Header Ads

Screen-Shot-2561-02-24-at-11.53.29-PM.png
Breaking News
recent

09 กันยายน 2557 ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ช่อง3 โจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช ตรวจฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.2888/2557

ประเด็นหลัก



  ช่อง 3 ฟ้อง 3 กสทช.
     
       ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 มอบอำนาจให้ นายสุรัตน์ชัย มั่นศรีถาวร ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ศาลรับฟ้องไว้ตรวจฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.2888/2557
     
       คำฟ้องสรุปว่า โจทก์ดำเนินกิจการโทรทัศน์สีช่อง 3 จำเลยเป็นกรรมการ กสทช. และ กสท. เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2557 จำเลยทั้งสาม ได้จัดให้มีการประชุม กสท. นัดพิเศษ ที่สำนักงาน กสทช. โดยทราบดีว่าเป็นการประชุมที่ฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่ง ชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 และระเบียบอื่นๆ โดยมุ่งหมายเพื่อออกคำสั่งทางปกครอง ให้ระงับการนำสัญญาณของโจทก์ไปถ่ายทอดผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลทีวี กล่าวคือ ในการประชุมนั้น ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบ ซึ่งประธาน หมายถึงประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ การประชุมก็คือการประชุม 2 รูปแบบ คือ โดยเปิดเผย กับแบบจำกัดผู้เข้าฟัง โดยประธาน กสท. มีอำนาจกำหนดว่าการประชุมแต่ละครั้งจะเป็นรูปแบบใด ซึ่งต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน การเสนอเรื่อง เจ้าของเรื่องต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณะอักษร เป็นต้น
     
       แต่จำเลยร่วมกันจัดประชุมโดยประธาน กสท. ไม่ได้ออกคำสั่ง ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า กับเร่งรัดให้ประชุมนัดพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพื่อต้องการหลักเกณฑ์ทางปกครอง ไปยังผู้บริหารเครือข่าย ทรู แกรมมี่ เพื่อไม่ให้นำสัญญาณโทรทัศน์ของโจทก์ ออกเผยแพร่ผ่านระบบดาวเทียม และเคเบิล โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ทั้งที่รู้ว่าการประชุมฝ่าฝืนระเบียบ และได้แอบอ้างชื่อ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. ต่อสื่อมวลชนว่า กสท. จัดประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณากรณีปัญหาการระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในระบบสัญญาณอนาล็อก ทั้งๆที่ความจริง ยังไม่มีการเสนอวาระดังกล่าว
     
       จากนั้นโจทก์ได้ระบุเอกสารข้อความในทวิตเตอร์ของ พ.อ.นที รวม 18 รายการ เพื่อสนับสนุนข้อตามฟ้อง อีกทั้งฟ้องต่อไปว่า ข้อความที่โจทก์อ้างในฟ้องรวม 18 ข้อข้างต้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางของจำเลยที่ 1 ทั้งส่งผลกระทบในวงกว้าง มีการนำประเด็นไปเผยแพร่ในสื่อต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง มีข้อความใความโจทก์ด้วยความเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป
     
       นอกจากนี้ โจทก์เห็นว่า จำเลยไม่มีความเป็นกลาง มีเจตนาทุจริตให้ประชาชนเกลียดชังโจทก์ มีลักษณะการกระทำเป็นฝ่ายตรงข้ามโจทก์อย่างชัดเจน รวมทั้งข่มขู่โจทก์เกี่ยวกับการออกอากาศคู่ขนาน ซ้ำจำเลยยังหมิ่นประมาทโจทก์อีก ทั้งในทีวีดิจิตอล และสถานีโทรทัศน์อื่นๆ กล่าวทำนองว่าโจทก์มีอภิสิทธิ์ อำนาจนิยมอุปถัมป์ เป็นต้น ทั้งนี้ การเผยแพร่ความความหมิ่นประมาทดังกล่าวได้ถ่ายทอดไปตามระบบอินเทอร์เน็ต จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีด้วย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
     
       ขณะที่นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสท. กล่าวว่า การฟ้องของช่อง 3 ในช่วงเช้าก่อนที่จะมีการประชุมบอร์ด กสท. นั้น สะท้อนถึงเจตนาที่พยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นกำลังให้เจ้าหน้าที่กฎหมายพิจารณาและอาจจะฟ้องกลับทาง อาญากับช่อง 3
     
       อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ส่วนตัวของ สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ได้โพสต์ข้อความช่วงค่ำวาน นี้ (8ก.ย.) ระบุว่า วันนี้มติ กสท.3:2ให้ สนง.มีมาตรการทางปกครองโดยส่งจดหมายให้โครงข่ายทีวีดาวเทียม+เคเบิลระงับ ช่องที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฏหมายใน15วัน
     
       "ปรกติตนเองจะเป็นเสียงข้างน้อยหลายเรื่องใน กสทช. แต่วันนี้เป็นเสียงข้างมาก3ใน5 กสท.ที่มีมติให้ สนง.ปฏิบัติตามกฏหมายกรณีช่อง3แอนาล็อก"
     
       สุภิญญา ระบุ มติวันนี้ไม่เอกฉันท์ แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจสักที เพราะถกเถียงยืดเยื้อกันมาพอสมควรแล้ว ที่สำคัญมติ กสท.เคยขยายเวลาให้แล้ว 100 วันเหตุผลหนึ่งที่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ล่าช้า เพราะบอร์ด กสท.เห็นไม่ตรงกัน พยายามเชื่อมจุดเหมือนสงวนจุดต่างกันแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องโหวตCh3
     
       "เราใช้เวลาในการแก้ปัญหาเรื่องนี้เกิน100วัน เปิดโอกาสให้ทางช่อง3 ยื่นเสนอทางออกเข้ามา แต่ไม่มีเลย เชิญวันอังคารที่ผ่านมาก็ส่งแต่ทนายมาฟังวันนี้ กสท.3 ท่านเห็นว่าถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการแข่งขันในกิจการโทรทัศน์และขัดต่อกติกาจนเป็นการจง ใจละเว้นหน้าที่"
     
       ขณะที่ บอร์ด กสท.เตรียมทางออกให้ ช่อง3แอนาล็อก เพื่อการเยียวยาประชาชนดังนี้ 1.ขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียม+เคเบิล 2.ขอออกคู่ขนานช่องดิจิตอลที่ประมูลมา
     



______________________________




กสท.ฟันช่อง3จอดำดิ้นส่งทนายฟ้องกลับ3กสทช.



กสท.มีมติให้ส่งหนังสือสั่งผู้ให้บริการโครงข่ายเคเบิล-ดาวเทียม จอดำช่อง 3 อนาล็อก ภายใน 15 วันนับจากที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ หากฝ่าฝืนจะถูกถอนใบอนุญาต ด้านเลขาธิการ กสทช.เปิดช่องให้ยื่นเรื่องอุทธรณ์มายังกสทช.พิจารณาอีกครั้งวันที่ 17 ก.ย. ส่วนช่อง 3 ส่งทนายฟ้อง 3กสทช.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาท ด้าน 'สุภิญญา' ลั่นเล็งฟ้องกลับช่อง 3 ฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
     
       พ.ต.โกเมศ ประทีปทอง ผู้อำนวยการกลุ่มงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด กสท.เมื่อวันที่ 8 ก.ย. มีมติให้ส่งจดหมายถึงผู้ให้บริการโครงข่ายทั้งในระบบเคเบิล และดาวเทียมให้งดออกอากาศช่อง 3 ระบบอนาล็อก โดยให้เวลา 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ หากยังฝ่าฝืนจะมีโทษตั้งแต่ ปรับ พักใบอนุญาต และถอนใบอนุญาต ตามลำดับ โดยผู้ให้บริการโครงข่ายต้องทำอักษรวิ่งแจ้งเหตุผลให้ประชาชนทราบด้วย
     
       ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ในฐานะประธานกสท. ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวถึงมติของที่ประชุมบอร์ดกสท.เหมือนทุกครั้ง เพราะบอร์ดมีมติให้ พ.ต.โกเมศ ออกมาแถลงข่าวแทน ได้ออกมาให้ความเห็นส่วนตัวว่า คาดว่าหนังสือแจ้งเตือนถึงผู้ให้บริการโครงข่ายจะถึงผู้รับภายใน 7 วัน ส่วนกรณีที่ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ช่อง 3) ได้นำแผนงานการแก้ปัญหามายื่นต่อคณะกรรมการ กสท. ในเวลาที่ กสท.เลิกประชุมแล้ว นั้น กสท.ก็จะนำแผนดังกล่าวมาพิจารณาภายหลังโดยเร็วที่สุด
     
