให้เลือก 2 แบบ 1,500-4,999 บาท และผ่านการรับชมแบบ Plug-in ในราคา 2,499 บาท  ขณะเดียวกันในช่วงต้นปีบริษัทได้เข้าไปร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับกลุ่มไอพีทีวี ในนาม บริษัท ดาต้าซีดีเอ็มเอ จำกัด พร้อมออกกล่องรุ่น My World by CTH  และจัดทำแพ็กเกจ คือ 499 - 699 บาทต่อเดือน
    นอกจากนี้ยังมีในกลุ่มเทเลคอม และออนไลน์ที่บริษัทได้ร่วมเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์ อาทิ เอไอเอส ล่าสุดออกแอพพลิเคชัน AIS ON AIR สามารถรับชมผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเลตได้ทั้งในระบบแอนดรอยด์ และ ไอโอเอส  โดยดูได้ครบทั้ง 380 นัด  ในราคา 299 บาทต่อเดือน  อีกทั้งยังร่วมกับดีแทค โดยออกแพ็กเกจชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผ่านระบบสมาร์ทโฟน และแท็บเลตได้ในราคา 499 -1,299 บาทแถมสิทธิพิเศษในการเล่นอินเตอร์เน็ตและโทร.ฟรีเพิ่มเติม  ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งไปที่เว็บไซต์รายใหญ่อย่างสนุกดอทคอมที่ในปัจจุบันมีผู้เข้าชมเว็บไซต์กว่า 2 ล้านคน และมียอดจำนวนผู้ชมหน้า Sanook Sport ประมาณ 1.5 ล้านคนต่อเดือน  สำหรับการร่วมมือสนุกดอทคอมครั้งนี้บริษัทได้ออกแพ็กเกจทั้งในรูปแบบรายวัน และรายเดือน โดยรายวันจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 199 บาทต่อวัน  ขณะที่รายเดือนจะมีราคา 399-699 บาทต่อเดือน
    ขณะเดียวกันบริษัทได้วางแผนเพิ่มสปอนเซอร์เข้ามามากขึ้นประมาณ 10 ราย  จากเดิมในปีที่ผ่านมามีลูกค้าที่เข้ามาสนับสนุนหลักอยู่แล้ว 5 ราย ได้แก่ เอไอเอส, การบินไทย, ฮอนด้า, สิงห์ และโตโยต้า เป็นต้น ซึ่งเมนสปอนเซอร์หลักในปีที่ผ่านมาจะเซ็นสัญญาต่อเนื่องในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทคาดการณ์ว่าหลังจากจบฤดูกาลถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจบจะมีรายได้โฆษณาผ่านช่องฟรีทีวีกว่า 350 ล้านบาท  และรายได้อื่นๆจากการจัดการกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มเติม
    ด้านนายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า จากการจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรครั้งนี้จะช่วยเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน  ซึ่งซีทีเอชจะได้ฐานสมาชิกจากพีเอสไอ ในขณะที่พีเอสไอก็จะได้คอนเทนต์ที่เข้ามาเติมเต็มแพลตฟอร์มให้มีคุณภาพมากขึ้น  นอกจากนี้ในแง่ของรายได้และการดำเนินธุรกิจ บริษัทจะเน้นการจัดกิจกรรมในต่างจังหวัด ขณะที่การโฆษณาและกิจกรรมอีเวนต์ในกรุงเทพฯจะเป็นสิทธิ์ของซีทีเอช  ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจากการมีคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกเข้ามาจะช่วยให้รายได้ของบริษัทจะเติบโตกว่า 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี ขณะที่ปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=243215:-cth&catid=106:-marketing&Itemid=456#.U_hQz0tAeuw

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.