       “ผมมีจุดยืนชัดเจน ผมไม่ต้องการให้มีผลกระทบ ในส่วนความเห็นผม ผมมีความเห็นของผม ผมว่ากระบวนการปกครองมีความยืดหยุ่น หลักการและเป้าหมายในการแก้ปัญหาอาจจะไม่ต่างกันแต่กระบวนการอาจต่างกัน ผมเป็นคนประนีประนอมไม่อยากให้ใครเกิดปัญหา ตราบใดที่มีวิธีการอื่น ผมก็จะหาวิธีการอื่นก่อน โดยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อใคร เราต้องรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน เพราะประเด็นโต้แย้งในข้อกฎหมายยังไม่เป็นที่ยุติ ส่วนผู้ให้บริการโครงข่ายจะยื่นฟ้องก็เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่นี่ก็เป็นเพียงความเห็นแย้ง เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่งไม่สำคัญเท่ากับมติของ กสท. ซึ่ง กสท.เรามีความเห็นแตกต่างกันเสมอแต่ไม่แตกแยก”
     
       ส่วนกรณีที่มีการเสนอข่าวสารผ่านสื่อมวลชนว่า การประชุม กสท. นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ล่ม เนื่องจาก ตนเองและพ.อ.ต.ทวีศักดิ์ งามสง่า ไม่เข้าร่วมประชุมนั้น ขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าวไม่มีการกำหนดให้มีการประชุม จึงไม่มีเหตุผลของการประชุมล่ม ซึ่งข้อเท็จจริงคือมีการร้องขอจาก กสท.บางคน เพื่อให้มีการหารือนอกรอบของ กสท.ในวันเวลาดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ กสทช. เชิญ กสท.ทุกคนมาหารือนอกรอบก่อนมีการประชุมวาระปกติในวันที่ 8 ก.ย.แต่เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของกรรมการบางคนและได้แจ้งให้สำนักสื่อสารองค์กรบอกว่ามีการประชุมซึ่งตนเองได้แจ้งให้แก้ไขแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข
     
       ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า หากผู้ให้บริการโครงข่ายได้รับจดหมายแจ้งเตือน ก็ยังไม่จำเป็นต้องยื่นฟ้องแต่สามารถทำเรื่องอุทธรณ์มายัง กสทช.ได้ จากนั้น กสทช.จะนำเรื่องอุทธรณ์เข้าประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่งในการประชุมบอร์ดกสทช.วันที่ 17 ก.ย.
     
       ช่อง 3 ฟ้อง 3 กสทช.
     
       ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 มอบอำนาจให้ นายสุรัตน์ชัย มั่นศรีถาวร ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ศาลรับฟ้องไว้ตรวจฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.2888/2557
     
       คำฟ้องสรุปว่า โจทก์ดำเนินกิจการโทรทัศน์สีช่อง 3 จำเลยเป็นกรรมการ กสทช. และ กสท. เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2557 จำเลยทั้งสาม ได้จัดให้มีการประชุม กสท. นัดพิเศษ ที่สำนักงาน กสทช. โดยทราบดีว่าเป็นการประชุมที่ฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 และระเบียบอื่นๆ โดยมุ่งหมายเพื่อออกคำสั่งทางปกครอง ให้ระงับการนำสัญญาณของโจทก์ไปถ่ายทอดผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลทีวี กล่าวคือ ในการประชุมนั้น ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบ ซึ่งประธาน หมายถึงประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ การประชุมก็คือการประชุม 2 รูปแบบ คือ โดยเปิดเผย กับแบบจำกัดผู้เข้าฟัง โดยประธาน กสท. มีอำนาจกำหนดว่าการประชุมแต่ละครั้งจะเป็นรูปแบบใด ซึ่งต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน การเสนอเรื่อง เจ้าของเรื่องต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณะอักษร เป็นต้น
     
       แต่จำเลยร่วมกันจัดประชุมโดยประธาน กสท. ไม่ได้ออกคำสั่ง ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า กับเร่งรัดให้ประชุมนัดพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพื่อต้องการหลักเกณฑ์ทางปกครอง ไปยังผู้บริหารเครือข่าย ทรู แกรมมี่ เพื่อไม่ให้นำสัญญาณโทรทัศน์ของโจทก์ ออกเผยแพร่ผ่านระบบดาวเทียม และเคเบิล โดยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ทั้งที่รู้ว่าการประชุมฝ่าฝืนระเบียบ และได้แอบอ้างชื่อ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. ต่อสื่อมวลชนว่า กสท. จัดประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณากรณีปัญหาการระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในระบบสัญญาณอนาล็อก ทั้งๆที่ความจริง ยังไม่มีการเสนอวาระดังกล่าว
     
       จากนั้นโจทก์ได้ระบุเอกสารข้อความในทวิตเตอร์ของ พ.อ.นที รวม 18 รายการ เพื่อสนับสนุนข้อตามฟ้อง อีกทั้งฟ้องต่อไปว่า ข้อความที่โจทก์อ้างในฟ้องรวม 18 ข้อข้างต้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางของจำเลยที่ 1 ทั้งส่งผลกระทบในวงกว้าง มีการนำประเด็นไปเผยแพร่ในสื่อต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง มีข้อความใความโจทก์ด้วยความเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป
     
       นอกจากนี้ โจทก์เห็นว่า จำเลยไม่มีความเป็นกลาง มีเจตนาทุจริตให้ประชาชนเกลียดชังโจทก์ มีลักษณะการกระทำเป็นฝ่ายตรงข้ามโจทก์อย่างชัดเจน รวมทั้งข่มขู่โจทก์เกี่ยวกับการออกอากาศคู่ขนาน ซ้ำจำเลยยังหมิ่นประมาทโจทก์อีก ทั้งในทีวีดิจิตอล และสถานีโทรทัศน์อื่นๆ กล่าวทำนองว่าโจทก์มีอภิสิทธิ์ อำนาจนิยมอุปถัมป์ เป็นต้น ทั้งนี้ การเผยแพร่ความความหมิ่นประมาทดังกล่าวได้ถ่ายทอดไปตามระบบอินเทอร์เน็ต จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีด้วย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
     
       ขณะที่นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสท. กล่าวว่า การฟ้องของช่อง 3 ในช่วงเช้าก่อนที่จะมีการประชุมบอร์ด กสท. นั้น สะท้อนถึงเจตนาที่พยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นกำลังให้เจ้าหน้าที่กฎหมายพิจารณาและอาจจะฟ้องกลับทางอาญากับช่อง 3
     
       อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ส่วนตัวของ สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. ได้โพสต์ข้อความช่วงค่ำวาน นี้ (8ก.ย.) ระบุว่า วันนี้มติ กสท.3:2ให้ สนง.มีมาตรการทางปกครองโดยส่งจดหมายให้โครงข่ายทีวีดาวเทียม+เคเบิลระงับช่องที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฏหมายใน15วัน
     
       "ปรกติตนเองจะเป็นเสียงข้างน้อยหลายเรื่องใน กสทช. แต่วันนี้เป็นเสียงข้างมาก3ใน5 กสท.ที่มีมติให้ สนง.ปฏิบัติตามกฏหมายกรณีช่อง3แอนาล็อก"
     
       สุภิญญา ระบุ มติวันนี้ไม่เอกฉันท์ แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจสักที เพราะถกเถียงยืดเยื้อกันมาพอสมควรแล้ว ที่สำคัญมติ กสท.เคยขยายเวลาให้แล้ว 100 วันเหตุผลหนึ่งที่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ล่าช้า เพราะบอร์ด กสท.เห็นไม่ตรงกัน พยายามเชื่อมจุดเหมือนสงวนจุดต่างกันแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องโหวตCh3
     
       "เราใช้เวลาในการแก้ปัญหาเรื่องนี้เกิน100วัน เปิดโอกาสให้ทางช่อง3 ยื่นเสนอทางออกเข้ามา แต่ไม่มีเลย เชิญวันอังคารที่ผ่านมาก็ส่งแต่ทนายมาฟังวันนี้ กสท.3 ท่านเห็นว่าถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการแข่งขันในกิจการโทรทัศน์และขัดต่อกติกาจนเป็นการจงใจละเว้นหน้าที่"
     
       ขณะที่ บอร์ด กสท.เตรียมทางออกให้ ช่อง3แอนาล็อก เพื่อการเยียวยาประชาชนดังนี้ 1.ขอใบอนุญาตทีวีดาวเทียม+เคเบิล 2.ขอออกคู่ขนานช่องดิจิตอลที่ประมูลมา
     
       ยืนยันแจกคูปองตามกำหนดเดิม
     
       นอกจากนี้ นายฐากร ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องการแจกคูปองเงินสดส่วนลดสำหรับแลกอุปกรณ์รับชมทีวีระบบดิจิตอลสำหรับภาคพื้นดิน ว่า ตามที่มีข่าวว่า คูปองจะแจกไม่ได้เพราะมีการระบุเลขประจำตัวประชาชนลงในคูปองอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่นั้น ทาง กสทช.ได้ปรึกษากับอธิบดีกรมการปกครองแล้ว ซึ่งได้ทางออกสำหรับการแก้ปัญหาคือ จะไม่พิมพ์เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และชื่อเจ้าของบ้านลงบนคูปอง แต่จะเปลี่ยนเป็นการพิมพ์เลขประจำบ้าน 11 หลัก พร้อมบ้านเลขที่แทน ซึ่งรหัสดังกล่าวจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร
     
       นอกจากนี้จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจำนวนครัวเรือน ณ วันที่ 8 ก.ย. พบว่าจากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 23.8 ล้านครัวเรือนนั้น กสทช.จะแจกคูปองให้เฉพาะครัวเรือนที่ทะเบียนบ้านมีชื่อเจ้าบ้านเท่านั้น ซึ่งพบว่า มีเพียง 14.1 ล้านครัวเรือน เท่านั้น ที่เหลือเป็นครัวเรือนที่มีบ้าน แต่ไม่มีเจ้าบ้าน และไม่มีผู้อยู่อาศัย จำนวน 7.3 ล้านครัวเรือน และเป็นบ้านที่ไม่มีเจ้าบ้านแต่มีผู้อยู่อาศัย 2.4 ล้านครัวเรือน
     
       ส่วนเรื่องการพิมพ์คูปองนั้น ทางกองสลากได้ให้คำตอบทางวาจาแล้วว่าไม่สามารถพิมพ์เสร็จ โดย กสทช.ต้องหาเอกชนมารับงานแทน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการต้องเสนอราคาที่ไม่แพงกว่างบประมาณเดิม ดังนั้นขอยืนยันว่าการแจกคูปองยังสามารถดำเนินการได้ตามกำหนดการเดิมหรืออาจจะเร็วกว่าวันที่ 15 ต.ค. ด้วยการส่งออกทางไปรษณีย์


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103193&Keyword=%A1%CA%B7

________________________________



ช่อง3รายได้หดกสท.สั่งจอดำหุ้นบวกสวนทาง



       ASTVผู้จัดการรายวัน - ราคาหุ้นช่อง 3 บวก 0.55% ปิดที่ 46 บาท มูลค่าการซื้อขาย 117.27 ล้านบาท สวนมติ กสท. ช่อง 3 อนาล็อกจอดำ นักวิเคราะห์โบรกเกอร์ ประเมินกระทบรายได้ของบีอีซี เวิลด์ ทรุด ขณะที่ค่าใช้จ่ายต้นทุนสัมปทานเพิ่มขึ้น ด้าน “ทรู” ยันรอหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ พร้อมนำช่องสัญญาณมาออกอากาศในช่องหมายเลข 1
     
       ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ทำหนังสือถึงโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิลทีวีไม่ให้นำรายการจากช่อง 3 อนาล็อกไปแพร่ภาพออกอากาศ โดยให้เวลา15วันจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นแล้วนั้น ทีมทนายความช่อง 3 ยื่นฟ้อง 3 กรรมการ กสท. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และหมิ่นประมาท ข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมยืนยันเป็นการรักษาสิทธิตามกฎหมาย
     
       โดยในช่วงปิดตลาดวันนี้ (9ก.ย.)หุ้น BEC : บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) มีราคาอยู่ที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 117,268 ล้านบาท
     
       นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวถึงความเคลื่อนไหวหุ้น BEC : บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ว่า หุ้น BEC ยังคงเคลื่อนไหวทรงตัว ถึงซึมลง โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 ราคาสูงสุดที่ 52 บาท ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 45-46 บาท ลดลง 10% ขณะที่ดัชนีปรับตัวขึ้นจาก 1300 จุดอยู่ที่ 1580 จุด
     
       “ข่าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีน่าจะส่งผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนระดับหนึ่ง ทั้งนี้ทาง BEC มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเปิดช่องดิจิตอลเพิ่ม 3 ช่องในลักษณะค่าสัมปทาน ประกอบกับช่องอนาล็อกเดิมก็ยังคงมีสัญญาสัมปทานเหลืออยู่ หมายความว่ามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากต้องยุติการออกอากาศ หรือ นำรายการจากอนาล็อกไปออกอากาศบนดิจิตอล หมายถึงทาง BEC จะไม่สามารถสร้างรายได้เพิ่ม”
     
       ด้านแหล่งข่าวในทรู กล่าวว่า ทรูยังไม่ได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการจาก กสท. จึงขอรอรับทราบอย่างเป็นทางการก่อน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นคงต้องให้ความร่วมมือ โดยทรู มีขั้นตอนการประชาสัมพันธ์กับสมาชิก คาดว่าจะมีการปล่อยตัววิ่งชี้แจงสมาชิกตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมายขอความร่วมมือ เรื่อยไปจนถึงวันที่ 22 กันยายน 2557 ซึ่งครบระยะเวลา 15 วันก่อนจะปรับนำช่องสัญญาณมาออกอากาศในช่องหมายเลข 1 ต่อไป
     
       อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงก่อนหน้านี้ทาง กสท.ให้เคเบิ้ลทีวียกเลิกการออกอากาศช่อง 3 5 7 9 11 และ ไทยพีบีเอส ในวันที่ 1 พฤษจิกายน 2557 ซึ่งหากสามารถผ่อนผันได้ถึงกำหนดการเดิม ทางองค์กรจะปรับผังรายการอย่างเป็นทางการเพียงครั้งเดียว เพราะทางทรูเองก็มีสัญญากับสมาชิกที่ซื้อแพ็คเกจระดับต่างๆ ขององค์กรว่าจะสามารถรับชมได้กี่ช่องสัญญาณ และเป็นรายการเกี่ยวกับอะไรบ้าง ดังนั้นการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง องค์กรก็ต้องคำนึงถึงสมาชิกขององค์กรด้วย
     
       ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการคระกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ศาลรับฟ้องไว้ ตรวจฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.2888/57 ฟ้องโจทก์บรรยายว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.57 โจทก์ดำเนินกิจการทีวีช่อง3 จำเลยเป็นผู้บริหาร กสทช. และ กสท. จำเลยทั้งสาม จัดให้มีการประชุม กสท. นัดพิเศษ ที่สำนักงาน กสทช. โดยทราบดีว่าเป็นการประชุมที่ฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 และระเบียบอื่นๆ

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103163&Keyword=%A1%CA%B7



_______________________________


มติ กสท.ฟันเปรี้ยง “ช่อง 3 ออริจินอล” จอดำทั้งดาวเทียม-เคเบิล




ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่ให้นำสัญญาณภาพและเสียงของช่อง 3 ออริจินอล ไปออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิลท้องถิ่น ภายใน 15 วัน ผู้ชมต้องใช้ก้างปลา-หนวดกุ้งรับชมได้เท่านั้น
     
       วันนี้ (8 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้โครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีไม่ให้นำสัญญาณภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. หรือช่อง 3 ออริจินอล ไปออกอากาศผ่านดาวเทียมและเคเบิลท้องถิ่น โดยให้เวลาดำเนินการภายใน 15 วัน
     
       ซึ่งหลังจากนี้ โครงข่ายทีวีดาวเทียม กล่องรับสัญญาณดาวเทียม และเคเบิลทีวี มีเวลา 15 วัน ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าจะยุติออกอากาศช่อง 3 ออริจินอลในเร็วๆ นี้ หากฝ่าฝืนนำช่อง 3 ออริจินอลไปออกอากาศ จะมีโทษตั้งแต่ตักเตือน ปรับ พักใบอนุญาต และถอนใบอนุญาตในที่สุด
     
       ขณะเดียวกัน ผู้ชมโทรทัศน์จะสามารถรับชมรายการของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. ได้โดยการรับสัญญาณระบบ UHF ผ่านเสาอากาศก้างปลาและหนวดกุ้งเท่านั้น ซึ่งช่อง 3 ยังมีสัญญาสัมปทานกับ อสมท ถึงปี 2563
     
       อย่างไรก็ตาม สำหรับอีก 3 ช่องที่เหลือ คือ ช่อง 3 เอชดี ช่อง 33, ช่อง 3 เอสดี ช่อง 28 และช่อง 3 แฟมิลี่ ช่อง 13 ซึ่งเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดินที่ผ่านการประมูล ยังสามารถรับชมได้ตามปกติ
     
       สำหรับฝ่ายที่ลงมติให้นำช่อง 3 ออริจินอลออกจากโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี ประกอบด้วย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์, พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และนายธวัชชัย จิตรภาษนันท์ ส่วน 2 เสียงที่เห็นว่าให้ช่อง 3 ออริจินอลยังคงอยู่ในโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี คือ พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. และ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า
     
       อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม กสท. มีมติให้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. สิ้นสุดการเป็นผู้ให้บริการทีวีที่ให้บริการโดยทั่วไป (ฟรีทีวี) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 แต่ช่อง 3 ยังคงอ้างประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 27 เพื่อสามารถออกอากาศผ่านระบบเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมได้


http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103007&Keyword=%A1%CA%B7


_________________________________________


มติกสท.3:2ถอดปลั๊ก

ช่อง3จอมืด

ห้ามออกดาวเทียม-เคเบิ้ล

ขู่ใครฝ่าฝืนยึดใบอนุญาต

เปิดช่องอุทธรณ์ใน15วัน

เมื่อวันที่ 8 กันยายน เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.)

ซึ่งที่ประชุมบอร์ด กสท.ได้ลงมติด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 เพื่อลงมติออกคำสั่งทางปกครองให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิล จะต้องงดแพร่ภาพการออกอากาศของบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด หรือสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศบนจานดาวเทียมและเคเบิล

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. จะส่งคำสั่งทางปกครองไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดาวเทียม และเคเบิล ภายใน 15 วัน นับจากที่ลงมติบอร์ดหลังจากผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดาวเทียมและเคเบิล ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งจะส่งผลให้ช่อง3อนาล็อกไม่สามารถออกอากาศบนดาวเทียมและเคเบิลได้อีกต่อไป และยังมีมติห้าม พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท.เป็นผู้แถลงข่าวเช่นทุกครั้งโดยมอบหมายให้ พ.ต.โกเมธ เประทีปทอง ผู้อำนวยการสำนักกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์และการประชุม กสทช.ป็นผู้แถลงข่าวแทน

สำหรับ 3 คะแนนเสียงที่เห็นด้วย คือ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ นายพีระพงษ์ มานะกิจน.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ส่วน 2 คะแนนเสียงที่ลงมติไม่เห็นด้วย คือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. และ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า

พ.ตโกเมธ ประทีปทอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์และการประชุม กสทช.กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดกสท.มีมติให้ผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดาวเทียม และเคเบิล ต้องปลดช่อง 3 ระบบอนาล็อค ลงจากโครงข่ายภายใน 15 วัน นับจากได้รับหนังสือจากสำนักงาน กสทช. อย่างเป็นทางการ หากผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิล ฝ่าฝืนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดคือสั่งปรับ และเพิกถอนใบอนุญาต

เนื่องจากช่อง3อนาล็อก สิ้นสุดการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปหรือฟรีทีวี ตามประกาศหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป(มัสต์แครี่) พ.ศ.2555ตั้งแต่วันที่1ก.ย.2557หากต้องการออกอากาศ บนโครงดาวเทียมและเคเบิล จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กสทช.กำหนดคือช่อง3อนาล็อกจะต้องออกอากาศคู่ขนานในช่องทีวีดิจิตอล ช่องใดช่องหนึ่งที่ประมูลได้ และต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัสน์แบบบอกรับสมาชิก(เพย์ทีวี)ที่โฆษณาได้เฉลี่ย6นาทีต่อชั่วโมง ขณะที่สัญญาสัมปทานของช่อง 3จะสิ้นสุดในปี2563

และที่ประชุมยังมีมติให้เชิญ ทรูวิชั่นส์ ช่อง3 ทีวีดิจิทัล 24 ช่องและโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือทรท.หารือวันที่10 ก.ย.เกี่ยวกับการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์

ขณะเดียวกัน ผู้ชมโทรทัศน์ จะสามารถรับชมรายการของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3อ.ส.ม.ท.ได้โดยการรับสัญญาณระบบUHFผ่านเสาอากาศก้างปลาและหนวดกุ้งเท่านั้นซึ่งช่อง 3 ยังมีสัญญาสัมปทานกับอสมท ถึงปี2563 ส่วนอีก 3 ช่องที่เหลือคือ ช่อง 3 เอชดี ช่อง 33,ช่อง 3 เอสดี ช่อง 28 และช่อง3 แฟมิลี่ ช่อง13ซึ่งเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดินที่ผ่านการประมูล ยังสามารถรับชมได้ตามปกติ

นายฐากร ตัณสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า กรณีของช่อง3 สามารถยื่นอุทรณ์ได้ที่ กสทช.ภายใน15วันหลังจากนี้เพื่อที่จะนำวาระเข้าประชุมบอร์ด กสทช.วันที่ 17 ก.ย.นี้โดยชี้ทางออกช่อง 3 ให้ ยื่นอุทรณ์มาที่บอร์ด กสทช.ชุดใหญ่ได้ ไม่เห็นด้วยกับมติ กสท เมื่อวันที่ 3 และให้ห้ทบทวนมติวันที่3ไม่ให้บังคับใช้กับช่อง3เนื่องจากละเมิดบทเฉพาะกาล อีกทั้งระหว่างนี้ใน 15วัน อยู่ระหว่างการเข้าประชุม บอร์ด กสทช. สามารถให้ช่อง3อนาล็อก แพร่ภาพออกอากาศบนโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดาวเทียมและเคเบิลได้

ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกสท. ออกเอกสารที่เห็นแย้งกรณีช่อง3อนาล็อกว่าช่อง3ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่จะต้องไม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทางปกครองชี้แจงข้อเท็จจริงรวมทั้งเกิดผลดีต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านการให้บริการจากอนาล็อกไปสู่ทีวีดิจิตอล เป็นภารกิจสำคัญของกสท.และการพัฒนาประเทศในภาพรวม

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก บริษัทบางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้ดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ฟ้อง 3 กสทช. ประกอบด้วย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยเฉพาะจำเลยที่1ให้สัมภาษณ์ มีข้อความใส่ความโจทก์และมีการโพสข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ตามเว็บไซต์อื่นซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ซึ่งศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดฟังคำสั่งว่าจะรับไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้หรือไม่ วันที่18 ก.ย.นี้เวลา09.00น.

เวลา16.00น.เครือข่ายผู้บริโภคนำโดยนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจ 3 กรรมการ กสท.ที่ถูกช่อง3ยื่นฟ้องดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาท และกระทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551โดย น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า กำลังพิจารณาเจตนาการฟ้องร้องของช่อง 3 ว่า สุจริตหรือไม่ เมื่อหารือฝ่ายกฏหมายแล้ว ถ้ามีเจตนาในการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ก็เตรียมที่จะยื่นฟ้องต่อศาลอาญากลับ



ด้าน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยในวันเดียวกันว่า ได้หารือร่วมกับ นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง โดยกสทช.ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมการปกครองจากข้อมูล เมื่อวันที่ 8 กันยายนพบว่าประเทศไทยขณะนี้มีจำนวนครัวเรือนอยู่ทั้งสิ้น23.8ล้านครัวเรือนโดยแบ่งเป็นครัวเรือนที่มีทะเบียนบ้านและมีเจ้าบ้านอาศัยอยู่ 14.1ล้านครัวเรือน ครัวเรือนที่ไม่มีเจ้าบ้านและไม่มีคนอาศัยอยู่จำนวน7.3ล้านครัวเรือน และครัวเรือนไม่มีเจ้าบ้านแต่มีคนอยู่อาศัย2.4ล้านครัวเรือน และหลังได้รับข้อมูล กสทช.จึงปรับเปลี่ยนจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการแจกคูปองเงินสนับสนุนค่าอุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลจาก22.9ล้านครัว เป็นฐานข้อมูลครัวเรือนปัจจุบัน ที่มีเจ้าบ้านและผู้อยู่อาศัยอาศัยอยู่14.1ล้านครัวเรือน พร้อม ขอยืนว่าการจัดส่งคูปองที่มีกำหนดจัดส่งในวันที่15 ตุลาคมนี้ตามกำหนดเดิม ถ้าเป็นไปได้ กสทช.จะเร่งให้กระบวนการแจกคูปองเร็วกว่าที่กำหนดเช่นกันถึงต้องหาโรงพิมพ์ใหม่

http://www.naewna.com/business/120717

ไม่มีความคิดเห็น:

So Magawn ( รวบรวบประวัติศาสตร์โทรคมนาคมและการสือสารไทย ). ขับเคลื่อนโดย Blogger.